เข้าสู่โลกนิยายเพื่อไปเป็นแม่เลี้ยงจอมโหดของสามวายร้าย - บทที่ 85 คางคกอยากกินเนื้อห่านฟ้า
- Home
- เข้าสู่โลกนิยายเพื่อไปเป็นแม่เลี้ยงจอมโหดของสามวายร้าย
- บทที่ 85 คางคกอยากกินเนื้อห่านฟ้า
บทที่ 85 คางคกอยากกินเนื้อห่านฟ้า
หมู่บ้านตระกูลเฉินก็ไม่มีอะไรน่าเดินนัก มีที่นาอยู่หร็อมแหร็ม แล้วยังมีอ่างเก็บน้ำที่ไม่มีใครดูแล มองไกลออกไปในนาแม้แต่ควายสักตัวก็ไม่มี เห็นได้ชัดว่าหมู่บ้านนี้ยากจนเพียงใด
ทันทีที่เซียวเย่เจ๋อเดินมาถึงคันนา ก็ดึงดูดความสนใจของผู้คนได้ไม่น้อย
แต่ทุกคนก็รู้ว่านั่นเป็นแขกของครอบครัวเผย เพียงแต่คนในชนบทไม่ค่อยได้เห็นคนร่ำรวยบ่อยนัก ยิ่งไปกว่านั้นเซียวเย่เจ๋อยังมีหน้าตาหล่อเหลามากอีกด้วย ไม่มองก็เสียโอกาสไปเปล่า ๆ น่ะสิ
เฉินหลันหลันออกมาจากบ้านก็เห็นเซียวเย่เจ๋อทันที จากนั้นนางก็ละสายตาไปจากเขาไม่ได้อีกเลย
จนกระทั่งเห็นว่าเซียวเย่เจ๋อยืนนิ่งอยู่สักพัก ก่อนจะกลับไปที่บ้านครอบครัวเผยอีกครั้ง นางจึงได้กระทืบเท้าเร่า ๆ บุรุษที่หน้าตาหล่อเหลาเช่นนี้ เหตุใดต้องเกี่ยวข้องกับจี้จือฮวนอีกแล้ว?
สตรีที่ไม่รักษาศีลธรรมตามแบบของสตรีผู้นั้น วัน ๆ มีบุรุษเข้า ๆ ออก ๆ ไม่ซ้ำหน้าจริง ๆ!
แต่เซียวเย่เจ๋อรูปร่างหน้าตาดีเพียงนั้น อีกทั้งยังสวมเสื้อผ้าหรูหรา รวมทั้งรถม้าที่จอดอยู่ตรงนั้นอีก สิ่งเหล่านี้ล้วนทำให้เฉินหลันหลันใจสั่นเป็นอย่างมาก
หากสามารถอยู่กับบุรุษเช่นนี้ได้ ต่อให้ต้องเป็นอนุนางก็ยอม เพียงแต่ไม่รู้ว่าที่บ้านของเขาจะมีเงินมากกว่าฉือชางไห่หรือไม่?
