เข้าสู่โลกนิยายเพื่อไปเป็นแม่เลี้ยงจอมโหดของสามวายร้าย - บทที่ 546 เจรจาไม่สำเร็จก็ต้องบุก
- Home
- เข้าสู่โลกนิยายเพื่อไปเป็นแม่เลี้ยงจอมโหดของสามวายร้าย
- บทที่ 546 เจรจาไม่สำเร็จก็ต้องบุก
บทที่ 546 เจรจาไม่สำเร็จก็ต้องบุก
มู่หรงจาวครั้งนี้ไม่ได้เลี่ยงคำถามของนาง และยังคงยืนนิ่งอยู่ที่เดิม มุมปากยกเป็นรอยยิ้มเย้ยหยัน
องค์หญิงจินฮวาหัวใจกระหวัดขึ้นมา “มู่หรงเจี๋ยเล่า? ข้ากินข้าวอยู่เขามีอะไรไม่สะดวกกัน มู่หรงเจี๋ย! เจ้าเข้ามาเดี๋ยวนี้นะ!”
น่าเสียดายที่ด้านนอกมีเพียงเสียงลมที่พัดมาเท่านั้น
เงียบจนน่ากลัว
องค์หญิงจินฮวาเวลานี้ ก็ยังไม่คิดว่ามู่หรงจาวจะกล้าทำอะไรนาง
เพราะคนที่ไม่ชอบนางนั้นมีมากมาย แต่ใครบ้างที่ไม่รู้ว่านางเป็นลูกสาวสุดที่รักของชิงเหออ๋อง!
นางเป็นคนที่สูงส่งที่สุด แม้แต่ลูกสาวของท่านข่านก็ยังต้องผูกมิตรกับนางเอาไว้
“พี่ชายเจ้าเล่า?” นางเอ่ยถาม
มู่หรงจาวเอ่ยตอบด้วยรอยยิ้ม “เขาไม่มาแล้ว”
องค์หญิงจินฮวาโกรธเกรี้ยวขึ้นมา เดิมวันนี้ก็ไม่เป็นไปตามที่ใจนางต้องการอยู่แล้ว มู่หรงเจี๋ยผู้นั้นยังกล้าแข็งข้อกับนางอีกอย่างนั้นหรือ!
ก็แค่หัวหน้าเผ่าชั้นต่ำคนหนึ่ง คิดว่าตัวเองเป็นใครกัน!
นางรู้สึกพอใจในตัวเขาจึงได้ยอมช่วยเหลือ หากนางเบื่อ เขาก็เป็นแค่เศษสวะ!
น่าเสียดายที่ใกล้มือเวลานี้ไม่มีของอะไรที่สามารถขว้างปาได้ นางถูกยั่วโมโหจนรู้สึกแน่นหน้าอกและแทบจะหายใจไม่ออกอยู่แล้ว
อีกทั้งความรู้สึกนี้ก็ยิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ
รุนแรงจนองค์หญิงจินฮวาต้องอ้าปากกว้าง จ้องมองมู่หรงจาวและเริ่มหายใจไม่ออก จากนั้นนางก็กุมหน้าอกเอาไว้ รู้สึกเจ็บจนกลิ้งลงมาจากบนกองหญ้าแห้ง
ก่อนจะกลิ้งไปมาบนพื้น
“เจ็บ! เจ็บยิ่งนัก เจ้าให้ข้ากินอะไรไป!”
มู่หรงจาวขยับออกไปสองก้าว เพื่อป้องกันไม่ให้องค์หญิงจินฮวานั่นคว้าอะไรจากตัวของนางได้ก่อนตาย
“ย่อมต้องเป็นของดีที่จะเอาชีวิตองค์หญิงน่ะสิเพคะ ข้าดูปฏิทินมาแล้ว วันนี้เหมาะที่จะเคลื่อนศพยิ่งนัก ข้ากับพี่ชายจะเตรียมโลงไม้อย่างดี ส่งองค์หญิงกลับเมืองหลวงอย่างสมบูรณ์เอง วางใจได้เพคะ ท่านจะยังคงเป็นลูกสาวที่ชิงเหออ๋องรักมากที่สุด คาดว่าเขาคงจะฝังศพท่านอย่างยิ่งใหญ่แน่นอน เมื่อคิดเช่นนี้แล้วชีวิตของท่านก็ถือว่าโชคดีกว่าคนอื่นอีกมากนะเพคะ”
องค์หญิงจินฮวาเบิกตากว้าง “เจ้า เจ้ามันผู้หญิงสารเลว เจ้ากล้าทำร้ายข้าอย่างนั้นหรือ เจ้าบังอาจเกินไปแล้ว!”
