เจี้ยนกู่ เซียนกระบี่สยบหล้า - ตอนที่ 204 ลงหุบเขานิรันดร์กับพบปุถุชน
ตอนที่ 204 ลงหุบเขานิรันดร์กับพบปุถุชน
พลันเกิดเสียงดังสนั่นในหมอกหุบเขานิรันดร์
หนิงอี้ที่เดินลงเขามาถูกคลื่นลมพัดชุดคลุมลอยขึ้นเล็กน้อย เขาหันไปมองข้างหลัง หมอกรวมกันอีกครั้ง ต่อให้ใช้พลังบำเพ็ญก็ยังเห็นไม่ชัดว่าเกิดอะไรขึ้นบนเขา
“เทพเซียนสู้กัน…หุบเขานิรันดร์จะปิดลง ข้าต้องรีบลงเขาแล้ว” หนิงอี้ส่ายหน้า ไม่ว่าจะคนเฝ้าหุบเขาหรือผู้อาวุโสฉู่เซียว ล้วนเป็นการคงอยู่ที่ตอนนี้เขามองเห็นแต่ไม่อาจเอื้อมถึง บนหุบเขานิรันดร์ไม่เงียบสงบ การต่อสู้ของผู้อาวุโสเหล่านั้นไม่เกี่ยวกับเขา อย่าอยากรู้อยากเห็นจะดีกว่า
ใกล้ถึงตีนหุบเขานิรันดร์แล้ว หมอกก็ยิ่งหนาขึ้นเรื่อยๆ
“นี่กำลังไล่ข้ากลับรึ” หนิงอี้ยิ้มแห้งๆ เขาหันไปมองข้างหลัง เจตนารมณ์ของคนเฝ้าหุบเขานิรันดร์ปกคลุมทั้งภูเขา หมอกพวกนี้มีแรงดันลับๆ ความหมายไม่มีชัดเจนไปกว่านี้อีกแล้ว
“ใต้ภูเขาเหมือนจะมีเสียงดัง…”
ผ่านไปไม่นานนัก หนิงอี้ก็มาถึงใต้หุบเขานิรันดร์ เขายืนอยู่ในหมอก ใต้เสาหินประตูภูเขายักษ์ เหมือนหญ้าน้ำค้างสีดำพลิ้วไหว เกิดเป็นการเปรียบเทียบกับเค้าโครงตัวภูเขาใหญ่อย่างชัดเจน
หมอกหนาข้างหลังไหลมารวมกันแล้ว เห็นเพียงความอึมครึม ไม่เห็นอย่างอื่นเลย
“พวกสำนักศึกษากับแดนบูรพาหรือ”
หนิงอี้สูดลมหายใจเข้า โคจรวิชาจิตให้ใบหน้าตนกลับมาสดใส นี่เป็นวิชาลมหายใจของเขาสู่ซาน เพิ่งสู้กับหลิ่วสืออีบนเขามา แม้สองคนจะยังไม่ได้สู้กันเต็มที่ ไม่บาดเจ็บถึงเส้นเอ็นกระดูก แต่หากอีกเดี๋ยวจะออกจากหุบเขานิรันดร์ คงต้องมีคนเห็นแน่
สายตามองผ่านหมอกผ่านหินภูเขามาถึงตีนหุบเขานิรันดร์
……
“อ้อยอิ่ง เจ้าจะเอาพิณน้ำตกของสำนักศึกษาถ้ำกวางขาวมาเดิมพันกับกระบี่ข้ารึ”
“ใช่ เดิมพันกับปราณนิรันดร์ในมือเจ้า”
ท่านหญิงพิณเอาสองมือไพล่หลัง ข้างหน้าปักกล่องพิณหนัก กล่องพิณนั้นคลุมด้วยผ้าดำชั้นหนึ่ง มีทำนองมหามรรคเก่าแก่ไหลเวียนลับๆ ในสี่คุณชายใหญ่สำนักศึกษา อ้อยอิ่งมีตัวตนและร่องรอยลึกลับที่สุด อยู่ลึกในสำนักศึกษามาตลอด ไม่เคยลงมือ และไม่เคยเผยใบหน้าต่อคนอื่น
หวังอี้มีใบหน้าเย็นชาขึ้นเล็กน้อย เขาหรี่ตาลงจ้องหญิงตรงหน้า
ดอกบัวแดนบูรพามาถึงเมืองหลวง นัดทุกคนไว้ดิบดีว่าจะเลือกคุณชายใหญ่สำนักศึกษาคนหนึ่งมาเป็นคู่ต่อสู้ของตน กายวิญญาณอมตะแห่งเขาศิลาเต่าเลือกคุณชายคราม เทพหยินเทพหยางแห่งเขาล่องโอฬารเลือกจงหลีกับกู้ชาง คนนั้นที่เหลือคนสุดท้ายก็คืออ้อยอิ่ง ความจริงแล้วทุกคนยอมรับโดยนับว่านางเป็นคนที่รับมือยากที่สุด
ไม่รู้ตื้นลึกหนาบาง
ในดอกบัวแดนบูรพาเหมือนจะบิดรวมเป็นเส้นเดียวกัน แต่ความจริงต่างฝ่ายต่างมีการหยั่งเชิงกัน ไม่มีใครอยากไปท้าสู้กับอ้อยอิ่งก่อน ‘เรื่องดี’ นี้ย่อมตกไปอยู่ในมือเซียนกระบี่น้อยหวังอี้ที่เพิ่งออกจากภูเขามา