เซียวเย่เจ๋อไม่รู้ตัวเลยว่าการที่ไปเดินเล่นมารอบหนึ่ง จะไปเข้าตาของเฉินหลันหลันเข้า เขาแค่กลับมาเพื่อรับท่านอาน้อยของเขาเท่านั้น
ไหนเลยจะรู้ว่าตอนนี้ได้เวลากินข้าวกลางวันแล้ว เขาเองก็ไม่ได้กินอิ่มมานานแล้ว ย่อมต้องอยู่ต่อเพื่อกินของอร่อยสักมื้อ
…
ทางด้านนี้ เฉินหลันหลันเดินกลับบ้านพลางครุ่นคิด สองวันมานี้คนของครอบครัวเฉินต้องอยู่อย่างเจียมตัว
เฉินเย่าจงไม่มีทางขอโทษแน่นอน อย่าว่าแต่เขียนจดหมายขอโทษแขวนไว้ที่ทางเข้าหมู่บ้านเลย แม้แต่ประตูบ้านเขายังไม่อยากออกไป ส่วนหยวนซื่อวัน ๆ ก็เอาแต่ด่าทออยู่ในห้องรับแขก หวังกุ้ยฟางเองก็เช่นกัน
เมื่อเฉินหลันหลันเดินเข้าไป หยวนซื่อก็เพิ่งจะด่าจบไปหนึ่งรอบ เมื่อเห็นหน้านางก็เอ่ยขึ้นมา “ไปไหนมา รีบมาเลือกคู่ได้แล้ว”
อายุของเฉินหลันหลันมาถึงขนาดนี้แล้ว ก่อนหน้านี้ตอนที่ข่าวเฉินเย่าจงจะได้เข้าสำนักศึกษาชิงอวิ๋นแพร่ออกไป ก็ได้มีแม่สื่อมาหาที่บ้าน ตอนนี้ในมือพวกเขาจึงยังมีอีกสามสี่ครอบครัวที่สามารถเลือกได้
“ข้าว่าบัณฑิตหวังนั่นสู้เถ้าแก่จูไม่ได้ ครอบครัวเขามีลูกสาวคนหนึ่ง เพิ่งจะอายุสามขวบ หากเจ้าแต่งไปแล้วมีลูกชายสักคน ทุกอย่างจะไม่อยู่ในมือของเจ้าหรืออย่างไร”
เดิมเฉินหลันหลันเองก็คิดว่าเถ้าแก่จูนั้นไม่เลว ทว่าตั้งแต่ได้เห็นเซียวเย่เจ๋อ นางก็ไม่คิดเช่นนั้นอีกต่อไป
“ข้าไม่แต่ง”
“เจ้าคิดว่าตัวเองยังอายุน้อยอยู่อย่างนั้นหรือ ผ่านปีใหม่ไปเจ้าก็จะยี่สิบแล้วนะ!” หยวนซื่อเองก็ร้อนใจเช่นกัน จะรอเฉินเย่าจงสอบจอหงวนก็ยังไม่รู้ว่าจะได้เมื่อใด
เฉินหลันหลันจึงเอ่ยอย่างเขินอายขึ้นมา “ข้าถูกใจคน ๆ หนึ่งเข้าแล้ว”
“ใครกัน ข้าบอกเจ้าเอาไว้ก่อนนะ ถ้าไม่มีเงินข้าไม่ยอมแน่”
เฉินหลันหลันถลึงตาใส่หยวนซื่อ “สายตาข้าจะถูกใจคนที่ไม่มีเงินได้อย่างไรกัน ท่านแม่เห็นแล้วรับรองว่าจะต้องพอใจอย่างแน่นอน”
หยวนซื่อนึกสนใจขึ้นมาทันที “ผู้ใดกัน?”
“ข้าเองก็ไม่รู้ว่าเขาเป็นใคร แต่อยู่ที่บ้านครอบครัวเผย ขี่ม้าตัวใหญ่ ด้านหลังยังมีรถม้าตามมาด้วย”
หยวนซื่อพอได้ยินคำว่าครอบครัวเผยก็หมดความสนใจขึ้นมาทันที “จะดีแค่ไหนกันเชียว ไม่แน่อาจจะเป็นชู้กับจี้จือฮวนก็ได้”
“เช่นนั้นข้าจะแพ้ให้กับนางอัปลักษณ์นั่นได้อย่างไรกัน นางทำได้ เรื่องอะไรข้าจะทำไม่ได้ อีกอย่างไม่แน่อาจจะเป็นคนที่ทำการค้าร่วมกับจี้จือฮวนก็ได้ ท่านแม่ ข้าถูกใจเขาจริง ๆ ท่านไปดูก่อนเถอะนะเจ้าคะ” เฉินหลันหลันออดอ้อนขึ้นมา
ตั้งแต่เด็กนางต้องการอะไรหยวนซื่อล้วนแต่ตามใจ เมื่อเห็นเฉินหลันหลันพูดมาถึงเพียงนี้ หยวนซื่อเองก็เริ่มสนใจขึ้นมาเช่นกัน
“เช่นนั้นก็ไปดูกัน” หยวนซื่อเลียริมฝีปาก ก่อนจะลุกขึ้นสวมรองเท้า เฉินหลันหลันเองก็รีบกลับเข้าห้องไปเปลี่ยนเสื้อผ้า จากนั้นทั้งสองคนแม่ลูกก็ตรงไปที่บ้านครอบครัวเผยทันที
ตอนที่สองคนแม่ลูกคู่นี้มาถึง ทุกคนกำลังกินข้าวอยู่ในลานบ้าน
เนื่องจากองครักษ์ของตระกูลเซียวต่างก็คิดถึงปลาไนต้มผักดองเสฉวนที่เคยกินครั้งก่อน จี้จือฮวนจึงเข้าครัวทำอาหารจานนี้ด้วยตัวเอง บวกกับเนื้อตุ๋นและยังมีเครื่องเคียงของท่านป้าหยาง ทุกคนจึงกินกันอย่างเอร็ดอร่อย
ส่วนเซียวเย่เจ๋อค่อนข้างน่าอนาถ เพราะครอบครัวเผยจู่ ๆ ก็มีท่านป้าที่ไหนไม่รู้โผล่มาคนหนึ่ง ทั้งยังวางท่ายิ่งกว่าท่านอาน้อยของเขาเสียอีก
พอเขาจะกินอย่างสบาย ๆ ท่านป้าคนนั้นก็จะต่อว่าเขาทันที
“จานนั้นอาฉือของเราชอบกิน”
“จานนี้ให้อาอิน”
“นั่นของอาชิง แม้แต่ของเด็กเจ้าก็ยังจะแย่งกินอีกอย่างนั้นหรือ?”