พริบตาต่อมาองค์หญิงจินฮวาก็หายใจไม่ออกและตายอยู่ตรงนั้น นอนแน่นิ่งอยู่บนพื้น ทว่าดวงตายังคงเบิกโพลงและจ้องมองมู่หรงจาวอยู่อย่างนั้น
มู่หรงจาวรออยู่สักพัก จึงเดินเข้าไปเอาปลายเท้าเขี่ยหน้าของนางเบา ๆ เมื่อเห็นว่านางตายแล้วจริง ๆ จึงได้หยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาปิดปาก ย่อตัวลงแล้วพูดด้วยรอยยิ้ม “จะโทษก็ต้องโทษที่เจ้ากับพ่อของเจ้าก่อกรรมทำเข็ญไว้มาก และยังขวางทางพี่ใหญ่กับข้าด้วย”
วันนี้หากนางไม่โผล่มาก่อกวนเผยยวนละก็ นางก็คงไม่ต้องทำเช่นนี้
เมื่อมู่หรงจาวออกมาจากถ้ำ มู่หรงเจี๋ยที่ยืนรออยู่ด้านนอกก็เอ่ยถามขึ้นมา “เป็นอย่างไรบ้าง?”
“ตายแล้วเจ้าค่ะ ท่านก็จัดการคนที่นางพามาด้วยนะเจ้าคะ และจำไว้ว่าอย่าใช้ดาบวงพระจันทร์ของเผ่าเรา ต้องใช้หอกยาวของทหารเมืองเจว๋เฉิงของซือถูรุ่ยเท่านั้น”
“ได้”
มู่หรงเจี๋ยเดินไปได้สองก้าวก็หันมาพูดว่า “อาจาว เจ้าเชื่อใจเนี่ยเจิ้งอ๋องกับภรรยาเพียงนั้นเชียวหรือ การที่พวกเราทำเช่นนี้ถือเป็นการล่วงเกินชิงเหออ๋องนะ”
มู่หรงจาวปรายตามองเขาเล็กน้อย “คนที่จะทำการใหญ่หากยังขี้ขลาดตาขาวเช่นนี้ ท่านจะเดินไปได้ไกลได้อย่างไร?
ท่านควรดีใจที่ตระกูลมู่หรงของเรายังมีโอกาสให้พวกเขาสามีภรรยาเรียกใช้ พันธมิตรเช่นนี้ห้ามทำพังเด็ดขาด ต้าจิ้นในภายภาคหน้าต้องรุ่งเรืองกว่าในอดีตอย่างแน่นอน ท่านพี่ สายตาข้าไม่มีทางมองพลาดแน่ ข้าจะวางกลยุทธ์ให้ท่านเองเจ้าค่ะ”
มู่หรงจาวยืนอยู่ข้างกองไฟนอกถ้ำ ฟังเสียงเข่นฆ่าที่ดังขึ้นทางด้านหลัง ก่อนจะเงยหน้ามองดูดวงจันทร์บนท้องฟ้า
เมื่อก่อนนางอาจจะเดินเพียงลำพัง แต่ในอนาคตนางจะมีคนในเผ่า และครอบครัวร่วมฝ่าฟันไปด้วย
นางจะไม่มีวันยอมให้ใครมาควบคุมโชคชะตาของนางอีกแล้ว และจะไม่เอาตัวเองไปผูกกับชายใดอีกแล้ว
นางต้องการคนหนุนหลังที่แข็งแกร่ง และขึ้นไปอยู่ในจุดที่สูงที่สุดของอำนาจ
…
จี้จือฮวนกำลังทดสอบสมุนไพรอยู่ในค่ายทหาร แต่มีบางชนิดที่เย่จิ่งฝูยังไม่อนุญาตให้นางสัมผัสด้วยตัวเอง
