เจี้ยนกู่ เซียนกระบี่สยบหล้า - ตอนที่ 193 กระบี่ที่เรียบง่ายที่สุดของหลิ่วสืออี
ตอนที่ 193 กระบี่ที่เรียบง่ายที่สุดของหลิ่วสืออี
“จิตกระบี่ประจำตัว…”
หลิ่วสืออีที่กำลังขึ้นเขากลางฝนตกหนัก ถือกระบี่ยาวขาวหิมะนั้น เดินเชื่องช้าแต่แน่วแน่
กระบี่ยาวนั้นมีนามว่า ‘นางแอ่นคืนรัง’ ไม่นับว่าเป็นอาวุธเทพระดับสูงอะไร ตอนเยาว์วัยหลิ่วสืออีฝึกฝนที่ตำหนักทะเลสาบกระบี่ ยังไม่เคยได้อาวุธดีจากสำนัก ตอนที่เขาสังหารผู้บำเพ็ญขอบเขตที่แปดก็หามาจากร้านอาวุธ จ่ายตำลึงเงินทั้งหมดที่ตนมีในตอนนั้นเพื่อซื้อกระบี่เหล็กเล่มนี้มา
ตำหนักทะเลสาบกระบี่มีศาสตร์ ‘หลอมกระบี่’ ใช้แสงดาราหลอมขึ้น เอาค้อนทุบซ้ำไปมา เจ้าของกับกระบี่ฝึกฝนร่วมกัน ดังนั้นอาวุธเทพกระบี่มีนามของตำหนักทะเลสาบกระบี่ทุกรุ่นจึงใช้ศาสตร์ ‘หลอมกระบี่’ หลอมขึ้นมา
ด้วยนิสัยของหลิ่วสืออี จะไปถูกใจกระบี่เหล่านั้นได้อย่างไร
เขาไม่ได้ใช้ความคิดไปกับกระบี่ ‘นางแอ่นคืนรัง’ มากนัก เพียงแค่ใช้แสงดาราพัดผ่านตัวกระบี่ไปเรื่อยๆ หลอมตัวกระบี่ให้เป็นสีขาวหิมะ
หลิ่วสืออีพูดอยู่สี่คำซ้ำแล้วซ้ำเล่า
จิตกระบี่ประจำตัว
เขาไม่ดูศิลาในหุบเขานิรันดร์
ไม่ใช่ว่าหยิ่งผยอง ดูถูกจิตวิญญาณและท่วงทำนองของยอดผู้บำเพ็ญพวกนั้น แต่วิถีกระบี่ที่เขาแสวงหา ความจริงชัดเจนแจ่มแจ้งมาตลอด
มีเพียงสองคำ
‘เรียบง่าย’
วิชากระบี่มีรูปแบบหลากหลาย ปรมาจารย์ที่ศึกษาวิชากระบี่ ใช้เวลาทั้งชีวิตเพื่อวิเคราะห์รูปแบบและศึกษา จากนั้นแกะวิชาออก ดังนั้นถึงได้มีคัมภีร์กระบี่มากมายเหมือนคลื่นลูกใหญ่
ทุกวิชากระบี่ล้วนมีวิธีการแกะ มีวิธีการเอาชนะ
ท่ามกลางคลื่นพลังปราณกระบี่ มักจะมีชนรุ่นหลังเหยียบบ่าคนรุ่นก่อน ดันวิชากระบี่ขึ้นไปสูงกว่าเดิม
แต่มีอย่างหนึ่งที่ข้ามผ่านไม่ได้
นั่นคือความเรียบง่ายถึงที่สุด
กระบี่ของหลิ่วสืออี สิ่งที่แสวงหาคือความเรียบง่ายถึงที่สุด
หากมองตนเป็นคนโง่ เมื่อคว้ากระบี่แล้วจะสังหารคน ควรทำอย่างไร
วิถีกระบี่ที่ทำให้คนโง่สังหารศัตรูได้ง่ายดาย…นั่นต่างหากคือวิถีกระบี่ที่เรียบง่ายที่สุด!
