เจี้ยนกู่ เซียนกระบี่สยบหล้า - ตอนที่ 18 กินไข่มุก
ตอนที่ 18 กินไข่มุก
แขกเขาศักดิ์สิทธิ์พวกนี้ แค้นที่ตนต้องมาโดนลูกหลงด้วย ไข่มุกตะวันคร้านพันปี ราคาต้องจ่ายนี้จะบอกว่ามากก็ไม่ จะบอกว่าน้อยก็ไม่ซะทีเดียว ตอนนี้หนิงอี้คว้าโอกาส การจะรอดไปได้ก็มีแต่ทำเช่นนี้แล้ว
ราชันดาราอี๋อู๋ปัดฝุ่นตามตัว บาดแผลไม่หนัก ยอดผู้บำเพ็ญขอบเขตราชันดารา ภายในกายสามารถรับความเป็นเทพฟ้าดินและแสงดาราตะวันจันทราได้ บาดเจ็บเล็กน้อยก็จะฟื้นฟูรวดเร็วยิ่ง
เขาลุกขึ้นยืนมาอยู่กลางกลุ่มสำนักศึกษา ตบๆ ผู้อาวุโสสำนักศึกษาขอบเขตดาราชะตาคนหนึ่ง พูดอยู่สองประโยค
ดังนั้นผู้อาวุโสสำนักศึกษานี้มีสีหน้าปั้นยาก นำไข่มุกตะวันคร้านพันปีออกมาจากอกเสื้อเม็ดหนึ่ง ก่อนมาอยู่หน้าหนิงอี้
หนิงอี้หรี่ตาลง เขามองผู้อาวุโสสำนักศึกษา ไม่รีบร้อนพูด และไม่ยื่นมือไปรับไข่มุกตะวันคร้านนั้น
ผู้อาวุโสสำนักศึกษาอึ้งงัน ไม่เข้าใจความหมายของหนิงอี้
เขามองเจ้าตำหนักนภาม่วงโจวโหยวกับเจ้าภูเขาสู่ซานน้อยพันกรที่อยู่ไม่ไกล ลังเลอยู่ชั่วครู่ก่อนจะพูดเสียงต่ำ “คุณชายหนิง ที่เจ้าบอกไว้ก่อนหน้านี้คือหนึ่งภูเขาศักดิ์สิทธิ์มอบไข่มุกตะวันคร้านพันปีเม็ดเดียวเท่านั้น”
หนิงอี้ยิ้ม
เขาพูดอย่างสัตย์จริง “ใช่ ข้าเคยพูดไว้เช่นนั้น แต่จวนขานฟ้าพวกเจ้าเป็นภูเขาศักดิ์สิทธิ์รึ”
ผู้อาวุโสสำนักศึกษาตะลึงค้าง
ราชันดาราอี๋อู๋หน้ามืดลงอีก
หนิงอี้ยิ้ม “ก่อนหน้านี้ข้าพูดไว้ชัดเจนมากแล้ว พวกเจ้าต้องมอบไข่มุกตะวันคร้านพันปีสิบเม็ด และยังมีไข่มุกครรภ์ราชันปีศาจสามพันปีอีกเม็ด หากให้ไม่ได้ก็อยู่ที่เขาสู่ซาน”
“หนิงอี้ ปล่อยวางได้ก็ปล่อยเถอะ”
ราชันดาราอี๋อู๋สูดลมหายใจเข้าลึก น้ำเสียงขณะที่เขาพูดอยู่นั้นมีความเกรงใจอย่างยิ่งแล้ว ถ้าไม่ใช่เพราะมีพันกรกับโจวโหยวอยู่ที่นี่ ด้วยนิสัยใช้อำนาจบาตรใหญ่เป็นปกติของเขา ไหนเลยจะไปยอมให้หนิงอี้อวดดีได้เช่นนี้