นางเบื่อเพราะไม่มีอะไรทำ จึงคิดจะไปดูหมาป่าหิมะที่ออกลูก
ลูกหมาป่าหิมะครอกนี้เป็นเพียงกลุ่มเดียวที่ไม่ได้เกิดบนภูเขาหิมะ พวกมันมีขนสีขาวราวกับหิมะทั้งตัวและนุ่มนิ่มเป็นอย่างมาก ทุกวันอาชิงกับอาอินสองคนจึงมีเพียงกินข้าว นอนหลับ และมาเฝ้าลูกหมาป่า
บางครั้งจี้จือฮวนยังต้องไปตามพวกเขาถึงในคอกหมาป่า
เวลาส่วนใหญ่ที่นางเงียบไปก็จะเขียนจดหมายถึงอาฉือ ไม่รู้ว่าหากอาฉือรู้ว่าตัวเองจะได้เป็นพี่ชายอีกแล้วจะมีปฏิกิริยาเช่นไร
“ท่านอ๋องกลับมาแล้ว!”
“เร็วเข้า พวกท่านอ๋องกลับมาแล้ว!”
จี้จือฮวนถูกเสียงดังจากด้านนอกรบกวน จึงรีบลุกขึ้นเปิดม่านออก แต่เผยยวนกลับเร็วกว่านางหนึ่งก้าว เขาเดินเข้ามาข้างในแล้ว “เหตุใดถึงใส่เสื้อผ้าน้อยชิ้นเพียงนี้เล่า?”
เขาอุ้มนางขึ้นมาก่อนจะวางลงบนเตียง “ท่านหมอเย่บอกว่าสองวันมานี้เจ้าพักผ่อนเพียงพอ ถือว่าเจ้าสอบผ่าน”
เผยยวนพูดจ้อขึ้นมาไม่รู้จบ จี้จือฮวนจึงดึงเขาลงมานั่งด้วย แล้วเอ่ยขึ้น “เอาละ ๆ ๆ ท่านพ่อบ้านใหญ่ ข้าปฏิบัติตามที่เจ้าสั่งอย่างเคร่งครัด แล้วทางเจ้าเล่าเป็นเช่นไรบ้าง?”
ความจริงแล้วหมูเหยี่ยวล่าเหยื่อไปกลับรอบหนึ่งใช้เวลาเร็วมาก ทว่าระหว่างทางเผยยวนกลับไม่ได้ส่งจดหมายมาอีก นางจึงเป็นกังวลเล็กน้อย
เผยยวนก็ไม่ได้ปิดบัง และเล่าความเป็นมาเป็นไปให้จี้จือฮวนฟังทั้งหมด
ตรงข้างเท้าของจี้จือฮวนมีลูกหมาป่าหิมะตัวใหญ่สองตัวนอนอยู่ พวกมันกำลังนอนหงายท้องและหลับสนิท
“ข้าคิดไม่ถึงว่าแม่นางมู่หรงผู้นั้นจะเจ้าเล่ห์เพียงนี้ ก่อนหน้านี้ข้าประเมินนางต่ำเกินไป” เผยยวนเอ่ยช้า ๆ
จี้จือฮวนกลับรู้สึกว่าเป็นเรื่องปกติ ก่อนหน้านี้ตอนมู่หรงจาวอยู่ที่ภัตตาคาร ไม่ว่าอีกฝ่ายจะมีฐานะเช่นไร นางก็สามารถเข้าไปผูกมิตรได้ คนที่ลื่นไหลและรู้จักเอาตัวรอดเช่นนี้ ไปที่ใดก็ไม่มีทางลำบากแน่
ในฐานะฮ่องเต้หญิงเพียงองค์เดียวในนิยาย หากว่าแผนเล็ก ๆ น้อย ๆ แค่นี้ยังคิดไม่ได้ จะมอมเมาฮ่องเต้ที่เคยแต่งงานและมีลูกมาแล้วในวังหลวงจนสำเร็จและขึ้นครองตำแหน่งแทนได้อย่างไรกัน
