เข้าสู่โลกนิยายเพื่อไปเป็นแม่เลี้ยงจอมโหดของสามวายร้าย - บทที่ 550 ข่าวสำคัญ
บทที่ 550 ข่าวสำคัญ
ขณะที่เผยยวนไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไร ถึงจะทำให้ฮูหยินหายโกรธได้นั้น
มารผจญอย่างเผยเสี่ยวเตาก็เดินเข้ามาแล้ว “ท่านอ๋อง ข้าทำลายคุกที่ใช้คุมขังราษฎรต้าจิ้นของพวกเขาหมดแล้ว ช่างสะใจจริง ๆ บอกแล้วว่างานดี ๆ เช่นนี้ ข้าชอบทำที่สุดแล้ว”
นางหยิบกาน้ำชาขึ้นมาแล้วเทเข้าปากทันที “เฮ้อ ช่างมีความสุขจริง ๆ อ้าว พระชายาก็อยู่ด้วยหรือ ท่านไม่รู้อะไร ครั้งนี้ท่านไม่ได้ไปออกรบด้วย จึงไม่เห็นว่าท่านอ๋ององอาจห้าวหาญมากเพียงใด”
เผยยวนหัวใจกระตุกขึ้นมา ส่งสายตาให้เผยเสี่ยวเตาอย่างเอาเป็นเอาตาย
แต่เขาคงลืมไปว่า ในนิยายเล่มนี้ บทของเขาก็คือไม่มีใครเข้าใจเวลาที่เขาสื่อสารทางสายตา
เผยเสี่ยวเตาจึงมองข้ามเผยยวนไป “ข้าตะโกนอยู่ด้านหลังว่า ท่านอ๋องระวังธนูลับ แต่เขากลับไล่ฆ่าศัตรูจนไม่สนใจอะไรทั้งนั้น บุกไปหาซือถูหงผู้นั้นอย่างบ้าคลั่ง ไม่สนใจคำเตือนข้าด้วยซ้ำ!”
อืม ตะโกนอยู่ด้านหลังยังไม่ได้ยิน ฆ่าจนไม่สนใจใครเลยอย่างนั้นหรือ?
ดีมาก
เผยยวน ความรู้สึกตอนนี้เขาไม่เหลืออะไรอีกแล้ว
จี้จือฮวนปิดกล่องยาน้อยเสียงดัง เผยยวนรู้สึกว่าขนเหมือนจะลุกชันขึ้นมาอย่างไรอย่างนั้น
ทว่าเผยเสี่ยวเตายังคงพูดพล่ามไม่หยุด เผยยวนจึงถลึงตาใส่นางทันที “รีบไสหัวไปได้แล้ว!”
เผยเสี่ยวเตาน้อยใจขึ้นมา
เรื่องอะไรกัน คนเขายังเล่าไม่ถึงตอนสำคัญเลยนะ ช่วงเวลาสำคัญเช่นนี้จะรีบไปได้อย่างไรกัน
บังเอิญกับที่เว่ยเจ๋อเซิงมีเรื่องจะมารายงานพวกเขาพอดี เผยเสี่ยวเตาจึงเดินเข้าไปใกล้พร้อมสีหน้าน้อยใจ “หนอนหนังสือ เจ้าดูสิ ท่านอ๋องดุข้า”
เว่ยเจ๋อเซิงไม่รู้ว่าก่อนหน้านี้เกิดเรื่องอะไรขึ้น แต่ตอนนี้เขามีเรื่องเร่งด่วนที่ต้องรายงานจริง ๆ
ทุกครั้งที่เขาพูดว่ามีเรื่องด่วน ปากอีกา*นั่นรับรองว่าไม่ใช่เรื่องดีแน่
* ปากอีกา (乌鸦嘴) หมายถึง ปากเสีย
