เข้าสู่โลกนิยายเพื่อไปเป็นแม่เลี้ยงจอมโหดของสามวายร้าย - บทที่ 534 ร้องอะไร (ล้างแค้น)
บทที่ 534 ร้องอะไร (ล้างแค้น)
ไช่หุ่ยใช้เวลาสักพักจึงสามารถประมวลผลคำพูดของอาชิงได้ จากนั้นก็กระอักเลือดออกมา ตาทั้งสองข้างเหลือกขึ้นก่อนจะสลบไป
อาชิงเข้าไปตรวจดูลมหายใจ “เอ๊ะ ยังไม่ตายอีกหรือ?
ข้าคิดว่าตัวเองจะสามารถทำให้คนโมโหจนตายได้แล้วนะเนี่ย”
เย่จิ่งฝูที่เห็นทุกอย่าง ท่าทางผิดหวังของเจ้านั่นมันเรื่องอะไรกันฮึ เจ้าเด็กน้อย!?
ไป๋จิ่นกระชากซือถูรุ่ยขึ้นมา “เจ้าอย่ามามองข้าด้วยสีหน้าไม่พอใจเช่นนี้ เพราะความลำบากที่แท้จริงของเจ้ายังมาไม่ถึงด้วยซ้ำ”
ตอนนี้ไป๋จิ่นไม่มีเวลาว่างมาทรมานเขาอีก เพราะท้องของเขาหิวขึ้นมาแล้ว ต้องไปหาของกินก่อน กินเสร็จ…ถึงจะมีแรงเข้าไปในป่าน้อยผืนนั้น อะแฮ่ม ไปนวดต่างหากเล่า
ไป๋จิ่นเดินข้ามซือถูรุ่ย และไปอยู่ข้างกายของเยว่พั่วหลัว ก่อนจะช่วยนางถอนขนไก่
ซือถูรุ่ยเคยได้รับความอัปยศเช่นนี้ที่ใดกัน เขาจึงหันหน้ามองไปรอบ ๆ แต่เพราะฟ้ามืดลงแล้ว สิ่งเดียวที่เขาเห็นได้ชัดในตอนนี้ก็คือ ภาพสะท้อนของคนที่กำลังกอดกันอยู่หลังฉากกั้นนั่น
ซือถูรุ่ยดวงตาเบิกโพลง ในหัวมีภาพเมื่อหกปีก่อนผุดขึ้นมาทันที
.
.
ตอนนั้นเขาตามท่านพ่อไปออกทัพ ยึดชนเผ่าใกล้เคียงมากมาย ปล้นชิงทรัพย์สมบัติกลับมาก็มาก และยังได้นำลูกแกะน้อยที่เชื่องและน่ารักตัวหนึ่งมาให้น้องสาวสุดที่รักของเขาด้วย
“เซิงเซิงต้องชอบมันแน่” ซือถูรุ่ยอุ้มลูกแกะตัวน้อยที่นุ่มนิ่มไว้ในอ้อมแขนของตัวเองขณะที่เดินไปยังลานบ้าน ทว่าสิ่งที่เขาเห็นก็คือ น้องสาวสุดที่รักของเขากำลังอิงแอบอยู่ในอ้อมแขนของชายหนุ่มจากเผ่าหมาป่าผู้ต่ำต้อยนั่น
เขายังแอบหอมนางอีกด้วย
.
.
ภาพในตอนนั้นผุดขึ้นมาอีกครั้ง จิตใจที่วิปริตแต่เดิมของซือถูรุ่ยก็ปะทุขึ้นมา
เขาไม่สนใจโซ่ที่คล้องคอ และความเจ็บปวดบนร่างกาย ใช้มือจิกกับพื้นดินเพื่อคลานไปหาพวกเขา
“เซิงเซิง เจ้าเป็นของข้า เจ้าเป็นของข้า!” เขาพึมพำกับตัวเอง
“เหลวไหล เจ้ามีสิทธิ์อะไรกัน” อาอินถุยน้ำลายใส่เขาไปหนึ่งที แล้วเตะซือถูรุ่ยจนกระเด็นออกไป
เขากลิ้งไปบนพื้นหนึ่งตลบ ก่อนจะอาศัยแสงไฟมองใบหน้าของอาอินอย่างชัด ๆ
“เจ้า!”
