เจี้ยนกู่ เซียนกระบี่สยบหล้า - ตอนที่ 158 คำสาบานกับคำโกหก (2)
ตอนที่ 158 คำสาบานกับคำโกหก (2)
จักรพรรดิยืนบนเมฆ เขาไม่ทุกข์และไม่สุข เพียงแค่ฟังสิงโตที่กำลังจะตายเค้นเสียงมาจากในลำคอไม่หยุด
“เจ้านายของข้า ตอนมีชีวิตนางไม่เชื่อเรื่องชะตามากที่สุด นางต้องการอิสระ ต้องการชีวิตนิรันดร์ ดังนั้นข้าจึงติดตามนาง…ไม่คับแค้น และก็ไม่เสียใจ”
“เจ้าเป็นเพียงคนจอมปลอม ชั่วช้า น่ารังเกียจ…ต่อให้นั่งตำแหน่งจักรพรรดิก็เปลี่ยนสันดานไม่ได้ เจ้าไม่มีวันได้กุมชะตาในมือตัวเอง เจ้ารังแกเจ้านายข้า เจ้าหลอกวิญญาณที่เคยติดตามเจ้าพวกนั้น” บุรุษที่คุกเข่าบนทะเลหมอกเอ่ยทีละคำ จ้องดวงตาจักรพรรดิ “เจ้าอย่าลืม เจ้าเคยสัญญาอะไรไว้กับนาง ต่อมานางผนึกทั้งสุสาน ตามเจ้ากลับแผ่นดิน ข้ารอไม่ถึงวันนั้นที่นางปลดผนึก แต่กลายเป็นวันที่วิญญาณกระบี่โบราณทัณฑ์ล้ำเลิศหายไป”
“นางตายแล้ว”
สิงโตที่คุกเข่าบนทะเลหมอกกัดฟันพูด “เพื่อเปิดภพที่สองให้เจ้านาย เจ้ารู้หรือไม่ว่าข้าจ่ายไปเท่าไร ลำบากมานานเท่าไร ราชันปีศาจที่ติดตามข้าพวกนั้นถูกข้าหลอมรวมทั้งหมด สุดท้ายข้าใช้จิตในสุสานทั้งหมดถึงได้มีนั่งลืมภพสองของเจ้านาย นางมีพรสวรรค์สุดยอด พิสูจน์มรรคเป็นอมตะได้…เจ้าบอกข้าสิ นางตายได้อย่างไร เจ้าจะปกป้องนางทุกทางได้อย่างไร”
จักรพรรดิเงียบ
จากนั้นเขาเอ่ยเสียงเบาสบาย “นางถูกข้าสังหาร”
สิงโตที่คุกเข่าบนเมฆหมอกอึ้งงัน
ปราชญ์ปฐมเก้าวิญญาณเหม่อมองจักรพรรดิ
ใบหน้าจักรพรรดิยังคงไร้ความรู้สึก ดูเหมือนเฉยชาถึงที่สุด มหามรรคเดินจนสุดทางก็เป็นคำว่าไร้ความปรานี
“ข้าไม่ได้ผิดต่อคำสาบานของข้าเอง ข้าจำได้ว่าข้าเคยพูดอะไร ข้าจะไม่ให้ใครในโลกนี้ทำร้ายนาง” จักรพรรดิพูดเสียงเบา “ทุกคำพูดไม่มีอะไรผิด หากผิดต่อคำสาบาน จิตมรรคข้าจะแตก…ดังนั้นข้าจึงสังหารนางด้วยตนเอง”
เขาขมวดคิ้ว พูด “อย่ามองข้าด้วยสายตาเช่นนั้น…ข้าไม่เชื่อภพที่สองอะไรนั่น เจ้านายของเจ้าควรตายไปตั้งนานแล้ว ที่เกิดในภพที่สองคือแขกวารี เป็นผู้ปกครองโดยธรรมชาติของเผ่าปีศาจ ไม่มีใครรู้ดีไปกว่าข้าว่าศัตรูที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของใต้ฟ้าต้าสุยคืออะไร”
บุรุษที่คุกเข่าไม่มีแรงจะกำหมัดแล้ว