เผยยวนกลัวว่าเขาจะพูดอะไรออกมาอีก คราวนี้ต่อให้คุกเข่าบนกระดานซักผ้าก็คงไม่เพียงพอแน่ แต่เว่ยเจ๋อเซิงกลับเอ่ยว่า “ท่านอ๋อง พระชายาขอรับ ครั้งนี้ที่ข้าขอเข้าพบเพราะข้าได้เจอกับเหล่าศิษย์พี่ศิษย์น้องของสำนักข้า ที่ระเหเร่ร่อนอยู่ด้านนอก และยังมีผู้อาวุโสของสำนักเทพพยากรณ์ด้วย ดังนั้นพวกเขาจึงขอตามมาช่วยเหลือกองทัพของเราด้วยขอรับ”
หากคนบนโลกคิดว่าสำนักเทพพยากรณ์เพียงแค่สามารถทำนายโชคชะตา ดูวันเดือนปีเกิดได้ เช่นนั้นก็ประเมินพวกเขาต่ำเกินไปแล้ว
ยามเดินทัพทำศึก คนของสำนักเทพพยากรณ์หลายคนยังสามารถวางค่ายกล สามารถทำให้คนสับสน และสามารถตัดประตูชีวิตของคนผู้นั้นได้ด้วย
เดิมก็มีอาวุธเทพอยู่แล้ว ตอนนี้ยังมีสำนักเทพพยากรณ์มาเข้าร่วมอีก เรียกได้ว่าไร้เทียมทานเกินไปแล้ว
ตอนนั้นสำนักเทพพยากรณ์ถูกเจียงเช่อทำร้าย ถูกราชสำนักตามล่า หากไม่ใช่เพราะพวกจี้จือฮวนช่วยไว้ เกรงว่าสำนักเทพพยากรณ์คงจะถูกเจียงเช่อศิษย์อกตัญญูผู้นั้นฆ่าล้างสำนักไปนานแล้ว
แต่หลังจากเหตุการณ์นั้น ชื่อเสียงของสำนักเทพพยากรณ์ก็เสียหายเป็นอย่างมาก ศิษย์จำนวนมากไม่กล้าเปิดเผยตัวตน บัดนี้หลงซีทั้งแปดเมืองสามารถยึดคืนมาได้สองเมืองแล้ว ไม่เพียงเป็นเรื่องน่ายินดีของราษฎรต้าจิ้นเท่านั้น แต่ยังเป็นเวลาที่สำนักเทพพยากรณ์ต้องรวมตัวกันเพื่อตอบแทนบุญคุณพวกเขาอีกด้วย
หกเมืองที่เหลือเผยยวนกับจี้จือฮวนจะชะลอทัพไว้ก่อนชั่วคราว เพื่อดูว่าพวกเขาจะทำเช่นไรต่อ
สำหรับเมืองทั้งหกนั้น เดิมทีต้าจิ้นใช้เพื่อปกป้องชายแดน นอกจากมีภูมิศาสตร์ที่สูงชันและอันตรายแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นยังมีสถานที่อย่าง ‘หุบเขาวิญญาณ’ ตั้งอยู่ด้วย แม้ว่าสำนักหลัวซาจะให้แผนที่มาแล้ว แต่เพื่อความปลอดภัย เผยยวนจึงไม่คิดจะบุกไปโจมตีในตอนนี้
หากสำนักเทพพยากรณ์จะมาช่วย นั่นย่อมถือเป็นข่าวดี
“เช่นนี้ก็ดีน่ะสิ ต้องขอบคุณความช่วยเหลือจากสำนักเทพพยากรณ์ของพวกเจ้าด้วย”
“ในฐานะบุรุษต้าจิ้น ย่อมมีหน้าที่ต้องปกป้องบ้านเมืองอยู่แล้วขอรับ”
ตอนนั้นเองหลิวเฟิงก็ส่งเสียงอยู่ที่หน้าประตู “ท่านอ๋อง จีฝูเย่ผู้นั้นโวยวายจะขอพบท่านขอรับ”
“ข้าหรือ?”
เผยยวนนึกสงสัย ตั้งแต่ที่จีฝูเย่รู้ว่าเขาไม่ใช่คนที่หลอมอาวุธ เวลาพบหน้าเขาก็มักจะเมินเฉยทุกครั้ง เหตุใดอยู่ดี ๆ ถึงมาขอเข้าพบได้กัน?