ราชันดาราอี๋อู๋มองหนิงอี้ กดความโกรธในดวงตาลง กัดฟันพูด “จวนขานฟ้าจบบุญคุณความแค้นกับสวีจั้งในวันนี้แล้ว เจ้าข้าต่างคนต่างถอย ภายภาคหน้าไปถึงเมืองหลวง จวนขานฟ้าจะต้อนรับเจ้าเป็นแขก นับจากนี้สำนักศึกษากับเขาสู่ซานเป็นมิตรกัน ไฉนต้องโกรธแค้นกันอีก” 艾琳小說
คำพูดนี้พูดได้อย่างสวยงาม
หนิงอี้อดตำหนิในใจไม่ได้ ตอนสวีจั้งลงโลง เขาศักดิ์สิทธิ์พวกนี้ สำนักศึกษาพวกนี้ ยิ้มมีความสุข ขนาดมีเขาน้ำค้างเล็กบังยังได้ยินเสียงหัวเราะ ตอนนี้ฮวงจุ้ยพลิกกลับ ถึงตอนที่ต้องจ่ายแล้ว ต่างคนต่างเศร้าโศก เปลี่ยนใบหน้า กลับพูดกับตนเรื่องบุญคุณความแค้นสิ้นสุด
ออกจากเขาสู่ซาน บางทีเขาศักดิ์สิทธิ์พวกนี้อาจจะยังลงมือกับตนอีก
ตอนสวีจั้งอยู่เมืองสันติ ข้อแรกที่สอนตนฆ่าคนคือต้องจัดการให้สะอาดเรียบร้อย
คำว่าสะอาด ไม่ได้หมายถึงยามสังหารคนต้องทำให้สะอาด แต่คือการจัดการเรื่องให้เรียบร้อย ไม่เหลือความเป็นไปได้ที่จะจุดถ่านไฟเก่าขึ้นมาอีก
วันนี้ตนล่วงเกินภูเขาศักดิ์สิทธิ์พวกนี้แล้ว หากใจอ่อนตอนนี้ ปล่อยพวกเขาไปเช่นนี้ ถึงตอนนั้นที่พวกเขามาแก้แค้นตน ก็คงจะไม่ใจอ่อนเหมือนตนในตอนนี้ ศักดิ์ศรีเล็กน้อย เกรงว่าจุดจบของตนคงอนาถกว่าวันนี้หลายเท่า
หนิงอี้รู้ดีกว่าใคร หลังเขาศักดิ์สิทธิ์พวกนี้โยนคุณธรรมจอมปลอมไปแล้ว ภายในท้องซ่อนความชั่วอะไรไว้ บอกจิตใจคับแคบไม่ปล่อยผ่าน ยุทธภพใต้ฟ้าต้าสุยก็เป็นเช่นนี้ สวีจั้งถูกเขาศักดิ์สิทธิ์เคียดแค้นมาสิบปี เจอกับการลอบสังหารทุกอย่างมาตลอด
ไม่มีถูกผิด มีเพียงผลประโยชน์
หนิงอี้มองราชันดาราอี๋อู๋ที่มีพลังบำเพ็ญสูงกว่าตนไม่รู้เท่าไร ก่อนพูดเสียงเบา “ท่านราชันดารา เจ้าอยากให้เรื่องใหญ่กลายเป็นเรื่องเล็ก แล้วจบเรื่องเล็กลง…หมายความเช่นนี้ใช่หรือไม่”
ราชันดาราอี๋อู๋ไม่ชอบท่าทีตอนนี้ของหนิงอี้เลย แต่ก็ยังพยักหน้า
หนิงอี้ตอบตกลงเบาๆ พูดกับยอดผู้บำเพ็ญอย่างจริงจัง “ในเมื่อเป็นเช่นนั้นก็เชิญอยู่ที่เขาสู่ซาน รอหอสามวิสุทธิ์มาจบความแค้นแล้วกัน”
ราชันดาราอี๋อู๋อึ้งงัน เขาตั้งสติกลับมาได้ในทันที กดเสียงต่ำลง “หนิงอี้! เจ้าจะเอาอย่างนี้รึ!”
