เข้าสู่โลกนิยายเพื่อไปเป็นแม่เลี้ยงจอมโหดของสามวายร้าย - บทที่ 606 ยุยง
บทที่ 606 ยุยง
ท่ามกลางเสียงที่สนับสนุนนี้ ซูตี๋หย่าก็ถูกผู้หญิงร่างใหญ่หลายคนกดลงบนพื้น
ไม่ว่าซูตี๋หย่าจะดิ้นรนเพียงใด ก็ไม่สามารถสู้แรงของผู้หญิงที่ทำงานหนักมาตลอดได้
“ซูตี๋หย่า เจ้าอยู่นิ่ง ๆ จะดีกว่า ใครใช้ให้เจ้าล่วงเกินเค่อตุนกันเล่า!”
“จะโทษก็ต้องโทษปากของเจ้า”
“ข้าไม่มีทางปล่อยพวกเจ้าไปแน่! ข้าจะให้พวกเจ้าชดใช้” ซูตี๋หย่ายังคงกรีดร้องไม่หยุด
จากนั้นก็มีแส้ฟาดลงมา และมีคนคอยนับอยู่ข้าง ๆ
ซูตี๋หย่าส่งเสียงคำราม สายตาของนางเต็มไปด้วยความไม่พอใจ!
เซี่ยวั่งซูไม่มีเวลามาอยู่ดูการแสดงของนางที่นี่ เพราะนางยังมีงานต้องทำอีกมาก
ในฐานะนายหญิงของราชสำนัก นางต้องจัดการเรื่องภายใน และเตรียมเสบียงสำหรับฤดูหนาวของราชสำนัก
“จื่อฮุ่ย เจ้าเฝ้านางอยู่ที่นี่
ส่วนทุกคนก็แยกย้ายกันไปทำงานได้แล้ว อย่ามาเสียเวลากับเรื่องที่ไร้สาระเช่นนี้เลย” เซี่ยวั่งซูพูดจบก็หมุนกายจากไปทันที
ทุกคนต่างก็มองดูนางเดินจากไป
จากนั้นเสียงสนทนารอบข้างก็ค่อย ๆ ดังเข้าหูของซูตี๋หย่า
“เมื่อก่อนข้าคิดว่าซูตี๋หย่าเป็นคนที่สวยมาก แต่ตอนนี้เค่อตุนสวยยิ่งกว่านางเสียอีก!”
“ผิวของนางขาวราวกับนมแพะ ยังมีกระโปรงของนางอีก ทั้ง ๆ ที่รูปแบบก็คล้ายกับของพวกเรา แต่เวลาสวมอยู่บนร่างของนางก็ราวกับมีแสงเปล่งประกายออกมาอย่างไรอย่างนั้น”
“ข้าก็อยากแต่งตัวเหมือนกับเค่อตุน”
ผู้หญิงพวกนั้นเมื่อก่อนก็เคยใช้สายตาเทิดทูนเช่นนั้นมองมาที่นางเพียงคนเดียว แต่ตอนนี้พวกนางกลับถูกผู้หญิงคนนั้นล่อลวงไปหมดแล้ว!
พวกนางเทิดทูนหญิงต่างแคว้นผู้นั้น!
ถูกเฆี่ยนห้าสิบทีไม่ใช่เบา ๆ ทำให้ซูตี๋หย่าถึงกับหายใจรวยริน ก่อนนางจะลากตัวเองกลับไปที่กระโจม
“คุณหนูซูตี๋หย่า!” ตัวหมู่อาศัยตอนที่ไม่มีคนรีบวิ่งเข้ามา นั่งยอง ๆ ที่ข้างเตียงของนาง
ซูตี๋หย่าเหงื่อท่วมไปทั้งร่าง เลือดตามร่างกายก็เหนียวเหนอะหนะ เนื่องจากนางล่วงเกินเค่อตุน คนเหล่านั้นจึงไม่ช่วยรักษาอาการบาดเจ็บให้นาง และไล่นางไปหาหมอผีแทน
ซูตี๋หย่าหลั่งน้ำตาด้วยความคับแค้นใจ “ตัวหมู่ อาฉื่อน่าหลู่เล่า! รีบเรียกเด็กคนนั้นมา บอกเขาว่าข้าใกล้จะถูกผู้หญิงที่แย่งตำแหน่งแม่ของเขาฆ่าตายแล้ว! ให้เขารีบมาพบน้าของเขาเดี๋ยวนี้”
ตัวหมู่พยักหน้ารับคำ “ข้าจะพาเด็กคนนั้นมาเดี๋ยวนี้ ยานี่ท่านรับเอาไว้ก่อน แล้วข้าจะรีบกลับมา”
“รีบไป!” ซูตี๋หย่ากัดผ้าห่มอย่างแรง
นางจะต้องแก้แค้นให้จงได้ ความอัปยศในวันนี้ วันหน้านางจะคืนให้ผู้หญิงคนนั้นเป็นสองเท่า!
