เข้าสู่โลกนิยายเพื่อไปเป็นแม่เลี้ยงจอมโหดของสามวายร้าย - บทที่ 576 เซ่นไหว้ตระกูลกู้
บทที่ 576 เซ่นไหว้ตระกูลกู้
จี้จือฮวนหยิบผ้าเช็ดตัวมาถูให้สามีของนางทั้งตัวจนสะอาด จากนั้นก็ให้เผยยวนไปเปลี่ยนใส่ชุดนอนตัวใหม่
กำลังจะถามถึงรายละเอียดของสงครามก็เห็นว่าดวงตาที่มีเสน่ห์ของชายหนุ่มได้ปิดลงแล้ว คราวนี้เขาไม่ได้ขมวดคิ้วอีก และเข้าสู่ห้วงนิทราไปแล้วจริง ๆ
จี้จือฮวนห่มผ้าห่มให้เขา ในมือของเผยยวนยังจับเสื้อที่เซียวเซวียนจิ่นทำให้อาอินเอาไว้อยู่ ส่วนมืออีกข้างก็กอดจี้จือฮวนเอาไว้ นางคิดในใจว่า นี่ก็คือผู้ชายที่นางเลือก
จี้จือฮวนโน้มตัวลงไปเล็กน้อยแล้วจูบลงบนหน้าผากของเขาหนึ่งที จากนั้นจึงได้พิงอยู่ข้างกายเขา
ลูกรัก เจ้ารับรู้ได้หรือไม่ พ่อของเจ้าเอาบ้านเมืองที่สงบสุขและเจริญรุ่งเรืองกลับคืนมาให้เจ้าแล้ว!
…
เผยยวนนอนหลับยาวไปจนถึงเที่ยงอีกวัน แสงอาทิตย์แยงตาแล้วจึงได้ตื่นขึ้นมา
ส่วนบรรดาทหารในกองทัพเองก็ไม่ต่างจากเขาเท่าใดนัก นอกจากคนที่อยู่เฝ้าค่ายอยู่แล้ว ที่เหลือส่วนใหญ่ต่างก็นอนตื่นสาย
เพราะไม่ได้นอนหลับอย่างเต็มอิ่มมาหลายปีแล้ว ตอนนี้ต่อให้ฟ้าผ่าลงมาพวกเขาก็ไม่ตื่น ตอนที่เย่จิ่งฝูเพิ่งจะกลับมาถึงค่ายทหาร ก็คิดว่าพวกเขาถูกวางยาจนสลบไปเสียอีก
จึงได้ไปตรวจสอบลมหายใจของพวกเขาดู สุดท้ายกลับพบว่าแต่ละคนนอนกรนเสียงดังสนั่น พวกเขาแค่หลับสนิทก็เท่านั้น
จี้จือฮวนเปิดม่านแล้วเดินเข้ามาในกระโจม “ตื่นแล้วหรือ?”
มีเด็กสองคนวิ่งตามเข้ามาด้วย “ท่านพ่อ!”
เผยยวนจึงกอดพวกเขาเอาไว้คนละข้าง จากนั้นก็หอมแก้มพวกเขาคนละที
อาชิงไม่ได้หลบเลี่ยง เพียงแค่พูดด้วยความรังเกียจเล็กน้อย “ผู้ชายหน้าเหม็นอย่างพวกท่าน ช่างน่ารำคาญจริง ๆ เอาแต่หอมแก้มคนอื่น”
เผยยวนได้ฟังก็หัวเราะออกมาด้วยความโมโห “เจ้าเด็กบ้านี่ไปเรียนมาจากใครกัน?”
“อาจารย์เยว่พั่วหลัวว่าอาจารย์ไป๋จิ่นเช่นนี้ขอรับ”
เผยยวน “…”
สอนเรื่องดี ๆ หน่อยเถอะ เรื่องบนเตียงเช่นนี้ยังจะเอามาพูดต่อหน้าเด็กอีกอย่างนั้นหรือ!?