เซียวเย่เจ๋อเหนื่อยใจยิ่งนัก เขาอยากจะพังโต๊ะอาหารให้รู้แล้วรู้รอดไป!
ส่วนท่านอาน้อย ตอนอยู่บ้านคนรับใช้สิบกว่าคนก็ยังป้อนข้าวไม่สำเร็จ ทว่าอยู่ที่นี่กลับเป็นเด็กดีขึ้นมาอย่างสุดจะพรรณนาได้เสียอย่างนั้น
“ห้ามเขี่ยผักออก เด็กที่ไม่กินผักต่อไปจะตัวดำ ๆ แล้วก็ไม่สูงด้วย” จี้จือฮวนเพิ่งจะเอ่ยจบ หย่งหนิงก็ใช้ช้อนตักผักต้นใหญ่ขึ้นมา ก่อนกินไปคำใหญ่
“เด็กดี”
หย่งหนิงกะพริบตาปริบ ๆ พลางเอ่ยด้วยน้ำเสียงนุ่มนิ่มออกมา “หย่งหนิงเป็นเด็กดีที่สุด”
ทั้งราชวงค์ทุกคนต่างก็ชอบนางกันทั้งนั้น!
เซียวเย่เจ๋อกลอกตามองบน ปีศาจร้ายที่สิงอยู่ในร่างมนุษย์ตอนอยู่บ้านนั่นเป็นใครกัน!
พูดถึงเรื่องนี้จี้จือฮวนก็อดไม่ได้ที่จะคิดถึงฐานะของหย่งหนิงว่านางเป็นใคร ในเมื่อเซียวเย่เจ๋อเป็นซื่อจื่อของจวนอู่อันโหว อาหญิงของเขาอย่างน้อยก็ต้องมีฐานะเป็นท่านหญิง
แม้ว่าจี้จือฮวนจะชอบเด็กคนนี้มาก แต่นางก็ไม่อยากคบค้าสมาคมกับคนในราชวงค์ เผยยวนก็ยังไม่รู้ว่าจะฟื้นขึ้นมาเมื่อใด หากว่าไปดึงดูดพระเอกและนางเอกในเรื่องมา เช่นนั้นต้องแย่แน่
“พวกเจ้ามาที่นี่ทำไมกัน?” ตอนที่เสียงของฟางจวิ่นเหมยดังขึ้น ทุกคนต่างก็มองไปทางหน้าประตูทันที
คนที่มาก็คือหยวนซื่อกับเฉินหลันหลันสองคนแม่ลูกนั่น
เฉินหลันหลันได้เห็นเซียวเย่เจ๋ออีกครั้งก็ตื่นเต้นจนแทบจะทนไม่ไหว นางดึงเสื้อของหยวนซื่อพลางกระซิบเบา ๆ “คุณชายท่านนั้นแหละเจ้าค่ะ เห็นหรือยังเจ้าคะ”
หยวนซื่อหรี่ตาลง โอ้! หน้าตาหล่อเหลามากจริง ๆ หล่อเหลากว่าในภาพวาดเสียอีก ถ้านั่งอยู่บนม้าที่สูงใหญ่นั่นจะดูดีเพียงใด และดูจากเสื้อผ้าเครื่องประดับที่สวมใส่ทั้งตัวก็รู้ว่ามีเงิน
“สายตาของเจ้าไม่เลวเลย รอก่อน ประเดี๋ยวข้าจะไปถามดู” หยวนซื่อคิดว่าเฉินหลันหลันเป็นคนสวย จึงไม่มีเหตุผลที่คนอื่นจะไม่ถูกใจลูกสาวของนาง
ท่านป้าหยางจึงลุกขึ้นยืนและเอ่ยขึ้นมาทันที “ที่นี่ไม่ต้อนรับพวกเจ้า รีบไสหัวไปซะ”