หนิงอี้ยิ้มหยีตาพูดกับเจ้าตระกูลตำหนักฟ้าสองคน “ทั้งสองท่าน…เมื่อครู่แค่เรื่องเข้าใจผิด ถ้าอยากไปจากที่นี่ก็มอบไข่มุกตะวันคร้านพันปีเม็ดเดียวเหมือนเขาศักดิ์สิทธิ์อื่น สำหรับทั้งสองท่าน น่าจะไม่ใช่ปัญหากระมัง”
เจ้าตระกูลเฟิงกับเจ้าตระกูลเจี้ยนมองหน้ากัน สองคนเลือกกลืนฟันที่โดนตบร่วงลงท้อง สู้เขาไม่ได้ ประมือกับพันกรแห่งเขาสู่ซานกับโจวโหยวแล้ว เสียหน้าไปเล็กน้อย แต่ก็ยังดีกว่าถูกหนิงอี้กักขังกระมัง
ดังนั้นกองทัพจากตำหนักฟ้าจึงมอบไข่มุกตะวันคร้านพันปีให้สองเม็ด เลือกไกล่เกลี่ย
ถึงตอนนี้ คนที่มาร่วมพิธีศพของสวีจั้งในเขาสู่ซาน คนสวรรค์สู้กัน ทุกคนต่างยอมรับความซวย ปกติจะพากันไปจากที่นี่แล้ว
นอกจากศิษย์สำนักศึกษาบางส่วนที่ยังยืนสับสนอยู่ที่เดิม ทำอะไรไม่ถูก
ผู้อาวุโสสำนักศึกษาขอบเขตราชันดาราคนหนึ่งถามด้วยความร้อนใจ “ท่านอี๋อู๋…หรือพวกเราจะรออยู่ที่นี่กัน”
“หอสามวิสุทธิ์มาไม่ถามถูกผิด หากเขาศักดิ์สิทธิ์อื่นไปกันหมดแล้ว มีเพียงสำนักศึกษาถูกขังอยู่ที่นี่ เช่นนั้นเราก็ต้องเป็นแพะลอบสังหารเจ้าลัทธิแล้ว” ตรงแก้มเขามีเม็ดเหงื่อหยดลงมา พูดงึมงำ “หากให้เจ้าจวนมาพากลับ เกรงว่าคงกลายเป็นเรื่องใหญ่ร้ายแรง”
“หุบปาก!” ปราณม่วงสองสายแผ่มาจากในแขนเสื้อราชันดาราอี๋อู๋ เขาเดินมาข้างหนิงอี้ พันกรกับโจวโหยวที่อยู่ไม่ไกลมีสีหน้าเฉยชา เพ่งสมาธิอยู่กับราชันดาราคนนี้
“หนิงอี้…ถือว่าเจ้าชนะ”
เขานำกล่องใบหนึ่งออกมา ก่อนจะยิ้มเยาะ “ไข่มุกตะวันคร้านพันปีกับไข่มุกครรภ์ราชันปีศาจ…พวกนี้เป็นของที่ต้องใช้ทะลวงพลัง เจ้ากินทีเดียวเยอะขนาดนี้ ไม่กลัวระเบิดตายรึ”
ราชันดาราอี๋อู๋หรี่ตาลง เขาพิจารณามองหนิงอี้ ก็ยังอ่านตื้นลึกหนาบางไม่ออก ไม่รู้ว่าเด็กหนุ่มตรงหน้าบรรลุขอบเขตพลังใดกันแน่
ไข่มุกตะวันคร้านพันปี ปกติจะใช้ในขอบเขตหลัง ส่วนไข่มุกครรภ์ราชันปีศาจ เพราะมีฤทธิ์แข็งเกินไป มีเพียงตอนทะลวงขอบเขตที่เก้าไปขอบเขตที่สิบเท่านั้น ในสำนักถึงให้ศิษย์กิน
อัจฉริยะน้อยยิ่ง เพราะความพิเศษของคุณสมบัติกาย ทำให้ต้องใช้โอสถและไข่มุกตะวันจำนวนมาก ดังนั้นจึงเกิดปาฏิหาริย์ที่ขอบเขตหลังกินไข่มุกครรภ์ราชันปีศาจ
