เข้าสู่โลกนิยายเพื่อไปเป็นแม่เลี้ยงจอมโหดของสามวายร้าย - บทที่ 97 จี้จือฮวนเป็นดาวนำโชค
- Home
- เข้าสู่โลกนิยายเพื่อไปเป็นแม่เลี้ยงจอมโหดของสามวายร้าย
- บทที่ 97 จี้จือฮวนเป็นดาวนำโชค
บทที่ 97 จี้จือฮวนเป็นดาวนำโชค
ครอบครัวท่านป้าหยางจะจัดงานเลี้ยง ดังนั้นเช้ามาจี้จือฮวนจึงตั้งใจจัดการเช็ดตัวเผยยวนให้เสร็จเรียบร้อยก่อน จากนั้นจึงพาเด็ก ๆ ทั้งสามคนไปช่วยงาน
เมื่อจี้จือฮวนไล่ทุกคนออกไปหมดแล้ว ตอนที่นางถอดเสื้อของเผยยวนออก นางก็พบว่าเส้นเลือดใต้ผิวหนังของเผยยวนมีเลือดไหลเวียนอยู่ราง ๆ
เป็นพลังที่แข็งแกร่งมาก ตอนที่นางวางมือลงบนข้อมือของเขาเพื่อเตรียมที่จะตรวจชีพจรให้เขานั้น พลังที่รุนแรงนั่นก็ทำให้นางถึงกับต้องสะบัดนิ้วออก
จี้จือฮวนชักมือกลับ มองเผยยวนที่กำลังหลับอยู่ด้วยแววตาสับสนเป็นอย่างมาก
จากนั้นนางจึงหยิบยาหลิงเฉวียนออกมาจากช่องว่างมิติ และให้เขาดื่มไปหนึ่งชามใหญ่เต็ม ๆ ตอนนี้มีเงินปันผลเข้าบัญชีทุกวัน ต่อให้ไม่ได้ไปรับเงินด้วยตัวเอง ยาหลิงเฉวียนในช่องว่างมิติก็ยังคงเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ ที่ดินก็ใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ ชนิดของเมล็ดพันธุ์บนชั้นก็ค่อย ๆ เพิ่มขึ้นด้วย
ทว่านอกจากเผยยวนที่ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงอย่างเห็นได้ชัดแล้ว สิ่งอื่น ๆ ล้วนดีขึ้นเรื่อย ๆ
หลังจากจี้จือฮวนเช็ดตัวและเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เขาแล้ว ก็จัดการหวีผมให้เขา “อาฉือจะไปเข้าเรียนแล้ว อาชิงเองก็เริ่มศึกษาขั้นพื้นฐานแล้ว เด็ก ๆ ล้วนฉลาดกันมาก เจ้าไม่อยากตื่นขึ้นมาดูพวกเขาสักหน่อยหรือ?”
จ้านอิ่งโผล่หัวเข้ามาทางหน้าต่าง
ขนตายาว ๆ หลุบลง ราวกับกำลังรอให้เจ้านายตื่นขึ้นมา
นอกหน้าต่าง มีแสงแดดสาดส่อง มีเสียงหัวเราะของพวกเด็ก ๆ ดังมาจากลานบ้าน และยังมีเสียงตะโกนอยากเล่นไพ่นกกระจอกของท่านป้าคลอมาให้ได้ยิน
พวกเหล่าเติ้งได้เข้าสู่ขั้นตอนสุดท้ายของการทาสีแล้ว อีกไม่นานพวกเขาจะสามารถย้ายเข้าไปอยู่ในห้องใหม่และใช้ห้องครัวใหม่ได้แล้ว และห้องนี้จะถูกดัดแปลงเป็นห้องเก็บของและห้องโถงแทน
ในลานบ้านมีการแขวนชิงช้าเอาไว้ เจ้าเสือเมี้ยวเมี้ยวตัวน้อยเดินโซซัดโซเซไปรอบ ๆ ประตู
จี้จือฮวนเริ่มรู้สึกอาลัยอาวรณ์ขึ้นมา หากว่าเด็กทั้งสามคนจากไปแล้ว บ้านนี้ก็คงจะว่างเปล่า
