เข้าสู่โลกนิยายเพื่อไปเป็นแม่เลี้ยงจอมโหดของสามวายร้าย - บทที่ 615 สมคบคิดกันทั้งในและนอก
- Home
- เข้าสู่โลกนิยายเพื่อไปเป็นแม่เลี้ยงจอมโหดของสามวายร้าย
- บทที่ 615 สมคบคิดกันทั้งในและนอก
บทที่ 615 สมคบคิดกันทั้งในและนอก
ลมพัดยอดหญ้าบนทุ่งหญ้าอันกว้างใหญ่ ซูตี๋หย่าใส่เสื้อผ้าเรียบร้อยแล้วจึงได้ลุกขึ้นยืนจากกองหญ้า บนคอยังคงมีร่องรอยหลังจากการร่วมรัก
ผู้ชายที่อยู่ด้านหลังยังคงเคลิบเคลิ้ม เขาโอบเอวของนางแล้วพูดว่า “เหตุใดถึงจะกลับแล้วเล่า?”
ซูตี๋หย่าเอ่ยเสียงเย็น “ข้าออกมานานเกินไปแล้ว เดี๋ยวจะถูกคนพบเข้า”
ชายผู้นี้คือน่ารื่อซู น้องชายของปี้ลี่เก๋อ นักรบอันดับสองของเผ่า
หลังจากที่ซูตี๋หย่าถูกชางฉีไล่ออกจากราชสำนัก นางก็แทบจะกลายเป็นที่หัวเราะเยาะของคนทั้งถู่เจีย
โดยเฉพาะอย่างยิ่งก่อนหน้านี้นางเคยอาศัยการที่ตัวเองเป็นน้องสาวอูหลุนจูรังแกคนอื่นไปทั่ว ตอนนี้เมื่อรู้แล้วว่าท่านข่านไม่มีทางเอานาง ทุกคนจึงหันมาเยาะเย้ยนางว่าเป็นสาวเทื้อ ขายไม่ออก ดึงดันจะอยู่ในราชสำนักให้ได้จนถูกเขาไล่ออกมา
หลังจากใบหน้าของนางหายดีแล้ว มู่เหรินก็จัดการหาผู้ชายให้นาง
ทว่าผู้ชายเหล่านั้นล้วนเป็นเพียงคนหยาบกระด้างในเผ่า ทั้งยังต้องพึ่งพาพี่ชายของนางอยู่ ผู้ชายที่ไม่ได้เรื่องเช่นนี้ เหตุใดนางต้องให้กำเนิดลูกให้พวกเขาด้วย!?
แต่อูหลุนจูไม่เพียงได้องค์ชายใหญ่เท่านั้น ยังเคยได้กับชางฉีอีกด้วย
นางไม่สามารถระงับความแค้นใจนี้ได้
ประกอบกับปี้ลี่เก๋อสนใจในตัวนาง จึงให้คนมาสู่ขอที่เผ่าอีกครั้ง ทว่ามู่เหรินก็ปฏิเสธไปอีกหน นั่นทำให้นางกับมู่เหรินทะเลาะกันครั้งใหญ่
เขาต้องการเหยียบย่ำนาง และนางก็ควรจะได้แต่งงานกับคนที่เป็นผู้นำชนเผ่า เรื่องอะไรนางต้องลดตัวไปแต่งกับนักรบที่ไร้ชื่อเสียงเช่นนั้นด้วย
นี่หากสตรีสูงศักดิ์คนอื่น ๆ ในราชสำนักรู้เข้า นางจะสู้หน้าคนพวกนั้นได้อย่างไร?
ดังนั้นนางจึงหนีออกมา และบากหน้ามาหาปี้ลี่เก๋อ
โชคดีที่ปี้ลี่เก๋อก็เป็นคนที่มีความทะเยอทะยานเหมือนกัน เมื่อเขาถูกนางยุยงให้สังหารชางฉี และตัวเขาเองก็จะได้เป็นท่านข่าน ครอบครองถู่เจีย ถึงเวลาอาหารอันโอชะ ทอง เงิน แร่ เหล็ก และผู้หญิงบนทุ่งหญ้าก็จะเป็นของเขา
ที่สำคัญยังสามารถตัดหัวชาวต้าจิ้นเหล่านั้นได้ตามอำเภอใจ ทำให้ทุกคนหวาดกลัว!
ซูตี๋หย่ากับปี้ลี่เก๋อนั้นมีความทะเยอทะยานเหมือนกัน ชางฉีขัดขวางเขาเดินทัพบุกต้าจิ้นครั้งแล้วครั้งเล่า เพียงเพราะได้ผลประโยชน์จากต้าจิ้น
แค่ผู้หญิงคนเดียว นอนก็เคยนอนด้วยแล้ว แต่กลับยอมสงบศึกเพื่อลูกสาวของฮ่องเต้นั่นจริง ๆ อย่างนั้นหรือ?