“ให้เขาเข้ามา”
ตอนที่จีฝูเย่เข้ามาก็มีสภาพสะบักสะบอมอย่างมาก ไม่รู้ว่ามุดออกมาจากซอกมุมใด แต่ตามที่เขาเล่ามา การที่เขามีสภาพเช่นนี้เกิดจากตอนที่ประกอบปืนของจี้จือฮวนขึ้นมาใหม่ จึงทำให้มีสภาพอย่างที่เห็น
“นี่คือเหตุผลที่เจ้ามาขอพบข้าอย่างนั้นหรือ?” เผยยวนเอือมระอา รู้สึกไม่พอใจเจ้าเด็กนี่ที่เอะอะอะไรก็คอยแต่จะมาเกาะแกะฮวนฮวนของเขา
“ย่อมไม่ใช่อยู่แล้ว เพียงแต่จู่ ๆ ข้าก็คิดเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้ คิดดูแล้วอาจจะมีประโยชน์สำหรับเจ้าอยู่บ้าง การที่เจ้าตายนั้นไม่สำคัญอะไรสำหรับข้า แต่ในท้องของอาจารย์ข้ายังมีลูกของเจ้าอยู่ ดังนั้นข้าต้องปกป้องนางให้ปลอดภัย”
เผยยวน “…”
จีฝูเย่ก็กลัวว่าเมื่อทุกคนรอฟังจนร้อนใจ แล้วจะตบเขาจนกระเด็นไปอยู่ที่มุมห้อง จึงรีบพูดขึ้นมา “ข้าเดินทางไปทั่วทุกแคว้น อีกหกเมืองที่เหลือข้าต่างเคยไปมาหมดแล้ว ภูมิศาสตร์ของแต่ละเมืองอยู่ใกล้กัน หลายปีมานี้จึงใช้การแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์มาคานอำนาจของกันและกัน ยุ่งยากกว่าสือฟางและซือถูรุ่ยมากนัก และพวกเขามีแนวโน้มที่จะร่วมมือกันเพื่อต่อต้านกองทัพต้าจิ้นด้วย
ดังนั้นหากต้องการโจมตีเมือง เราต้องตัดเสบียงของพวกเขาก่อน พวกเจ้าอาจจะไม่รู้จักคนที่ขายเสบียงให้กับพวกเขา แต่ข้ารู้จักดี”
ตระกูลเซียวเป็นพ่อค้าที่ร่ำรวยที่สุดในต้าจิ้น และในต้าจิ้นย่อมไม่มีใครสามารถเทียบได้
แต่หากจะบอกว่าเหนือฟ้ายังมีฟ้า ก็ต้องกล่าวถึงบุคคลลึกลับผู้หนึ่ง
“ฮั่วชิงหยาง พวกเจ้าเคยได้ยินชื่อตาเฒ่าผู้นี้หรือไม่?” จีฝูเย่เอ่ยขึ้นมา
ทุกคนส่ายหัวโดยพร้อมเพรียงกัน แม้แต่เผยยวนก็ไม่เคยได้ยินชื่อนี้มาก่อน
“ไม่เคยได้ยินชื่อก็ถูกต้องแล้ว ข้าเองก็เคยพบเขาโดยบังเอิญเพียงครั้งเดียวเท่านั้น และรู้ว่าเขาเป็นพ่อค้าข้าวอันดับหนึ่ง มียุ้งฉางที่ใช้เก็บข้าวในมือมากมาย และเพียงพอให้หกเมืองที่เหลือสามารถสู้กับพวกเจ้าได้นานหลายสิบปี อาศัยแค่กองทัพทหารเกราะเหล็ก ต้องใช้ความพยายามมากทีเดียว”
ไม่ว่าปืนไฟและปืนใหญ่จะทรงพลังเพียงใด ก็คงต้องแลกมากับความสูญเสียอย่างหนักจึงจะสามารถยึดเมืองเหล่านั้นคืนมาได้