“ข้าต้องไปช่วยงานที่บ้านท่านป้าหยาง เผยยวน เจ้าก็พยายามเข้านะ” นางเก็บกล่องยาน้อยเรียบร้อยก็หมุนกายออกไป
จ้านอิ่งเองก็ก้มหน้าลงด้วยความผิดหวัง แต่ขณะที่มันกำลังจะไปพาไก่ เป็ด และห่านไปเดินเล่นเพื่อแบ่งเบาภาระของนายน้อยของมันนั้น…
คนบนเตียงก็ลืมตาขึ้น ในดวงตาที่คุ้นเคยคู่นั้น ไม่มีรอยยิ้มที่เคยเย้ยหยันโลกอีกแล้ว
สิ่งเดียวที่เหลืออยู่คือแสงสีแดงเลือด จ้านอิ่งดวงตาเบิกกว้างด้วยความตื่นเต้น แต่เมื่อมันมองไปอีกครั้ง ดวงตาสีเลือดคู่นั้นก็ปิดลงไปเสียแล้ว
ราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น มีเพียงเลือดฝาดบนกายของเขาที่มากขึ้นเรื่อย ๆ และไหลไปรวมกันอยู่ที่ใบหน้า จึงสามารถมองเห็นถึงความผิดปกติได้
จ้านอิ่งไม่สนใจ มันส่งเสียงร้องออกมาแล้วไปฉุดรั้งจี้จือฮวนที่เพิ่งออกมาจากประตูห้อง
จี้จือฮวนไม่รู้ว่ามันคลุ้มคลั่งอะไรขึ้นมาอีก จึงคว้าอาหารสัตว์ที่นางตั้งใจทำมาหนึ่งกำมือและยัดใส่ปากของจ้านอิ่ง “กินเถอะ เดือนนี้ต้องอ้วนขึ้นห้าชั่งนะ”
จ้านอิ่งอยากจะคายอาหารทิ้ง แต่เมื่อเห็นสายตาพิฆาตของนายหญิงแล้ว มันก็จำต้องกลืนลงไปเงียบ ๆ
จ้านอิ่งเสียใจ จ้านอิ่งแค่อยากบอกท่านว่าเจ้านายฟื้นแล้ว!
“เด็ก ๆ เตรียมไปช่วยงานบ้านท่านย่าหยางได้แล้ว”
“มาแล้วขอรับ!”
เผยจี้ฉือถลกแขนเสื้อขึ้น ขนเอามีดทำครัวและเขียงที่บ้านไปด้วย อาอินเข็นรถเข็นคันเล็กออกมา ถ้าหากหม้อและเตาไม่พอ ก็สามารถทำอาหารบนรถเข็นได้ ส่วนอาชิงก็หิ้วไข่มาหนึ่งตะกร้า
ส่วนท่านป้า นางยืนอยู่ตรงนั้นพลางขยับนิ้วไปมาแล้วเอ่ยขึ้น “ข้าจะรับผิดชอบดูแลแขกเอง”
มุมปากจี้จือฮวนกระตุก ท่านจะไปเอาเงินจากคนอื่นเสียมากกว่า ตอนนี้หมู่บ้านตระกูลเฉินไม่มีใครกล้าเล่นไพ่นกกระจอกกับท่านแล้ว
พวกเหล่าเติ้งต้องทำงาน รอถึงเวลากินข้าวแล้วค่อยตามไป
เตรียมพร้อมแล้ว เมื่อทั้งครอบครัวไปถึงบ้านของท่านป้าหยาง ผู้หญิงในหมู่บ้านต่างก็มาช่วยงานแล้ว
ยกเว้นครอบครัวของเฉินไคชุน
“พวกเราไปเรียกเขาแล้ว อย่างไรก็ต้องไว้หน้ากันบ้าง แต่พวกเขาไม่มาเอง เช่นนั้นจะมาโทษพวกเราทีหลังไม่ได้” ฟางจวิ่นเหมยหั่นผัก ปากก็บ่นให้จี้จือฮวนฟังไปด้วย
“อย่าให้พูดเลย เมื่อคืนข้าไม่ได้หลับได้นอนเลย ฟังเฉินไคชุนด่าครอบครัวพวกเจ้าทั้งคืน” มีคนเอ่ยแทรกขึ้นมาประโยคหนึ่ง
ฟางจวิ่นเหมยกลอกตามองบน “ให้เขาด่าไปเถอะ คิดว่าบ้านเรากลัวพวกเขาอย่างนั้นหรือ ทุกคนอยู่หมู่บ้านเดียวกัน คิดว่าตัวเองสูงส่งกว่าคนอื่นหรืออย่างไร?”