อาอินตั้งใจเดินเข้าไปใกล้ “ทำไม รู้สึกคุ้นหน้าข้ามากใช่หรือไม่”
อาอินเชิดหน้าขึ้น บีบคางของซือถูรุ่ยเอาไว้ แล้วลากเขาเข้ามาใกล้อีกหน่อย “เช่นนั้นเจ้าก็มองให้ชัด ๆ เพราะข้าเป็นลูกสาวของพวกเขา เป็นเด็กที่เจ้าโยนทิ้งในตอนนั้น”
ซือถูรุ่ย “เจ้า…พวกเจ้า…เป็นไปได้อย่างไร…”
ในขณะที่เขายังไม่อยากจะเชื่อนั้น อาชิงก็ปรากฏตัวขึ้นเช่นกัน เด็กทั้งสองคนล้วนมีหน้าตาเหมือนกับพ่อแม่ของพวกเขา
พวกเขาคือทารกที่ตอนนั้นเขาโยนทิ้งด้วยตัวเอง เด็กที่เดิมควรถูกฝังไว้ในภูเขาที่เต็มไปด้วยหิมะ
กลับมีชีวิตอยู่
และกลับมาอยู่ข้างกายของนางได้อีกครั้ง ยังมีเจ้ามนุษย์หมาป่าชั้นต่ำที่สมควรตายผู้นั้นอีก
ทางด้านนี้ อาเหริ่นก็ใช้ผ้าพันศีรษะของเซิงเซิงเอาไว้ จากนั้นก็อุ้มนางออกมาสูดอากาศ ทันทีที่ซือถูเซิงเห็นซือถูรุ่ยที่นอนอยู่บนพื้น ก็ขดตัวเข้าไปในอ้อมแขนของอาเหริ่นโดยไม่รู้ตัว
“ข้าไม่อยากเห็นเขา ข้าไม่อยากเห็นเขา!”
“ท่านแม่ไม่ต้องกลัวเจ้าค่ะ!” อาอินได้ยินเสียงร้อง จึงลากซือถูรุ่ยออกไปทันที
“ซือถูเซิง เจ้ามองข้า ซือถูเซิง” ซือถูรุ่ยขัดขืนอย่างสุดกำลัง และสะบัดอาอินออกไป
เซียวเซวียนจิ่นจึงรีบวางของในมือลงทันที แล้วกระโดดไปรับตัวอาอินเอาไว้
ซือถูรุ่ยเนื่องจากตื่นเต้นมากที่ได้เห็นซือถูเซิง จึงมีเรี่ยวแรงขึ้นมาและดึงโซ่เหล็กจนขาดได้ ก่อนจะวิ่งไปทางนาง
ตอนที่กำลังจะคว้าตัวซือถูเซิงได้แล้วนั้น นิ้วที่ยื่นออกมาของเขาก็ถูกคนฟันจนขาดทันที เผยเสี่ยวเตาดึงดาบกลับไป เผยยวนก็รีบวิ่งมากระชากปลายอีกด้านหนึ่งของโซ่ที่ขาดแต่ยังพันอยู่ที่คอ แล้วลากซือถูรุ่ยกลับมา
“เป็นขันทีแล้วยังไม่รู้จักสงบเสงี่ยมเจียมตัวอีก!” เย่จิ่งฝูลุกขึ้นยืนทันที นางเกลียดพวกสุนัขที่รังแกผู้หญิงมากที่สุด!
เห็นหนึ่งคนก็อยากจะจัดการหนึ่งคน
ซือถูเซิงสั่นเทาไปทั้งร่าง น้ำตาไหลออกมาไม่ขาดสายอย่างไม่อาจควบคุมได้ อาเหริ่นรู้สึกสงสารนางจับใจ เขาจึงกอดนางเอาไว้ในอ้อมแขนแน่น “เซิงเซิงไม่ต้องกลัว ไม่มีอะไรแล้ว ไม่มีอะไรแล้ว”
ซือถูเซิงมองลอดช่องว่างระหว่างนิ้วไปทางซือถูรุ่ย เห็นดวงตาคู่นั้นของเขายังคงจ้องเขม็งมาที่นาง ก็ตกใจอย่างมากจนต้องหันหน้าหนีทันที
นางคว้าเสื้อของอาเหริ่นแล้วเอ่ยขึ้นมา “อย่าให้ลูกเข้าไป เขาเป็นผีร้าย เขาจะทำร้ายพวกเขา!”
อาเหริ่นรีบปลอบนาง ก่อนจะพานางเดินไกลออกไป “เซิงเซิง อาชิงกับอาอินกล้าหาญมาก แล้วก็มีความสามารถมากด้วย”
แม้แต่เขาบางครั้งก็ยังต้องให้ลูก ๆ คอยดูแลด้วยซ้ำ
“พวกเขาเป็นของขวัญที่ดีที่สุดที่เทพเจ้ามอบให้พวกเรา”
ส่วนอาชิงเวลานี้ก็ได้หยิบยาเม็ดออกมาจากกระเป๋าใบน้อย
“เจ้าโจรสุนัข กล้าทำให้ท่านแม่ของข้าตกใจจนร้องไห้อย่างนั้นหรือ ข้าจะให้เจ้าเห็นความร้ายกาจของข้า!”
เขาคิดไปคิดมาก็หยิบกิ่งไม้มาสองกิ่ง เสียบยาเอาไว้แล้วคนลงไปในอึที่จ้านอิ่งเพิ่งจะอึออกมา “พี่หญิง ง้างปากเขาออกที”
อาอินใช้แรงที่มีง้างปากของซือถูรุ่ยออก อาชิงจึงยัดยาเข้าไปในปากของเขาทันที “อย่าให้เขาคายออกมา!”