ไม่นานตัวหมู่ก็กลับมา ดวงตาของอาฉื่อน่าหลู่เต็มไปด้วยความตกใจ
“เด็กน้อย มานี่!” ซูตี๋หย่าพูดด้วยความโกรธแค้น
อาฉื่อน่าหลู่ตกใจมากจนต้องหลบอยู่ข้างหลังตัวหมู่
ตัวหมู่จึงรีบเอ่ยขึ้นว่า “เด็กโง่ นั่นเป็นท่านน้าของเจ้า เจ้ารีบเข้าไปหานางสิ อย่าลืมว่านางดูแลพวกเรามาโดยตลอด”
อาฉื่อน่าหลู่จึงยอมเดินเข้าไปใกล้นาง
ซูตี๋หย่าคว้าตัวเขาแล้วพูดว่า “อาฉื่อน่าหลู่ เจ้าต้องจดจำความเจ็บปวดที่ข้าได้รับในวันนี้เอาไว้ให้ดี ผู้หญิงคนนั้นนางพรากพ่อของเจ้าไป ในใจของพ่อเจ้าไม่มีแม่เจ้าอีกแล้ว! คนที่จากไปคือแม่ของเจ้านะ”
สีหน้าของอาฉื่อน่าหลู่เต็มไปด้วยความไร้เดียงสาและทำอะไรไม่ถูก
เขาอายุยังน้อยจึงไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไร
“ภายหน้านางยังจะให้กำเนิดลูกมากมายกับพ่อของเจ้า ถึงเวลาพ่อของเจ้าก็จะไม่ต้องการเจ้าอีกต่อไป!”
อาฉื่อน่าหลู่ได้ยินดังนั้นก็ตื่นตระหนกขึ้นมาทันที “ไม่ ไม่มีทาง ท่านพ่อเป็นท่านข่านที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ข้าเป็นลูกชายเพียงคนเดียวของเขา!
ซูตี๋หย่าหัวเราะเสียงเย็น “เด็กโง่ หลังจากแม่เจ้าตาย เขายอมพบเจ้าที่ใดกัน! เจ้าลองคิดดูสิ เจ้าไม่ได้พบเขามานานเพียงใดแล้ว
เขารักผู้หญิงคนอื่นแล้ว เพราะถูกผู้หญิงคนนั้นล่อลวงจิตใจ ไม่ต้องพูดถึงแม่ของเจ้า เพราะแม้แต่เจ้าก็ยังขวางหูขวางตา! เมื่อถึงเวลาเจ้าก็จะเป็นเหมือนกับข้า ถูกพวกเขาเหยียบย่ำอยู่ใต้ฝ่าเท้า”
ซูตี๋หย่าพูดถึงตรงนี้ก็กอดอาฉื่อน่าหลู่แล้วร้องไห้ออกมา “เด็กที่น่าสงสาร พี่สาวที่น่าสงสารของข้า นอกจากข้าแล้วใครจะมาสงสารเจ้าอย่างจริงใจอีก!”
อาฉื่อน่าหลู่เป็นความหวังเดียวของตัวหมู่ นางย่อมอยากให้เขาขึ้นเป็นข่าน เช่นนี้นางในฐานะแม่นมของท่านข่านก็จะกลายเป็นที่เคารพของทุกคนไปด้วย
การที่ท่านข่านไม่ต้องการพบหน้าอาฉื่อน่าหลู่ ความจริงแล้วไม่เกี่ยวอะไรกับองค์หญิงต้าจิ้น เพราะนับตั้งแต่ที่อูหลุนจูตายไป ท่านข่านก็ไม่ยินดีที่จะมาพบเด็กคนนี้อีก แม้ว่าจะบังเอิญเจอเขาเป็นครั้งคราว ก็แค่ถามเรียบ ๆ ว่าเขากินอยู่ดีหรือไม่ นอนหลับสบายหรือไม่ และกำชับอีกสองสามประโยคเท่านั้น
แต่นั่นจะเทียบกับเมื่อก่อนได้อย่างไร!
ซูตี๋หย่าเองก็แค้นใจเช่นกัน “เหตุใดเจ้าถึงหน้าไม่เหมือนพ่อของเจ้า แต่กลับเหมือนพี่หญิงเช่นนี้เล่า!?”
หากว่าเขาหน้าเหมือนชางฉี กล้าหาญและชาญฉลาดเช่นนั้น ทุกคนก็จะรักเขา!
แต่อาฉื่อน่าหลู่กลับโง่เขลาอย่างมาก แม้แต่พวกลูกหลานของทาสในทุ่งหญ้าก็ยังฉลาดกว่าเขาด้วยซ้ำ มีแค่พละกำลังเท่านั้นที่แข็งแกร่งกว่าคนอื่น อูหลุนจูไม่ได้เกิดมาหน้าตาสะสวย และอาฉื่อน่าหลู่ก็ได้รับสืบทอดสิ่งนี้มาด้วย โดยเฉพาะดวงตาหรี่เล็กนั่น
ซูตี๋หย่าดูแล้วก็รู้สึกว่าไม่ได้ความ ถึงเวลาจะไปแข่งขันกับองค์หญิงต้าจิ้นผู้นั้นได้อย่างไร?