……..
บนเส้นทางภูเขายาวไกล หลิ่วสืออีปล่อยวางความคิดว่างเปล่าทีละนิด
เขาให้ตัวเขาไม่นึกถึงสิ่งที่ซับซ้อนอะไรขนาดนั้นอีก ทุกรูปแบบที่ฝึกในตำหนักทะเลสาบกระบี่ ทุกการฟัน การฝึกฝนที่อยู่กับเขามาสิบกว่าปี ได้แกะสลักลงในกระดูกแล้ว
ก่อนเขามาหุบเขานิรันดร์ก็ไม่เคยแน่ใจเลย
หลังเจอหนิงอี้ หัวใจดวงนี้ก็แน่วแน่ขึ้นมา
หลิ่วสืออีเงยหน้ามองฝนตกหนัก เม็ดฝนแบ่งกันชัดเจน เขาพลันยกแขนขึ้น
แสงกระบี่สายหนึ่งพุ่งขึ้นจากพื้น พลันฟันผ่านไป
ฝนตกหนักถูกแสงกระบี่ฟันเป็นแนวยาว ฉีกขาดชั่วอึดใจ สายฟ้าผ่าลงมา ส่องสะท้อนครึ่งใบหน้าขาวซีดของหลิ่วสืออี
เขาจ้องมือนั้นที่ชูกระบี่ขึ้นสูงของตน ใบหน้าซีดขาวแต่ก็โกรธแค้น
สายฝนถูกปราณกระบี่ฟันขาด
กระบี่นั้นที่เขาฟันออกไปคือ ‘รูปแบบชูกระบี่’ ที่อาจารย์หลิ่วสือเป็นคนสอนเขา
เส้นทางภูเขานี้ไม่มีศิลาหิน และไม่มีท่วงทำนองของยอดผู้บำเพ็ญ นี่เป็นเส้นทางที่สะอาดยิ่ง ตอนนี้เจอฝนตกหนัก ยังไม่มีแม้แต่ฝุ่นธุลี ล้วนถูกชะล้างไปจนหมดแล้ว
ปลายผมของหลิ่วสืออีแข็งตัว น้ำฝนไหลผ่านแก้ม มือที่กำกระบี่เกิดเส้นเลือดเขียวขึ้น
ฟันกระบี่ออกไปอีกครั้ง…
สายฝนเกิดการแตกกระจายลักษณะครึ่งวงกลม
‘จันทร์พลิกกลับ’ ของตำหนักทะเลสาบกระบี่
หลิ่วสืออีกัดฟันจ้องนิ้วมือของตน เปล่งเสียง ‘เหอะๆ’ จากในลำคอ ชุดคลุมขาวเปียกฝน ทั้งหนักและหนืด เขาก้าวไปเร็วๆ ฟันออกไปทีละกระบี่ เด็กหนุ่มชุดคลุมขาวคนนี้ดูเหมือนสุนัขบ้าสะบักสะบอม เขาฟันกระบี่เร็วขึ้นเรื่อยๆ ไม่มีแก่นสำคัญยิ่งขึ้นเรื่อยๆ
เขาเดินไปบนเส้นทางหุบเขานิรันดร์ ซวนเซจะล้ม เพราะออกแรงมากเกินไป เขาจึงโดนกระบี่กระชากล้มลง ล้มอยู่หลายครั้งก่อนโซเซลุกขึ้นใหม่ ร่างกายถูกปราณกระบี่แหลมคมฟันเป็นรอยเลือดสีแดงหลายรอย!