ฟางจวิ่นเหมยจะไปหยิบไม้กวาด ส่วนพวกเหล่าเติ้งเองก็ลุกยืนขึ้นด้วย
เมื่อเห็นสถานการณ์เช่นนี้ องครักษ์ของตระกูลเซียวก็หยิบอาวุธขึ้นมาเช่นกัน
หยวนซื่อและเฉินหลันหลันต่อให้กล้าเพียงใดก็เป็นเพียงสตรี ไหนเลยจะเคยเจอกับสถานการณ์เช่นนี้ จึงตกใจจนต้องรีบถอยหลังไปหนึ่งก้าว แต่ก็ยังเอ่ยอย่างปากดี “โอ๊ย พวกเรามาหาจี้จือฮวน พวกเจ้าทำถึงขนาดนี้ อยากให้คนตกใจตายหรืออย่างไร”
ฟางจวิ่นเหมยเอามือทั้งสองข้างกอดอก “เจ้ามีเรื่องอะไรก็พูดมา?”
หยวนซื่อพูดได้อย่างนั้นหรือ นางทำได้เพียงมองจี้จือฮวนตาปริบ ๆ ขอเพียงนางพยักหน้า พวกนางก็จะสามารถเข้าไปได้แล้วมิใช่หรือ
ทว่าจี้จือฮวนกลับมองผ่านไป ราวกับมองไม่เห็น
“…”
สตรีผู้นี้ช่างน่าชังยิ่งนัก!
สุดท้ายแค่คิดก็รู้แล้ว ไม่ต้องให้เหล่าองครักษ์ลงมือ แค่พวกเหล่าเติ้งเข้าไปหาก็ทำให้หยวนซื่อตกใจจนวิ่งลงเนินเขาไปทันที เฉินหลันหลันเองก็โมโหไม่น้อย คิดว่าจี้จือฮวนต้องการจะยึดคุณชายรูปงามผู้นั้นเอาไว้เสียเอง ไม่ให้คนอื่นได้แตะต้อง!
เซียวเย่เจ๋อขมวดคิ้ว คนในหมู่บ้านนี้ประหลาดดีแท้ จี้จือฮวนอยู่ที่นี่ไปได้อย่างไรกัน
อาหารมือนี้เขากลับกินไม่ค่อยรู้รสเท่าใดนัก ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกว่าจี้หมิงซูที่วันนี้ยังส่งเทียบเชิญมาให้ตนนั้นช่างไร้มโนธรรมสิ้นดี
เทียบเชิญของจวนจี้กั๋วกงล้วนใช้กระดาษทอง รมด้วยกลิ่นหอม แต่กลับปล่อยให้ลูกสาวแท้ ๆ ใช้ชีวิตในที่ทุรกันดารและห่างไกลเช่นนี้ได้อย่างไร?
จี้หมิงซูผู้นั้นช่วยเหลือบรรเทาภัยพิบัติทุกปี ทำบุญบริจาคเงิน สุดท้ายเป็นอย่างไร ล้วนเป็นเรื่องโกหกทั้งเพ
และมักจะมาปรากฏตัวต่อหน้าเขาบ่อย ๆ ช่วยเหลือขอทานคนนั้น คนยากจนคนนี้อยู่ร่ำไป
แน่นอนว่าจี้หมิงซูยังคงไม่รู้ ว่านับตั้งแต่นี้ไปตำแหน่งของนางในใจของเซียวเย่เจ๋อได้ดิ่งลงเหวไปแล้ว ความรู้สึกดี ๆ ที่เคยมีก็กลับกลายเป็นศูนย์ไปแล้ว