ตอนนี้บุตรศักดิ์สิทธิ์ของทุกเขาศักดิ์สิทธิ์เก็บตัวไม่ออกมา เตรียมงานราชวงศ์ใหญ่…พลังบำเพ็ญส่วนใหญ่อยู่ขอบเขตที่แปด มีอัจฉริยะส่วนน้อยมากที่สำนักอนุญาตให้ทะลวงขอบเขตที่แปดมาขอบเขตที่เก้า
ส่วนกำลังรบระดับสูงในรายนามดาราอย่างเยี่ยหงฝู เพื่อตามลั่วฉางเซิงให้ทันจึงยกระดับพลังบำเพ็ญตลอด สังหารเป็นตายในทะเลพลิกผัน ขัดเกลาพลังบำเพ็ญ ถึงได้เพิ่งทะลวงขอบเขตที่เก้าไปขอบเขตที่สิบ
ขอแค่สำนักยินดีมอบทรัพยากรให้ อัจฉริยะพวกนี้จะทะลวงพลังได้ แต่ขอบเขตพลังไม่ใช่สิ่งที่อัจฉริยะต้องตรึกตรอง…สิ่งที่พวกเขาต้องตรึกตรองคือจะไร้พ่ายในขอบเขตพลังเดียวกันได้อย่างไร
เขาศักดิ์สิทธิ์ทุกเขาซ่อนอัจฉริยะไว้ มีเหตุผลมากมาย
ลั่วฉางเซิงน่าตื่นตกใจมากพอแล้ว หากบุตรศักดิ์สิทธิ์ของเขาศักดิ์สิทธิ์เป็นอย่างเยี่ยหงฝูและเสี่ยวจู๋หลง ไล่ตาม ‘เซียนจุติ’ อัจฉริยะที่ปรากฏมาในทุกพันปีแห่งเขาเชียงพำนักเทพ ส่วนใหญ่ก็คงใจมรรคแตก ศักยภาพตามขอบเขตพลังไม่ทัน ถ้าจะทำอย่างนั้น สู้ปิดด่านบำเพ็ญในสำนักไม่ข้องเกี่ยวทางโลกดีกว่า ปรับพื้นฐานให้มั่นคง
ต้องเร่งถึงจะสำเร็จโดยเร็ว
บนเส้นทางการบำเพ็ญไม่มีคำว่าเร็วช้า เส้นทางสั้นยาว เพียงเดินถึงก้าวนั้นถึงจะมีคุณสมบัติจะแบกรับชื่อเสียงจอมปลอมของทางโลก อัจฉริยะทุกรุ่นในโลก คนที่มีชีวิตถึงหกร้อยปีอย่างจักรพรรดิไท่จงจะมีสักกี่คนกัน
อีกทั้งลั่วฉางเซิงยังเดินไปได้ราบรื่นขนาดนี้แล้ว
ผู้อาวุโสสำนักพวกนี้พูดเช่นนี้กับศิษย์ในสำนัก แต่สิบปีมานี้ สำนักใดบ้างได้ลำพองใจอย่างเขาเชียงพำนักเทพ ในสำนักปรากฏลั่วฉางเซิง ถูกจักรพรรดิไท่จงชมเชยว่าเป็นเซียนจุติตกจากสวรรค์ แค่บุคลิกของเขาก็กดดันได้ทั้งใต้ฟ้าต้าสุย อัจฉริยะส่วนใหญ่ต้องเลี่ยงประกายคมของเขา เก็บตัวไม่ออกมา รองานราชวงศ์ใหญ่ค่อยตัดสินสูงต่ำ
ราชันดาราอี๋อู๋จ้องหนิงอี้ เห็นอีกฝ่ายรับกล่องไปแล้วก็หน้าไม่เปลี่ยนสี เปิดกล่องต่อหน้าตนเช่นนี้ หยิบไข่มุกครรภ์ราชันปีศาจนั้นที่หนักอึ้งยิ่งขึ้นมาเหมือน ‘ทดลองสินค้า’