เขาพูดด้วยความมึนงง “เจ้า…เหตุใดถึงได้เย็นชาขนาดนี้…เจ้าไม่ควรเป็นแบบนี้”
จักรพรรดิไม่ตอบปราชญ์ปฐมเก้าวิญญาณ เขาชินกับสายตาแบบนี้มานานแล้ว เขาอยู่มานานมาก ผ่านอะไรมามาก คนมากมายคิดว่าจักรพรรดิในความคิดตนกับสิ่งที่เห็นจริงไม่ใช่คนเดียวกัน…ดังนั้นบางครั้งเขาก็คิดว่าตนเป็นคนแบบใดกันแน่
“ปราชญ์ปฐม ทุกอย่างจบแล้ว”
จักรพรรดิเอ่ยเสียงเบา
“ข้าเคยรับปากนางว่าจะให้นางมีชีวิตห้าร้อยปี หากเจ้าไม่ยอมตื่นขึ้น หลับใหลอยู่ที่นี่ตลอด รอจนข้าตายไป…บางทีอาจจะรอดจากชะตาชีวิตนี้” เขาเอ่ยราบเรียบ “หลังจากเจ้าตายไป เลือดกระดูกและเนื้อ ข้าจะเก็บไว้ แผ่นดินนี้จะมีลูกหลานของเจ้า…มีชีวิตต่อไปแทนเจ้าชั่วนิรันดร์”
ทุกปีนับจากนี้ วันล่าเหยื่อของต้าสุยจะได้เก็บเกี่ยวมากขึ้น
สิงโตที่คุกเข่าบนทะเลหมอกมองจักรพรรดิยื่นนิ้วมาข้างหนึ่ง กดหน้าผากตน
ทุกอย่างจะปิดฉากลง
เขาพึมพำถาม “คำสาบานพวกนั้นที่เจ้าเคยพูดกับเจ้านาย เป็นคำโกหกรึ”
นิ้วนั้นไม่ได้กดลง
จักรพรรดิเอ่ยอีกครั้ง
“ทุกคำพูดเป็นความจริง”
ตั้งแต่พบ ได้รู้จักและรักกัน…จนการจากลาสุดท้าย เขาให้คำสาบานไว้มากมาย ทุกคำพูดแนบกับจิตมรรค หากเขาโกหก เช่นนั้นก็จะไม่อาจทะลวงพลังได้อีก
ดังนั้นทุกคำพูดของเขาจึงเป็นความจริง
เขารับความเจ็บปวด รับการทรมาน แต่เขาไม่มีทางเลือก
นี่คือในหกร้อยปีอันยาวนานในชีวิตจักรพรรดิ ไม่เคยมีคนนอกรู้ จักรพรรดิผู้เลือดเย็นไร้ความปรานี ประวัติศาสตร์ในสมัยหนุ่มถูกผนึกไว้ในมุมของกาลเวลา ไม่มีใครเขียนหนังสือ และไม่มีใครรู้ เมื่อสิงโตนี่ตายไป ก็จะไม่มีคนที่สี่ที่รู้เรื่องนี้อีก
ตอนจักรพรรดิยังหนุ่มเคยรักคนหนึ่ง
แขกวารีเคยให้น้ำตาใจจริงกับเขาหยดหนึ่ง
เมื่อนิ้วนี้กดลงก็ดึงกลับคืน
ตรงหน้าผากของปราชญ์ปฐมเก้าวิญญาณมีรูเลือดเพิ่มมา เขาล้มลงบนทะเลหมอก ศีรษะเอียงข้าง สติยังไม่หายไป คำถามที่งุนงงยังไม่ได้คำตอบ…มุกน้ำตาอยู่ที่ใด ศพของเจ้านายอยู่ที่ใด กระบี่ทัณฑ์ล้ำเลิศที่มีเพียงเจ้านายที่ปลุกได้ไปอยู่ที่ใด…
เขาเบิกตา สับสนเล็กน้อย มองภูเขาแดงไกลๆ
บางคำตอบก็ถูกลิขิตไว้ว่าจะไม่ได้คำตอบ
สติหายไป
ฟ้าดินเงียบสงัด