เสี่ยวเจียนยังไม่ได้ออกเรือน ไม่เหมาะที่จะร่วมสนทนาเรื่องเช่นนี้ จึงเข้าไปใกล้ ๆ จี้จือฮวนและถามขึ้นมา “พี่สาวฮวนฮวนเจ้าคะ วันนี้พวกเราจะทำอะไรกันบ้างหรือเจ้าคะ?”
ท่านป้าหยางรู้ถึงฝีมือการทำอาหารของจี้จือฮวนดี จึงให้นางเป็นคนคิดรายการอาหารในวันนี้
เผยจี้ฉือได้ยินดังนั้นก็เอ่ยออกมา “ข้าเขียนมาเรียบร้อยแล้วขอรับ”
อาชิงที่กำลังให้อาหารไก่ เมื่อได้ยินก็รีบวิ่งดุกดิกเข้ามาทันที “ข้ารู้ ๆ ให้ข้าพูดเองขอรับ!
ไก่น้ำลายสอสมปรารถนา ผัดผักทรัพย์เพิ่มพูน หมูสามชั้นน้ำแดงโชคดีมีชัย ปลากระรอกเงินทองล้นเหลือทุก ๆ ปี ขาหมูตงพอทรัพย์สมบัติไหลเข้าบ้าน ลูกชิ้นสี่เกษมครอบครัวพร้อมหน้า ปูขนเฟื่องฟูรุ่งเรือง ข้าวเหนียวคลุกโป๊ยเซียนพืชพันธุ์อุดมสมบูรณ์ ม้วนทองคำสุขสมหวัง ขึ้นฉ่ายผัดเนื้อขยันขันแข็ง!”
อาชิงร่ายออกมายาวเหยียด หลังพักดื่มน้ำก็ท่องต่ออีก “กุ้งหอมกลิ่นปลาใบหน้าร่าเริง ซานเย่าต้มกระดูกหมูสุขสมรื่นเริง ผัดเซี่ยงจี๊ร่ำรวยล้นฟ้า ขนมโก๋ดอกกุ้ยฮวายิ้มชื่นมื่นตลอดปี!”
พวกผู้หญิงในหมู่บ้านที่ช่วยงานกันอยู่นั้น เมื่อได้ฟังก็ตกตะลึงไปตาม ๆ กัน
คนบ้านนอกเมื่อมีการเลี้ยงแขก ล้วนทำของที่กินอิ่มท้อง อาทิ หมั่นโถวลูกใหญ่ ๆ ซาลาเปาลูกโต ๆ บะหมี่ขาหมูอะไรพวกนั้น แค่เนื้อสักจานก็ไม่เลวแล้ว บ้านท่านป้าหยางมีเนื้อมากขนาดไหนกันแน่ มีทั้งปลา มีทั้งเนื้อ ยังมีกุ้ง มีปูอีก นี่มันเครื่องเสวยของฮ่องเต้แล้วกระมัง
เหตุใดถึงมีเงินมากเพียงนี้กัน?
ยังมีชื่ออาหารเหล่านี้อีก คิดได้อย่างไรกัน ฟังแล้วเป็นคำมงคลยิ่งนัก แล้วเด็กคนนี้ถูกสอนมาอย่างไร ปากเล็ก ๆ นั่นถึงได้พูดคล่องขนาดนี้!
ทุกคนต่างสติหลุดไปครู่หนึ่ง!
ฟางจวิ่นเหมยเองก็พลอยได้หน้าไปด้วย นางเชิดคางขึ้นพลางเอ่ยขึ้นมา “น้องสาวข้าเก่งใช่หรือไม่ สอนลูกได้ฉลาดขนาดนี้ พวกเราไหนเลยจะสู้ได้”
ทุกคนต่างก็พยักหน้าเห็นด้วย อิจฉาเรื่องกินยังไม่พอ ต้องอิจฉาความสามารถของนาง ตอนนี้ยังต้องมาอิจฉาเรื่องลูกของนางอีก
“เหตุใดบ้านพวกเจ้าตอนนี้ถึงมีเงินมากขนาดนี้กัน?”