ข้างหลังนางมีแคว้นแคว้นหนึ่งคอยสนับสนุนเชียวนะ!
“อาฉื่อน่าหลู่ น้าต้องพึ่งเจ้าแล้ว ดังนั้นเจ้าต้องพยายามเพื่อข้าและแม่ของเจ้า!
เจ้าต้องเป็นท่านข่านให้ได้ และฉีกผู้หญิงต้าจิ้นผู้นั้นออกเป็นชิ้น ๆ ซะ!
แม่ของเจ้าต่างหากที่สมควรเป็นเค่อตุน ไม่ใช่ตายอย่างไร้ชื่อไร้ฐานะเช่นนี้!”
อาฉื่อน่าหลู่ฟังอย่างตกตะลึง
…
“องค์หญิงเพคะ” จื่อฮุ่ยเข้ามารายงาน “หม่อมฉันจับตามองกระโจมของซูตี๋หย่าเอาไว้ และนางก็ได้ไปตามคนมาพบทันทีเลยเพคะ
หม่อมฉันถามคนอื่นดูแล้ว นางเรียกพบลูกชายคนโตของท่านข่าน อาฉื่อน่าหลู่เด็กคนนั้น และยังมีแม่นมของเด็กคนนั้นด้วยเพคะ”
เซี่ยวั่งซูวางหนังสือในมือลง “ให้คนไปพาเด็กคนนั้นมาที่กระโจม”
“เพคะ”
…
ขณะที่ซูตี๋หย่ากำลังล้างสมองอาฉื่อน่าหลู่อยู่นั้น อาเอ่อร์ไท่ก็เดินเข้ามา
โดยเขาได้พาหมอผีมาด้วย
ซูตี๋หย่าเชิดคางขึ้น “ข้าไม่ต้องการความสงสารจากเจ้า พาคนของเจ้าไสหัวไปซะ”
อาเอ่อร์ไท่หมดคำจะพูด “เจ้าคิดว่าข้าอยากจะสนใจเจ้าอย่างนั้นหรือ ข้ามาก็เพราะเห็นแก่หน้ามู่เหรินต่างหาก”
อย่างไรเสียมู่เหรินก็ยังเป็นสหายที่ร่วมเป็นร่วมตายมากับท่านข่าน และซูตี๋หย่าก็เป็นน้องสาวของเขา ดังนั้นนางไม่สามารถมาตายอยู่ที่นี่ได้
ซูตี๋หย่าหัวเราะเสียงเย็น “อาเอ่อร์ไท่ ตอนนี้เจ้ามีนายใหม่แล้ว ยังจำท่าทางที่กระดิกหางประจบประแจงข้าเมื่อก่อนได้หรือไม่?”
อาเอ่อร์ไท่ไม่สนใจนาง “องค์ชาย เค่อตุนต้องการพบท่านขอรับ”
อาฉื่อน่าหลู่เม้มริมฝีปาก และไม่อยากไป
อาเอ่อร์ไท่จึงย่อตัวลง ก่อนจะพูดกับเขาอย่างใจเย็น “ท่านอย่าได้ฟังสิ่งที่ซูตี๋หย่าพูด เพราะเค่อตุนเป็นคนดีมากนะขอรับ”
“อาเอ่อร์ไท่ มโนธรรมของเจ้าถูกสุนัขกินไปแล้วหรืออย่างไร ตอนนั้นพี่สาวข้าดีกับเจ้าถึงเพียงนั้น เจ้าลืมไปหมดแล้วหรือ?”
อาเอ่อร์ไท่เอ่ยเสียงเย็น “อูหลุนจูก็คืออูหลุนจู เกี่ยวอะไรกับเจ้ากัน คนที่เดินเคียงข้างท่านข่านก็คืออูหลุนจู ซูตี๋หย่า เจ้าทำอะไรบ้าง วัน ๆ เอาแต่พูดถึงอูหลุนจูอย่างนั้นน่ะหรือ ก็แค่เอาอูหลุนจูมาแอบอ้างก็เท่านั้น!
แม้ข้าจะไม่รู้ว่าเหตุใดอูหลุนจูถึงต้องตาย เหตุใดท่านข่านถึงไม่อนุญาตให้ข้าพูดถึงเรื่องนี้อีก แต่ซูตี๋หย่า เจ้าต่างหากคือคนที่ทำผิดต่ออูหลุนจูมากที่สุด!”
ซูตี๋หย่าโมโหอย่างมากจนเกือบเป็นลมสลบไป “เจ้า…พวกเจ้าคงเห็นว่าข้าไม่มีใครหนุนหลังจึงรังแกข้าเช่นนี้ อาฉื่อน่าหลู่ เจ้าห้ามไป เจ้าไปก็เท่ากับผิดต่อแม่ของเจ้า!”
.
.