“ปี้ลี่เก๋อพาคนบุกไปราชสำนักแล้ว เจ้ายังต้องกลัวอะไรอีก และอีกไม่นานเจ้าก็จะกลายเป็นผู้หญิงของข่านคนใหม่แล้ว”
น่ารื่อซูเอ่ยจบ ซูตี๋หย่าก็หัวเราะเสียงเย็น “ผู้หญิงของท่านข่านอย่างนั้นหรือ ไม่! ข้าจะเป็นเค่อตุนคนใหม่เท่านั้น”
น่ารื่อซูไม่คิดเช่นนั้น “ต้าจิ้นนั้นมั่งคั่ง การแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์ไม่มีอะไรเสียหาย นอกจากนี้องค์หญิงผู้นั้นก็ยังงดงามมากอีกด้วย ทั้งยังสูงส่งและมีเสน่ห์ ต่อให้ชางฉีตาย นางก็ยังคงเป็นเค่อตุนอยู่ดี เจ้าอย่าประเมินตัวเองสูงเกินไปนักเลย”
ซูตี๋หย่าใส่เสื้อผ้าเรียบร้อยแล้ว “เจ้าดูแคลนข้าเพียงนี้ ทว่าก็ยังสยบอยู่ใต้กระโปรงข้าอยู่ดีมิใช่หรือ น่ารื่อซู เจ้าจำเอาไว้ ของที่ข้าซูตี๋หย่าไม่ได้ ข้าก็จะทำลายทิ้งซะ”
น่ารื่อซูไม่สนใจ เดิมทีปี้ลี่เก๋อก็แค่ไม่มีข้ออ้างในการบุกโจมตีราชสำนักก็เท่านั้น ตอนนี้ได้ซูตี๋หย่ามาช่วย และบอกพวกเขาว่าชางฉีไปล่าสัตว์เวลาใด ทั้งยังเป็นคนเสนอแผนการที่จะทำให้ต้าจิ้นขัดแย้งกับพวกถู่เจีย
นี่จึงถูกใจปี้ลี่เก๋อยิ่งนัก
ส่วนเขาก็แค่อยากนอนกับผู้หญิงสวย ๆ ก็เท่านั้น
ซูตี๋หย่ารู้ว่าเมื่อปี้ลี่เก๋อไม่อยู่ ภรรยาของเขาไม่มีทางปล่อยนางไปแน่ จึงได้มาหาเขา
แต่อย่างไรเสียเขาก็ไม่สนใจอยู่แล้ว
ซูตี๋หย่ามองไปทางราชสำนักแล้วยกยิ้มขึ้นมา ชางฉี ข้าจะทำให้เจ้าเสียใจแน่นอน!
ซูตี๋หย่าขึ้นม้าแล้วกลับไปในเผ่า เนื่องจากปี้ลี่เก๋อซ่อนนางไว้ในกระโจมเล็ก ๆ ในเผ่า จึงยังไม่มีใครเห็นนาง
คนที่ปี้ลี่เก๋อทิ้งเอาไว้ให้นางก็กำลังตามหานางอยู่ เมื่อเห็นนางกลับมาก็ถามด้วยความร้อนใจ “ซูตี๋หย่า เจ้าไปที่ใดมา?”
“ออกไปเดินเล่น มีอะไร?”
ซูตี๋หย่าเดินเข้าไปในกระโจมอย่างไม่ใส่ใจ
ชายผู้นั้นจึงไม่กล้าตามเข้าไปด้วย เขายืนอยู่ที่นอกกระโจมแล้วพูดขึ้นว่า “คนจากราชสำนักส่งข่าวมา บอกว่าเค่อตุนออกจากราชสำนักและดูเหมือนว่าจะกลับไปที่ต้าจิ้น”
ซูตี๋หย่าที่กำลังรินน้ำอยู่ชะงักไป “เจ้าพูดจริงหรือ?”
“สายในราชสำนักเป็นคนส่งมา ไม่ผิดแน่”
ซูตี๋หย่ากลอกตาไปมา “ข้ามีข่าวหนึ่ง เจ้าช่วยไปส่งข่าวให้ข้าที”
ซูตี๋หย่าเขย่งปลายเท้าขึ้น และบอกข่าวนั้นให้เขารู้ ชายผู้นั้นได้ยินก็ถึงกับตกตะลึง
“เค่อตุนเอาตำแหน่งที่มั่นของราชสำนักไปบอกชาวต้าจิ้น ทรยศต่อราชสำนัก และจะนำกองกำลังจำนวนมากมาบุกล้อมอย่างนั้นหรือ ข่าวนี้…เจ้าจะให้ข้าแพร่งพรายออกไปจริง ๆ หรือ?”
“กลัวอะไร ผู้นำเผ่าของพวกเจ้าจะเป็นข่านอยู่แล้วไม่ใช่หรือ ดังนั้นข่าวนี้จริงหรือเท็จจะสำคัญอะไรกัน?
นางเป็นองค์หญิงของต้าจิ้น ไม่มีเรื่องอะไรจะออกไปทำไมกัน และยังอาศัยตอนที่ท่านข่านไม่อยู่อีก ไม่ใช่เพราะนางมีแผนการหรืออย่างไร?”
ชายผู้นั้นลังเล “หากเป็นการเข้าใจผิดเล่า?”