นี่หมายความว่าอย่างไร หรือคิดว่าราชันดาราผู้ยิ่งใหญ่อย่างตนจะให้ของปลอมรึ
ราชันดาราอี๋อู๋มีสีหน้าปั้นยาก
หนิงอี้เล่นไข่มุกครรภ์ราชันปีศาจสามพันปีนั้น เขาไม่แปลกตากับไข่มุกนี้ ตอนนั้นเจ้าตำหนักทะเลสาบกระบี่หลิ่วสือก็ให้เขามาเม็ดหนึ่ง นี่เป็นของที่ล้ำค่ายิ่งในทะเลพลิกผันแดนอุดร ซ่อนพลังไว้มหาศาล ตนทะลวงขอบเขตที่สามถึงขอบเขตกลาง ก็เพราะอาศัยไข่มุกครรภ์ราชันปีศาจนี้
หนิงอี้มองราชันดาราอี๋อู๋ ยิ้มเจิดจรัส ต่อมาเขาก็อ้าปากและใส่ไข่มุกครรภ์ราชันปีศาจนี้เข้าไปท่ามกลางสายตาแปลกใจของอีกฝ่าย
ราชันดาราอี๋อู๋เบิกตาโต
ไข่มุกครรภ์ราชันปีศาจเม็ดหนึ่ง คนส่วนใหญ่จะใช้ตอนทะลวงขอบเขตที่เก้า และต้องให้ผู้บำเพ็ญในสำนักตรวจสอบอย่างจริงจัง เพื่อไม่ให้เกิดความผิดพลาด แต่เขากลับกินไปเช่นนี้หรือ
หนิงอี้เคี้ยวอยู่สองทีก็กลืนไข่มุกครรภ์นี้ลงท้อง ในท้องน้อยของเขาเกิดเสียงหนักดังตึง เหมือนยันต์ระเบิดทำงานในท้องเขา
ไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ เลย
หลังจากเสียงดัง เด็กหนุ่มยังยืนสบายอยู่ที่เดิม ยิ้มหยีตามองราชันดาราอี๋อู๋ที่กำลังเหม่อลอย แสยะปากยิ้ม “รสชาติไม่เลว ไม่อร่อยเท่าเม็ดก่อน แต่คุณภาพดี…สำนักศึกษาไปได้”
หลิ่วสือแห่งตำหนักทะเลสาบกระบี่ได้ยินคำว่า ‘เม็ดก่อน’ แล้วก็มีสีหน้าซับซ้อนเล็กน้อย
ราชันดาราอี๋อู๋เหม่อมองหนิงอี้ เขาหันไปมองพันกรกับโจวโหยว ทั้งสองคนมีสีหน้าปกติ เหมือนไม่รู้สึกแปลกใจใดๆ เลย
เด็กสาวหน้าเรียบเฉย
เจ้าลัทธิเฉินอี้ข้างๆ รวมถึงนักพรตเต๋าชุดคลุมหยาบทุกคนเบิกตาโตอ้าปากกว้าง มองหนิงอี้ด้วยสายตาแปลกประหลาด เหมือนมองสัตว์ประหลาด
นี่คือไข่มุกปีศาจสามพันปี แก่นสารปราณหยางของราชันปีศาจ กลับถูกกินไปเช่นนี้รึ
อาจารย์อาน้อยเขาสู่ซานคนนี้มีพลังบำเพ็ญใดกันแน่ ขอบเขตที่เก้าหรือขอบเขตที่สิบ
มิน่าถึงอยู่อันดับหนึ่งรายนามดาราได้…ในรายนามดารามีแต่สัตว์ประหลาด เล่าลือว่าตอนนั้นลั่วฉางเซิงก็กินไข่มุกครรภ์ราชันปีศาจ คนที่กินไข่มุกครรภ์ราชันปีศาจสดๆ ได้เหมือนลั่วฉางเซิง จะต้องเป็นปีศาจในปีศาจแน่นอน!
………………………