อีกทั้งเมื่อถึงเวลา ต้าจิ้นต้องขนกองกำลังทั้งหมดมาโจมตี หากเวลานั้นมีคนฉวยโอกาสนี้โจมตีต้าจิ้นละก็ อาจารย์ของเขายังจะมีเวลาว่างมาสอนเขาทำอาวุธอีกอย่างนั้นหรือ? แค่นางต้องมาคอยเช็ดก้นแทนสามีของนาง ทุกวันต้องระหกระเหินตามเขาไปสนามรบก็เหนื่อยจะแย่แล้ว
“เช่นนั้นต้องทำอย่างไร พวกเราต้องไปจับตัวเขามาหรือไม่?” เผยเสี่ยวเตาฟังจบก็ตกตะลึงทันที
จีฝูเย่เอ่ย “ข้ารู้ว่าเขาอยู่ที่ใด เวลานี้ของทุกปีเขาจะปรากฏตัวขึ้นที่เส้นแบ่งเขตแดนระหว่างเผ่าเร่ร่อนถูกู่หุนกับที่นี่ สถานที่นั้นมีชื่อว่า ‘อารามไร้นาม’ เขาไปที่นี่เพื่อกราบไหว้แม่ของเขา
แต่คนผู้นี้ตอนเด็กเคยเป็นขอทานมาก่อน คนในครอบครัวล้วนตายเพราะความอดอยาก ดังนั้นเขาจึงมีนิสัยเหมือนหนู คอยกักตุนและขายเสบียงอยู่ตลอดเวลา แม้ตัวเขาจะไม่อยู่ ทว่าก็ไม่มีใครขัดขวางลูกน้องของเขาไม่ให้ทำการค้าได้ ดังนั้นต่อให้ลักพาตัวเขามาก็ไม่มีประโยชน์อะไร”
เผยเสี่ยวเตาสูดลมหายใจเข้า “เช่นนั้นเจ้าจะพูดทำไมกัน ลักพาตัวคนมาบังคับโน้มน้าวก็ทำไม่ได้ เช่นนั้นจะไปหาเขาทำไมกัน”
“ถึงเขาจะเป็นคนแปลก แต่ความแปลกก็มีข้อดีของมัน เพราะเขาชอบเล่นการพนัน! ขอเพียงพวกเจ้าเดิมพันและเอาชนะเขาได้ จากนั้นก็สั่งให้เขาหยุดส่งเสบียงให้กับคนในเมืองเหล่านั้น พวกเขาจะสามารถอยู่ได้นานแค่ไหนกัน? อดอยากนานวันเข้าก็ต้องโผล่หัวออกมาหาของกินแน่”
จี้จือฮวนกับเผยยวนสบตากันเล็กน้อย
จีฝูเย่เอ่ยต่อ “พวกเจ้าสามารถเอากลับไปคิดดูก่อนได้ อย่างไรเสียตอนนี้ในเมืองก็วุ่นวายมากพอแล้ว พวกเจ้ายังต้องใช้เวลาไปจัดการ และปกติคนผู้นั้นจะอยู่ที่อารามไร้นามนั่นประมาณครึ่งเดือน ซึ่งมีเวลาเพียงพอให้พวกเจ้ากลับไปคิดดู”
ปัญหาก็คือ ท่านป้าไม่อยู่!
หากองค์หญิงใหญ่อยู่ด้วย ย่อมขอท้าพนันกับเขาได้
คนที่เหลือก็ไม่มีใครเป็นอัจฉริยะด้านนี้เลย
…
ทางราชสำนักถู่เจียในเวลานี้ ถูลี่ก็ได้รับม้าเร็วจากสายลับ และทราบว่าเผยยวนยึดเมืองเจว๋เฉิงได้สำเร็จแล้ว เขาอดที่จะรู้สึกชื่นชมไม่ได้ ดังนั้นจึงสั่งให้คนไปเรียกขุนนางมารวมตัวกันเพื่อหารือเรื่องช่วยเหลือกองทัพทหารเกราะเหล็กทันที
ไม่เพียงเท่านี้ เจิ้นเป่ยอ๋องที่ได้รับจดหมายจากเซียวเซวียนจิ่น ก็ยื่นฎีกาไปยังราชสำนักแล้วเช่นกัน เพื่อขอพระราชทานอนุญาตออกจากที่ดินศักดินามุ่งหน้าไปสมทบกับกองทัพทหารเกราะเหล็ก ยึดดินแดนของต้าจิ้นกลับคืนมา!
.
.