หลิ่วสืออีเหมือนรู้สึกถึงความเจ็บปวดนี้ เขามีสีหน้าสับสนก่อน
เขาเหมือนกำลังยืนยันว่าตนบาดเจ็บ…เพราะโดนปราณกระบี่ของตัวเองฟัน
หลิ่วสืออีฉีกมุมปากเล็กน้อย
จากนั้นเขายิ้ม ยิ้มด้วยแววตาเย็นยะเยือก ยิ้มในชั่วพริบตา เขากวัดแกว่งกระบี่นางแอ่นคืนรังนั้นอย่างบ้าคลั่งกลางสายฝน ปราณกระบี่กระจายเต็มฟ้า ฟันผ่าสายฝน บางครั้งก็พลาดโดนตัวเอง
ปราณกระบี่ของเขาเกิดการพลาดโดนตัวเอง…นั่นหมายความว่าเขาลืมหัวใจสำคัญของวิชากระบี่แล้ว
เด็กหนุ่มชุดคลุมขาววิ่งไปบนเส้นทางหุบเขานิรันดร์ ฝ่าสายฝนไล่ตามวิถีกระบี่ที่ตนแสวงหา ดูเหมือนคนบ้าน่าขำและน่าสงสาร เสียงแหบแห้งถูกกลืนหายไปในพายุคลั่ง ดวงตาหลิ่วสืออีสว่างขึ้นเรื่อยๆ เขาลืมวิชากระบี่ของตำหนักทะเลสาบกระบี่ จาก ‘จันทร์พลิกกลับ’ ไปจน ‘ชูกระบี่’ ในดวงตาเขามีเพียงหยดน้ำฝนที่กระทบเข้ามา
ทั้งโลกเงียบสงัด
ความเรียบง่ายถึงที่สุดที่เขาแสวงหาวางอยู่ตรงหน้าตนแล้ว!
ฟันกระบี่หนึ่งออกไป
หยดน้ำนั้นถูกคมกระบี่มันวาวฟันแยกเป็นสองส่วน จากนั้นถูกไหล่หลิ่วสืออีชนแตก ครั้งนี้สภาพเด็กหนุ่มไม่ดูน่าสงสารอีก แค่ก้าวพลาดเล็กน้อยก็ยืนนิ่ง
เสียงเขาระเหยเป็นไอร้อนกลางหมอกฝน พูดงึมงำ
“กระบี่นี้ มีนามว่าอะไร”
เขากำลังถามตัวเอง
กระบี่นี้มาจากทะเลสาบกระบี่หรือไม่
กระบี่นี้มาจากคัมภีร์กระบี่ส่วนใดที่ตนเคยเรียนมาหรือไม่
หลิ่วสืออีเป็นอัจฉริยะกระบี่ เขาจำทุกวิชากระบี่ที่ตนเคยอ่าน เขากำลังค้นหาคำตอบในคลังสมองอย่างบ้าคลั่ง
ไม่เจอคำตอบ
นี่ก็คือคำตอบที่ดีที่สุดที่เขาต้องการ
…….