คงได้เวลาคุยกับเจ้าคนที่ไม่น่าเชื่อถือสองคนนั่นอย่างจริง ๆ จัง ๆ แล้ว
“รีบล้างหน้าแล้วมากินข้าวเถอะ”
เผยยวนก็รู้สึกหิวแล้วจริง ๆ จี้จือฮวนจึงไปทำบะหมี่ที่เขาชอบมาให้โดยเฉพาะ หลังจากที่เขาซดน้ำแกงจนหมดแล้วก็พูดขึ้นมา “เตรียมตัวเถอะ ข้าจะพาพวกเจ้าเข้าเมือง”
จี้จือฮวนเหมือนเดาออกว่าเขากำลังจะพาไปที่ใด จึงพยักหน้ารับด้วยรอยยิ้ม
ครั้งนี้เผยยวนพาไปแค่พวกหลิวเฟิงไม่กี่คนเท่านั้น ส่วนคนที่เหลือเผยยวนก็ให้พวกเขาพักผ่อนอยู่ในค่าย
บนรถม้าถูกปูผ้าสักหลาดและหนังเสือหนา ๆ เอาไว้ ทั้งยังเพิ่มเบาะรองนั่งหนา ๆ เข้ามาอีกด้วย ทั้งชีวิตนี้จ้านอิ่งไม่เคยลากรถช้าขนาดนี้มาก่อน แค่โคลงเล็กน้อยก็รู้สึกว่าควบคุมขาไม่ได้แล้ว
ดังนั้นตอนที่พักระหว่างทาง มันจึงวิ่งแจ้นไปดื่มน้ำที่ริมแม่น้ำใกล้ ๆ อย่างกระหาย
ม้าน้อยรู้สึกกระหายจนจะขาดใจตายอยู่แล้ว เมื่อคืนคนพวกนั้นทำให้มันไม่ได้กินน้ำเลยสักอึก!
หลังจากเข้าไปในเมือง เผยยวนกลับไม่ได้ไปยังที่พักของเหล่ารองแม่ทัพ แต่ตรงไปทางยอดเขาที่รกร้างลูกหนึ่ง
“ถึงแล้ว” เผยยวนพูดขึ้นมา ก่อนจะลงจากรถม้าเป็นคนแรก จากนั้นก็ยื่นแขนออกไปอุ้มจี้จือฮวนลงมา
ทันทีที่เด็กทั้งสองคนลงมา พวกเขาก็คิดว่าอาจเป็นที่ที่น่าสนุกอะไรเสียอีก แต่เมื่อมองดูรอบ ๆ แล้วกลับพบว่าเป็นแค่ป่ารกร้างก็เท่านั้น
เผยยวนจูงมือจี้จือฮวน แล้วหยิบกระดาษทองที่พับเอาไว้และเทียนที่เตรียมไว้บนรถม้าลงมา
“ท่านพ่อ ที่นี่คือที่ใดหรือเจ้าคะ?” อาอินเดินตามหลังไป
ดวงตาของเผยยวนมองไกลออกไป จากนั้นก็เอ่ยด้วยรอยยิ้มที่อ่อนโยน “นี่คือสถานที่ฝังกระดูกญาติ ๆ ของพ่อ”
ตอนนั้นตระกูลกู้ต้องคดีจึงถูกประหารทั้งครอบครัว ศพมากมายจึงถูกคนเอามาโยนทิ้งในหลุมศพไร้ญาติ
แต่ได้ชาวบ้านที่อยู่ใกล้ ๆ ช่วยกันรวบรวมโครงกระดูกเหล่านั้นมาฝังไว้บนยอดเขาลูกนี้ให้อย่างลวก ๆ
อาอินไม่เข้าใจ ญาติของท่านพ่อไม่ใช่คนตระกูลเผยหรอกหรือ?