ผู้หญิงคนหนึ่งสามารถใช้อำนาจของสามีและเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการเมืองได้ แต่หากนางไม่มีฝีมือจะนั่งอยู่ในตำแหน่งได้อย่างมั่นคงได้อย่างไรกัน คนที่อยู่ใต้บังคับบัญชาเหล่านั้นคงก่อกบฏไปนานแล้ว
ตั้งแต่แรก การที่จี้จือฮวนช่วยนางก็เพื่อหาคนมาสนับสนุนพวกนางเพิ่ม
ถึงแม้ภายหลังพวกเขาจะไม่ต้องการแล้ว แต่อย่างน้อยก็ยังได้พันธมิตรเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งคน เพิ่มทางเลือกให้พวกเขาอีกทางหนึ่ง
อย่างไรเสียมู่หรงจาวก็เป็นคนที่รู้คุณคน แม้แต่แผนสำรองนางก็ช่วยคิดให้พวกเขาเรียบร้อยแล้ว เส้นทางเดินทัพภายหน้าของเผยยวนนางก็ช่วยกรุยทางให้แล้วเช่นกัน บุญคุณนี้เพียงพอให้จี้จือฮวนจดจำไปตลอดชีวิตแล้ว
“มู่หรงจาวเป็นคนเชื่อถือได้ ตอนนี้พันธมิตรระหว่างมู่หรงเจี๋ยกับซือถูรุ่ยได้ถูกนางทำลายลงแล้ว ขึ้นอยู่กับว่าลู่เอี้ยนจะสามารถโน้มน้าวซือถูหงได้หรือไม่ ไม่เช่นนั้นก็คงหลีกเลี่ยงสงครามไม่ได้”
ลู่เอี้ยนกลับมาช้ากว่าเผยยวนเล็กน้อย แต่ดูจากสีหน้าของเขาและไป๋จิ่นแล้ว คาดว่าคงไม่ได้ราบรื่นเท่าเผยยวน
“ซือถูหงไม่ยอมลงจากม้า พวกเราจึงต้องอาศัยทหารชั้นผู้น้อยเป็นคนกลางในการสื่อสารกัน และเขาคิดว่าตระกูลซือถูอาศัยความสามารถของตัวเองยึดเมืองเจว๋เฉิงมาได้ เขาจึงไม่ต้องการทำผิดต่อบรรพบุรุษ ส่วนซือถูรุ่ยที่ตกอยู่ในมือของพวกเรานั้น เขาไม่มีทางเจรจากับเราเพื่อซือถูรุ่ยเพียงคนเดียวแน่”
“ข้าว่าเขาคงอยากจะขึ้นเป็นเจ้าเมืองเสียเองกระมัง ไหนเลยจะยังสนใจความเป็นความตายของซือถูรุ่ยอีก”
จี้จือฮวนกินข้าวต้มลูกเดือยแล้วพูดเสียงเรียบขึ้นมา “ในเมื่อเจรจาไม่สำเร็จ เช่นนั้นก็ทำได้เพียงบุกโจมตีแล้ว”
กระดูกของทหารหนึ่งแสนนายในตอนนั้นถูกฝังตามที่ต่าง ๆ ในหลงซีทั้งแปดเมือง ยังมีดวงวิญญาณของตระกูลกู้อีก ดังนั้นพวกเขาต้องบุกไปให้ได้
ไม่เพียงเหล่าทหารที่ตายอย่างอนาถเหล่านั้นที่ต้องได้รับการเชิดชู!
ยังมีดินแดนของต้าจิ้น และเหล่าสหายของพวกเขาที่ต้องตกอยู่ในความยากลำบากแสนสาหัสเหล่านั้นด้วย!