“เจ้าคนสารเลว รังแกท่านแม่ของข้า กล้าทำเช่นนี้กับน้องสาวของเจ้าอย่างนั้นหรือ? เจ้ามันสัตว์เดรัจฉาน!” อาชิงรู้สึกว่ายาที่ทำให้อ้วนและหัวโล้นยังมีฤทธิ์ไม่แรงพอ!
เย่จิ่งฝูคิดไปคิดมา “ให้เขากินสิ่งนี้ กินเสร็จแล้วเขาก็จะกลายเป็นหญิง”
“ใช่แล้ว!”
เมื่อคิดถึงสิ่งที่ซือถูเซิงต้องประสบหลายปีมานี้ ทั้งต้องทนกินแต่น้ำข้าว ทนให้คนพวกนั้นถุยน้ำลายใส่ชามนั่นด้วย ท่านแม่ล้วนทนรับมาทั้งหมด ตอนนี้ให้เขากินขี้ม้าก็นับว่าเมตตาเจ้าโจรสุนัขผู้นี้มากแล้ว
ซือถูรุ่ยผู้นี้สมกับที่เป็นคนวิกลจริตจริง ๆ นิ้วทั้งห้าของเขาถูกตัดไปแล้ว เขาก็ยังไม่ร้องสักแอะ เผยยวนล่ามเขาไว้อีกครั้ง ทว่าเขาก็ยังจ้องซือถูเซิงไม่เลิก
จี้จือฮวนกำลังอุ่นก้นหม้อ เมื่อได้ยินเสียงเอะอะโวยวายจึงลุกขึ้นยืน
เว่ยเจ๋อเซิงรีบหลีกทางให้ และปิดตาเล็ก ๆ ของตัวเองเอาไว้ทันที เพราะภาพที่จะเกิดขึ้นต่อจากนี้เขาไม่กล้ามองอีกแล้ว
แล้วก็จริง เมื่อจี้จือฮวนกลัวว่าจะทำให้ทัพพีสกปรก นางจึงล้วงเอามีดทหารออกมาแทน
ซือถูรุ่ยดวงตาเบิกโพลง เพราะเขาจำมีดเล่มนั้นได้ และผู้หญิงตรงหน้าคนนี้ก็ทำให้เขาต้องประสบกับสิ่งที่ผู้ชายกลัวมากที่สุด
พวกจีฝูเย่นั่งอยู่ตรงมุมหนึ่งอย่างสงบ เพราะจีฝูเย่เวลานี้กำลังตั้งใจศึกษาปืนพกไม้อยู่ แต่เสียงเอะอะโวยวายนั้นดังเป็นอย่างมาก เขาจึงสละเวลายอมเงยหน้าขึ้นมองเล็กน้อย
ทันทีที่เงยหน้าขึ้นก็เห็นจี้จือฮวนใช้มีดควักลูกตาทั้งสองข้างของซือถูรุ่ยออกมา
“ในเมื่อดวงตาคู่นี้ของเจ้าเอาแต่จ้องคนที่ไม่ควรจ้อง ดังนั้นมีเอาไว้ก็ไม่มีประโยชน์ ไม่สู้เอาไปให้หมูกินเสียยังจะดีกว่า” จี้จือฮวนโยนทิ้งส่ง ๆ หมูเหยี่ยวล่าเหยื่อที่อยู่บนต้นไม้กระพือปีกบินลงมาคาบไปกินทันที
จีฝูเย่ตัวสั่นเทาขึ้นมา อาจารย์ของเขายังเก่งวิชาใช้มีดด้วยหรือนี่!
“พวกเขาทำกับซือถูรุ่ยเช่นนี้ เกรงว่าเมืองเจว๋เฉิงคงต้องเปลี่ยนเจ้าเมืองใหม่แล้ว”
“ต้าจิ้นเปลี่ยนฮ่องเต้องค์ใหม่ ย่อมไม่มีทางเหมือนตอนเซี่ยเจินแน่ หากเป็นเซี่ยเจิน เกรงว่าคงมีราชโองการเรียกเผยยวนกลับราชสำนักไปแล้ว เพราะกลัวว่าเผยยวนจะตั้งตัวเป็นฮ่องเต้เสียเอง” ซือเยียนเอ่ยเสียงเย็นออกมา
จี้จือฮวนควักลูกตาของซือถูรุ่ย ทำให้ซือถูรุ่ยโกรธเกรี้ยวอย่างมาก “พวกเจ้า…พวกเจ้าก็แค่อาศัยคนหมู่มากทำร้ายคนอื่น พวกเจ้าเป็นใครกันแน่! เป็นเผ่าหมาป่าอย่างนั้นหรือ ข้าไม่เคยรู้เลยว่าพวกเจ้ามีความสามารถเช่นนี้ด้วย หากรู้เช่นนี้ตอนนั้นข้าควรสังหารพวกเจ้าให้หมดไปซะ”
“ชีวิตคนมี ‘ถ้ารู้อย่างนี้’ ที่ใดกัน แต่เจ้าเดาผิดแล้ว พวกเราไม่ใช่เผ่าหมาป่า แต่เราเป็นชาวต้าจิ้น”
.
.
.
0