เผยยวนก็ไม่ได้อธิบายอะไรมากนัก เพราะตอนนี้สำหรับเด็กทั้งสองคนแล้ว เรื่องนี้หนักหนาสำหรับพวกเขาเกินไป
เขาแหวกวัชพืชออก หลิวเฟิงและคนอื่น ๆ ก็กำลังใช้จอบและเคียวเกี่ยวหญ้าที่ขึ้นจนรกชัฏ
ทว่าสิ่งที่จี้จือฮวนเห็น หลุมศพเหล่านั้นแท้จริงแล้วคือกองดินเล็ก ๆ ที่แน่นขนัด ใช้ก้อนหินซ้อนขึ้นมาทำเป็นป้ายหลุมศพ ใครเป็นใครก็แยกไม่ออกด้วยซ้ำ
พ่อแม่ของเผยยวนเองก็อยู่ในนี้ด้วยเช่นกัน
บางทีต่อให้ราษฎรเหล่านั้นรู้ก็คงไม่มีใครกล้าตั้งป้ายให้พวกเขา ในทางกลับกันเพราะเหตุนี้จึงสามารถรักษาเกียรติสุดท้ายของพวกเขาเอาไว้ได้
หากไม่ใช่เพราะเกิดเรื่องที่ไม่คาดฝันขึ้น เขาคงจะได้เติบโตขึ้นมาในดินแดนแห่งนี้
เผยยวนยกชายเสื้อขึ้นและคุกเข่าลง เพื่อจัดวางเครื่องเซ่นไหว้ ส่วนจี้จือฮวนก็คุกเข่าลงข้างกายเขาเช่นกัน
เด็กทั้งสองคนไม่เข้าใจ ทว่าพวกเขาก็ยังคงคุกเข่าลงและโค้งคำนับสามครั้งตามท่านพ่อกับท่านแม่
“ท่านพ่อ ท่านแม่ ท่านลุง ท่านป้า…ทุกท่าน ข้ากลับมาแล้ว!”
ไม่มีใครสามารถเข้าใจความรู้สึกของเผยยวนในขณะนี้ได้ จี้จือฮวนจึงอยู่เคียงข้างเขาอย่างเงียบ ๆ
อาอินหยิบเคียวอันหนึ่งขึ้นมา และช่วยจัดการวัชพืชที่คลุมหลุมศพอย่างรู้ความ
อาชิงก็นั่งนิ่ง ๆ ไม่งอแง
เงินกระดาษที่ถูกเผา เพียงพริบตาก็กลายเป็นขี้เถ้าหมดแล้ว
เผยยวนมีเรื่องมากมายที่อยากจะพูด แต่กลับไม่รู้ว่าควรจะเริ่มจากตรงที่ใด
จี้จือฮวนลุกขึ้น เพื่อให้เขาได้มีเวลาส่วนตัว
เมื่อนางเดินไปถึงหลุมศพที่มีขนาดใหญ่กว่าหลุมอื่นเล็กน้อย ก็พบว่ามีดอกไม้ที่งดงามและยังคงชุ่มไปด้วยน้ำค้างวางอยู่หนึ่งช่อ
นางตัดสินใจเข้าไปค้นหาคนในป่า เมื่อเห็นชายสวมชุดดำ นางก็รีบเดินตามไป
“กำลังท้องกำลังไส้จะวิ่งทำไมกัน?” ไม่นานก็มีเสียงของเจียงจือหวยเอ่ยตำหนิขึ้นมาพร้อมสีหน้าบึ้งตึง
จี้จือฮวนหอบเล็กน้อย “มาแล้ว เหตุใดถึงไม่พูดสักคำก็จะไปแล้วเล่า?”
หากเป็นคนอื่นอาจไม่เข้าใจความหมายในคำพูดของเจียงจือหวย ทว่าจี้จือฮวนกลับเข้าใจดี
เขาต้องการจะบอกว่า เผยยวนสามารถเอาชนะได้อยู่แล้ว เรื่องอื่นจะสำคัญอะไรกัน
“กู้อู๋โยวกับเสิ่นหลันหยาง เจ้าเป็นคนฝังพวกเขาหรือ?”