ไข่มุกเชื่อมสวรรค์มาถึงตรงนี้ก็ไม่แสดงภาพอีก
“หลิ่วสืออีน่าจะใกล้รวมจิตกระบี่ประจำตัวออกมาได้แล้ว”
คุณชายครามมองไข่มุกนั้นบินกลับไปในประตูใต้หุบเขานิรันดร์ช้าๆ เพลิงดาราก็เริ่มมอดดับลงทีละนิด
“หนิงอี้กับหลิ่วสืออีถูกฉายภาพออกมา…พวกเขาสองคนน่าจะรวมวิถีกระบี่ของตนออกมาได้” คุณชายใหญ่แห่งจวนขานฟ้าคนนี้ไม่รู้คิดอะไร เขาพูดด้วยสีหน้าอ่อนล้า “หลิ่วสืออีเป็นอัจฉริยะ ละทิ้งวิชากระบี่ที่เรียนจากทะเลสาบกระบี่มารวมจิตกระบี่ประจำตัวใหม่ คนเฝ้าหุบเขาต้องมอบโชควาสนาให้เขาเพราะเหตุนี้แน่”
“มอบโชควาสนาให้หลิ่วสืออีหรือ” หยวนหลินไม่เข้าใจนิดๆ
“เจ้าคิดว่าเส้นทางที่ไม่มีแรงกดดันจิตวิญญาณนั้นในหุบเขานิรันดร์เดินง่ายนักหรือ เทียบกับทางนั้นที่มีแต่ศิลาหินแล้ว สำหรับหลิ่วสืออีนี่อาจจะเป็นเส้นทางที่เดินยากกว่า” คุณชายครามสูดลมหายใจเบาๆ ก่อนเอ่ยต่อ “แต่ความจริง นั่นคือจุดทะลวงพลังที่ดีที่สุดของหลิ่วสืออี เงียบสงบและปลอดภัย”
หยวนหลินเงียบลง
คุณชายน้อยแห่งจวนขานฟ้าคนนี้พูดเสียงแหบด้วยความไม่ยอมนิดๆ “ศิษย์พี่ ข้าได้ยินว่าหลิ่วสืออีอยู่เพียงขอบเขตที่เจ็ด”
“ขอบเขตที่เจ็ดแล้วอย่างไร”
คุณชายครามคลึงระหว่างคิ้ว พูดงึมงำด้วยความอ่อนล้านิดๆ “ขอบเขตที่แปดแล้วอย่างไร ขอบเขตที่เก้าแล้วอย่างไร”
หยวนหลินไม่รู้จะตอบอย่างไรเลย เขารู้ว่าเหตุใดศิษย์พี่ใหญ่ตนถึงมีสีหน้าอ่อนล้า พรสวรรค์เหนือชั้นของหลิ่วสืออีได้รับการยืนยันมากพอในภาพหุบเขานิรันดร์ตรงหน้าแล้ว
สิ่งที่ทำให้คนไม่เข้าใจเลยคือศิลาหินที่วางใต้หุบเขานิรันดร์กลับแตกกระจายไปเช่นนี้ มองผ่านประตูเพลิงดาราก็ยังเห็นฐานศิลาหินเกือบครึ่ง ซึ่งหลิ่วสืออีเป็นคนถีบหักเอง
หลังหลิ่วสืออีเจอหนิงอี้ก็เลือกขึ้นเขา
ถ้าบอกว่าสิ่งที่หลิ่วสืออีแสวงหาคือวิถีกระบี่ที่เรียบง่ายที่สุด
เช่นนั้นสิ่งที่หนิงอี้แสวงหาก็คือความเรียบง่ายในอีกความหมายของวิถีกระบี่
หลิ่วสืออีแสวงหาการลืมทุกสิ่ง มองตัวเองเป็นคนโง่ จากนั้นออกกระบี่ที่เรียบง่ายที่สุด
หนิงอี้คือจำทุกอย่าง เดินผ่านศิลาหินวิถีกระบี่ทั้งหมดในหุบเขานิรันดร์ มองสามพันมหามรรคทั้งหมด จากนั้น ‘เปลี่ยนจากซับซ้อนให้เป็นเรื่องง่าย’
หลังจากหนิงอี้ออกจากศิลาหินของพวกราชันดาราก็ไม่ฉายภาพของเขาอีก
ส่วนหลิ่วสืออี หลังจากเขาออกปราณกระบี่ที่ไม่มีใครรู้นามนั้น ภาพของเขาก็หายไปราวกับควัน
ครั้งนี้หมอกหุบเขานิรันดร์หนาขึ้นจริงๆ แล้ว
ประตูเพลิงดาราลุกโชนนั้นค่อยๆ มอดดับลงกลางฝนตกหนัก จากนั้นปิดลงช้าๆ สุดท้ายกลายเป็นเส้นสีดำยาว ก่อนจะหายไปในอากาศ
“ข้าไม่น่าเลย”
คุณชายครามยิ้ม “หากข้าเข้าหุบเขานิรันดร์ ข้าจะให้บนเขาคึกคักกว่านี้หน่อย”