“เช่นนั้นเกี่ยวอะไรกับพวกเรากัน เจ้าไม่ใช่ชาวต้าจิ้นเสียหน่อย จะกังวลแทนองค์หญิงของพวกเขาทำไมกัน นางเป็นแค่ผู้หญิงคนหนึ่ง แต่งก็แต่งมาแล้ว ยังจะเอาแต่คิดถึงต้าจิ้นอยู่ได้ เดิมนี่ก็เป็นการทรยศต่อถู่เจียของเราอยู่แล้ว”
ซูตี๋หย่าหัวเราะเสียงเย็น “นางไม่ใช่ชาวถู่เจียย่อมไม่มีทางเห็นพวกเราอยู่ในสายตา รอดูเถอะ ไม่ช้าก็เร็วราชสำนักนั่นต้องเสียใจที่มีเค่อตุนอย่างนาง!”
ถึงเวลาพวกเขาก็จะได้รู้ว่าใครกันแน่ คือผู้หญิงที่คู่ควรกับตำแหน่งนั้นจริง ๆ
ถู่เจียมีเพียงต้องทำศึกสงคราม กวาดล้างแคว้นโดยรอบเท่านั้น จึงจะสามารถทำให้คนหวาดกลัวได้ ไม่ใช่มุดหัวอยู่แต่ในเมืองเหมือนลูกแกะเช่นนี้
เมื่อคิดถึงท่าทางเสียใจของชางฉี ซูตี๋หย่าก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา
นางหวังว่าคงจะไม่ต้องรอวันนั้นนานเกินไป
…
และในเวลานี้ กองคาราวานของถู่เจียหลังจากพักผ่อนมาทั้งคืน ก็กลับมามีเรี่ยวมีแรงอีกครั้ง และเซี่ยวั่งซูก็ต้องการให้พวกเขากลับไปที่ราชสำนักก่อน หลังจากกลับไปแล้วให้ไปหาต่าลา ให้ต่าลาส่งคนไปตามชางฉีกลับมา
“เช่นนั้นเค่อตุน ท่านจะไปที่ใดหรือขอรับ?”
เซี่ยวั่งซูหัวเราะออกมา “ข้าจะไปเยี่ยมเยียนเผ่าปี้ลี่เก๋อ”
ในฐานะนายหญิงของราชสำนัก ชางฉีเคยบอกนางว่า ไม่มีดินแดนใดในถู่เจียที่นางไปไม่ได้
ในเมื่อเป็นเช่นนั้น ไม่ว่าปี้ลี่เก๋อจะเป็นภัยต่อราชสำนักหรือไม่ และส่งคนไปลักพาตัวราษฎรต้าจิ้นของนางหรือไม่ แต่การที่นางไปถามด้วยตัวเองก็สมเหตุสมผลแล้ว
และนางก็นำทหารต้าจิ้นไปด้วยเพียงห้าพันนายเท่านั้น
เซี่ยวั่งซูไม่ต้องการพาคนไปด้วยมากเกินไป เพราะเกรงว่าจะทำให้ผู้คนเกิดความตื่นตระหนกได้
อาเอ่อร์ไท่จึงรับผิดชอบเป็นคนนำทาง ส่วนคนของราชสำนักที่เหลือเซี่ยวั่งซูล้วนให้พวกเขาตามกองคาราวานกลับไป เพื่อป้องกันปี้ลี่เก๋อพาคนบุกไปราชสำนัก
เซี่ยวั่งซูเอ่ยจบ ก็ไม่ได้เสียเวลาอยู่ที่ประตูเมืองนานนัก และมีจื่อฮุ่ยขี่ม้าพานางไป
“องค์หญิงเพคะ เมื่อคืนรอยเสียดสีเหล่านั้นพระองค์เพิ่งจะใส่ยาไป และขาของพระองค์ก็ยังไม่หายดี ดังนั้นขึ้นรถม้าจะดีกว่านะเพคะ”
“อย่ามัวเสียเวลา ข้าไม่ได้บอบบางเพียงนั้น”
หากเป็นการตื่นตูมไปเองก็แล้วไป แต่หากเกิดข้อผิดพลาดที่ไม่อาจแก้ไขได้ เช่นนั้นนางก็คงไม่สบายใจ
กัวเซี่ยวพาคนตามหลังอาเอ่อร์ไท่ไป เดินทางลึกเข้าไปในทุ่งหญ้าของถู่เจีย พลางครุ่นคิดไปตลอดทาง สถานที่นี้พวกเขายังไม่เคยเข้ามา แต่ตอนนี้กลับต้องไปล้อมปราบเผ่าปี้ลี่เก๋อเพื่อช่วยราชสำนักของถู่เจีย
ที่สำคัญกว่านั้นก็คือ ปี้ลี่เก๋อผู้นั้นได้ส่งคนไปปล้นหมู่บ้านของชาวต้าจิ้นจริงหรือไม่ มีเพียงต้องไปที่ค่ายของพวกเขา เพื่อค้นหาเชลยถึงจะรู้ได้
หากเขาทำจริง เซี่ยวั่งซูก็จะถล่มเผ่าของเขาซะ!