“มีเพียงเสื้อผ้าเท่านั้น ส่วนศพไหนเลยจะหาเจออีก พวกเจ้าก็อย่ามารบกวนความสงบของพวกเขาอีกเลย ประเพณีพวกนั้นล้วนทำให้คนนอกดู แต่โถงบรรพชนของตระกูลกู้ยังคงอยู่ เพียงแต่ทรุดโทรมมาหลายปี เกรงว่าคงจะเต็มไปด้วยแมลงแล้วกระมัง”
“ขอบคุณที่เตือน”
เจียงจือหวยแค่นเสียงเย็น “ใครเตือนพวกเจ้ากัน”
พูดจบเขาก็จ้องไปที่ท้องของนาง “เอาไป”
จี้จือฮวนเอื้อมมือไปรับมา เป็นยาเม็ดเล็ก ๆ ขวดหนึ่ง
“ผู้หญิงที่กำลังแพ้ท้องกินวันละเม็ดอาการจะทุเลาลง คลอดลูกลำบากร่างกายแม่อย่างมาก เจ้าน่ะ มีคนเดียวก็พอแล้ว” เจียงจือหวยเอ่ยประโยคท้ายราวกับพึมพำเบา ๆ
จี้จือฮวนรู้สึกว่าคนผู้นี้น่าสนใจไม่น้อยจริง ๆ ปากแข็งแต่ไม่ยอมรับ
“เด็กผู้หญิงในครอบครัวของพวกเจ้าภายหน้าจะสืบทอดกองทัพทหารเกราะเหล็กใช่หรือไม่?”
จี้จือฮวนจึงพูดขึ้นมา “อาอินสนใจด้านนี้มากและมีพรสวรรค์ หากไม่มีอะไรผิดพลาดก็คงจะเป็นเช่นนั้น”
“ในเมื่อเป็นเช่นนั้น คนที่อยู่ในท้องเจ้า สำนักหลัวซาของข้าขอจองก็แล้วกัน”
จี้จือฮวนเลิกคิ้วขึ้น ความจริงแล้วนางก็พอมองออกว่าสำนักหลัวซาของเจียงจือหวย เป็นสำนักที่เหนือชั้นอย่างแน่นอน นอกจากคนในสำนักจะเป็นยอดฝีมือด้านวิชาตัวเบาแล้ว การสืบข่าวสารของที่ต่าง ๆ ก็ยังมีความแม่นยำอย่างมาก
ทรัพย์สิน กำลังคน อยู่เหนือกว่าที่นางจะจินตนาการได้
หากเจียงจือหวยต้องการละก็ เกรงว่าสำนักหลัวซาคงจะไม่ได้หยุดอยู่เพียงเท่านี้อย่างแน่นอน
“เช่นนั้นต้องรอเขาโตก่อน แล้วค่อยถามความคิดของเขาอีกที”
เจียงจือหวยขมวดคิ้ว “ติดตามข้าจะได้เรียนรู้สุดยอดวิชาของทั้งใต้หล้า”
“อยู่กับข้าก็ไม่ด้อยเช่นกัน”
“หึ เจ้าอย่าเสียใจก็แล้วกัน” เจียงจือหวยดูแคลนที่จะโต้เถียงกับนาง
“เจ้าไม่ไปพบเผยยวนหน่อยหรือ?” จี้จือฮวนเห็นเขาจะไปแล้ว จึงเอ่ยถามขึ้นมา
ทว่าเจียงจือหวยกลับตอบมาว่า “รอเจ้าคลอดลูกข้าย่อมต้องมาอยู่แล้ว”
เอ่ยจบเขาก็เหาะออกไปราวกับหงส์ที่งดงามทันที
จี้จือฮวนไม่เข้าใจคนผู้นี้จริง ๆ แต่เมื่อเห็นดอกไม้ที่หน้าหลุมศพของเสิ่นหลันหยาง นางกลับรู้สึกนับถือความรักที่มั่นคงของคนผู้นี้ยิ่งนัก
.
.