ฟางจวิ่นเหมยหุบยิ้มลง เงินเป็นสิ่งที่ดึงดูดความสนใจของผู้คน นางทำเป็นร้องไห้อย่างน่าสงสารและพูดขึ้นมาทันที “จะเอาเงินมาจากที่ใดกัน พวกเราเพิ่งจะแยกบ้าน นี่เป็นเงินส่วนตัวของพ่อแม่สามีข้าที่เก็บตลอดหลายปีมานี้ พวกเราอยู่หมู่บ้านเดียวกัน จะให้ทุกคนกินของไม่ดีได้อย่างไรจริงหรือไม่?”
ความจริงแล้วบ้านพวกเราก็ซื้อแค่เนื้อและผักมานิดหน่อยเท่านั้น ไก่ล้วนเป็นของบ้านตัวเอง ปลาและปูก็ไปจับกันเอง และใช้วิธีที่ฮวนฮวนสอนมา
หากไม่มีฮวนฮวน พวกเขาคงไม่สามารถจัดงานเลี้ยงที่มีหน้ามีตาเช่นนี้ได้เป็นแน่
ทุกคนต่างก็อิจฉาเป็นอย่างมาก ก่อนจะมีคนเอ่ยออกมาอย่างไม่ได้ตั้งใจ “ข้ารู้สึกว่าสะใภ้ตระกูลเผยเป็นดาวนำโชค ครอบครัวที่ตกต่ำเช่นนี้นางก็ยังสามารถฉุดขึ้นมาได้ บ้านท่านป้าหยางก่อนหน้านี้ไหนเลยจะได้กินของเช่นนี้ แต่ตอนนี้มีเนื้อให้กินทุกวัน กินเนื้อทุกมื้อ”
“ใช่แล้ว เพราะท่านป้าหยางใกล้ชิดกับนาง ต้องพลอยโชคดีไปด้วยแน่ ๆ”
“เสี่ยวเจียนก็เหมือนกันไม่ใช่หรือ ก่อนหน้านี้ตอนที่อวี๋ซิ่วเหลียนยังอยู่ ทั้งดำทั้งผอม ดูตอนนี้สิมีน้ำมีนวลขึ้นมาก”
คนชนบทเชื่อเรื่องโชคลาง ความคิดนี้ถูกฝังอยู่ในจิตใจของผู้คน ดังนั้นทุกคนจึงอยากไปอยู่ข้างกายของจี้จือฮวน
ยิ่งไปกว่านั้นจี้จือฮวนยังสามารถรักษาคนได้อีกด้วย อาฝูขนาดใกล้จะตายแล้วนางยังสามารถช่วยกลับมาได้ ไม่แน่อาจเป็นเทพธิดาก็ได้!
ฟางจวิ่นเหมยเห็นทุกคนเข้าหาจี้จือฮวน ก็พลอยดีใจกับจี้จือฮวนด้วยใจจริง นางจะให้คนทั้งใต้หล้าได้รู้ว่าน้องสาวของนางคนนี้ดีเพียงใด ใครก็ห้ามว่านางอัปลักษณ์ หรือว่านางเป็นตัวซวยอีก
หลังจากยุ่งมาทั้งวัน พอถึงช่วงงานเลี้ยงตอนเที่ยงคนจากครอบครัวของฟางจวิ่นเหมยก็มากัน สะใภ้รองเนื่องจากมีความสัมพันธ์ที่ไม่ดีนักกับฟางจวิ่นเหมยจึงมาถึงค่อนข้างช้า แต่ฟางจวิ่นเหมยก็ไม่โกรธเคืองแต่อย่างใด นางพาทุกคนเข้าไปในบ้านด้วยความดีใจ จึงทำให้น้องสะใภ้ของนางตกใจไม่น้อย ที่เห็นพี่สะใภ้เปลี่ยนไปเช่นนี้
คนในหมู่บ้านก็มากันครบแล้ว
เฉินหลันหลันเห็นดังนั้นก็โมโหจึงพุ่งตัวเข้าไปในห้องของเฉินไคชุน “ท่านพ่อ ท่านดูบ้านของพวกเขาสิเจ้าคะ แทบจะตีฆ้องร้องป่าวอยู่แล้ว เช่นนี้ครอบครัวของเรายังจะอาศัยอยู่ในหมู่บ้านแห่งนี้ได้อีกหรือเจ้าคะ!”