จักรพรรดิยืนอยู่บนเมฆ เขามองดวงตาที่อ่อนแสงลงของปราชญ์ปฐมเก้าวิญญาณ การสังหารปราชญ์ปีศาจตนนี้ไม่ได้ใช้กำลังเขามากเท่าไร แต่การตอบคำถามพวกนี้กลับทำให้เขารู้สึกเหนื่อยล้ามาก
เขาชำเลืองตามองภูเขาแดง เห็นทายาทของตน และยังมียอดฝีมือนิพพานสองคนยืนบนยอดเขา
ทุกอย่างปิดฉากลงแล้ว…
นี่เป็นเรื่องดี ผูกเหตุและผลแล้ว ฝุ่นธุลีตกลงสงบนิ่ง
จักรพรรดิสังเกตเห็นว่าบนภูเขาแดงยังมีคนหนุ่มสาวอีกสามคน บ้างยืนอยู่ บ้างนอนอยู่
เขาคลึงระหว่างคิ้ว
……
ซ่งอีเหรินที่ยืนบนยอดเขาพูดปลงเสียงเบา “เร็วมาก…”
เขารู้สึกเสียดายนิดๆ ถึงช่วงสุดท้ายก็ยังไม่ได้เห็นใบหน้าแท้จริงของจักรพรรดิท่านนั้น นี่เป็นเรื่องที่ทำให้เขารู้สึกเสียดายมาก
ซ่งเชวี่ยเหมือนรู้สึกถึงคลื่นอารมณ์ของบุตรชายตน เขาจึงสะกิดไป “ขอแค่เจ้ายินดีตามพ่อกลับไปฝึกที่เขาเจดีย์พุทธ ทุกอย่างก็จะเป็นไปได้”
ซ่งอีเหรินหน้าเหี่ยวลงทันที ก่อนจะโบกมือ “ช่างเถอะ ข้าไม่อยากเห็นแล้ว…เห็นท่านนั้นไปก็ไม่มีประโยชน์ สู้ข้าหลับสบายในแดนอุดรดีกว่า”
เจ้าปราชญ์บ่อหยกพ่นลมหายใจขุ่นเช่นกัน
ศึกภูเขาแดงปิดฉากลง เส้นประสาทที่ตึงเปรี๊ยะก็คลายลงเช่นกัน นึกไปถึงมนตร์ที่ท่องได้ยากของสำนักตนก่อนจะพูดเบาๆ “เจ้าไปทีก็ห้าปี อยู่แดนอุดรมาห้าปีแล้ว ยังมีอีกห้าปีให้เจ้าใช้ได้ตามใจ”
ซ่งอีเหรินพูดหน้านิ่วคิ้วขมวด “อย่าว่าแต่ห้าปีเลย ห้าสิบปีก็ไม่เท่าไรสำหรับทั้งสองท่าน”
“คุณชายใหญ่ของหอสามวิสุทธิ์แนะนำแม่นางดีๆ มาให้คนหนึ่ง…” เจ้าบ่อสวรรค์ชำเลืองตามองบุตรชายของตนก่อนพูดอย่างจริงจัง “รออยู่ที่เมืองหลวงแล้ว ครั้งนี้เจ้าต้องกลับไป”
ซ่งอีเหรินร้องทุกข์ในใจ ก่อนจะยิ้มแห้งๆ “ท่านพ่อ ท่านแม่ ตอนนั้นข้าพาเด็กจูซาออกจากบ้าน พวกท่านไม่รู้หรือว่าเพราะอะไร”
เจ้าปราชญ์บ่อหยกกับซ่งเชวี่ยเงียบลง
ทันใดนั้นเองมีเสียงที่เบามากดังมาจากนอกเมฆ
“วิทยาราช ได้เวลากลับเมืองหลวงแล้ว”
ซ่งเชวี่ยที่ฝ่าบาทเรียกว่าวิทยาราช โค้งตัวแสดงความเคารพ
ซ่งอีเหรินมีแววตาซาบซึ้งใจ แสดงความเคารพไปบนเมฆ เสียงนี้มาช่วยไว้ชัดเจน
เขาคิดในใจ สมกับเป็นจักรพรรดิต้าสุย ข้างบนจัดการภัยร้ายเผ่าปีศาจ ข้างล่างจัดการปัญหาครอบครัว รู้ใจที่สุด…
ทางนั้นของเมฆหมอก มีคนหัวเราะเบาๆ ไม่คิดเช่นนั้น