หวังอี้เพิ่งออกจากเขาเชียงมา ยังไม่รู้ความน่ากลัวของใจคน คิดว่ากระบี่ ‘ปราณนิรันดร์’ ของตนก็พอสยบได้ทุกคนแล้ว อายุยังน้อยเกินไปจริงๆ ประสบการณ์ก็ยังไม่ถึง คนหนุ่มฮึกเหิมเป็นเรื่องดี แต่ความสามารถยังไม่ถึงจะเสียเปรียบคนอื่นเปล่าๆ
การเดิมพันกระบี่กับหนิงอี้เป็นการกระทำบุ่มบ่ามของหวังอี้ หลังได้สัมผัสวิชาคุมกระบี่ดรรชนีสังหารของอาจารย์อาน้อยเขาสู่ซานแล้ว ทะเลสาบจิตของหวังอี้ก็สงบลงทีละนิด
เขาจ้องอ้อยอิ่ง ตอนนี้ตนถูกกดดันให้ตกอยู่ในสถานการณ์กลืนไม่เข้าคายไม่ออก
อ้อยอิ่งจะเอาพิณน้ำตกมาเดิมพันกับปราณนิรันดร์เขาเชียงของตน หากไม่เดิมพัน เช่นนั้นตนก็จะด้อยกว่านาง
หากเดิมพัน
สารภาพตามตรง ตอนนี้หวังอี้มองหญิงชุดดำนั้น กลิ่นอายพลังในตัวเอ่อล้น ยากจะคาดเดาตื้นลึกหนาบางได้ ถ้ากล้าบอกว่าจะให้ตนก่อนสิบกระบวนท่า นั่นแสดงว่าต้องมีความมั่นใจอยู่เก้าส่วน
ข้ามเรื่องที่ว่าถ้าให้ตนก่อนสิบกระบวนท่าแล้วอ้อยอิ่งจะพลิกสถานการณ์กลับมาได้หรือไม่ไปก่อน
แค่อ้อยอิ่งยกสิบกระบวนท่านี้ขึ้นมาบนเวทีต่อหน้าสามสำนักศึกษาสามเขาศักดิ์สิทธิ์ หรือจะให้หวังอี้ ‘หน้าไม่อาย’ โจมตีสิบกระบวนท่ากับสตรีก่อนกัน
หวังอี้พ่นลมหายใจขุ่น
เขาต้องการสภาพแวดล้อมเงียบสงบมาตระหนักวิถีกระบี่ของตน หลังจากกลับมาจากหุบเขานิรันดร์ เขาได้ประสบการณ์ไปอย่างมาก รู้สึกว่าตนมีกำลังสู้กับอ้อยอิ่งได้ แต่ตอนนี้ดูแล้วคงดูถูกท่านหญิงใหญ่สำนักศึกษาไป หากให้เวลาเขาปิดด่านบำเพ็ญก็จะมั่นใจในศึกนี้ขึ้นมาก
“อะไร ไม่กล้ารึ” อ้อยอิ่งมองเซียนกระบี่น้อยด้วยรอยยิ้ม
หวังอี้พูดอย่างเย็นชา “สิบวัน สิบวันจากนี้ ข้าจะตัดสินกับเจ้าที่นี่ ปราณนิรันดร์กับพิณน้ำตกเป็นเดิมพัน ตัดสินแพ้ชนะ และตัดสินความเป็นตาย”
“จิ๊ ก้าวร้าวเสียจริง” ท่านหญิงพิณยิ้ม “ตัดสินความเป็นตายรึ เจ้ามีสิทธิ์อะไรมาตัดสินความเป็นตายกับข้า”
กล่องพิณไม่ขยับ อ้อยอิ่งเพียงแค่เอามือวางบนผ้าดำคลุมพิณเบาๆ
หวังอี้พลันม่านตาหรี่แคบลง เขายกสองมือขึ้น แขนเสื้อใหญ่โบกสะบัด ใบไม้ร่วงเต็มพื้นลอยขึ้นปูตรงหน้าตน ก่อนจะเกิดเสียงฟ้าร้องดังสนั่นตรงหน้ากำแพงใบไม้
นั่นเป็นตัวดนตรีว่างเปล่า หลังระเบิดใบไม้ก็แตกกระจาย ก่อนฝ่ามือข้างหนึ่งจะทะลวงผ่านใบไม้แห้งและประทับตรงจุดตัดสองแขนเสื้อของหวังอี้ กระแทกเซียนกระบี่น้อยเขาเชียงคนนี้ลอยไปข้างหลัง ขาสองข้างยังคงติดกับพื้น พลังทั่วร่างถูกโหมกระหน่ำเหมือนน้ำเดือด สองแขนเสื้อลอยไปไม่หยุด จากนั้นยืนมั่นคง ใบหน้าแดงเรื่อ
อ้อยอิ่งเผยแววตาเฉยเมย “หากจะตัดสินความเป็นตาย สิบวันกับตอนนี้จะต่างกันตรงไหน”
หวังอี้จับกระบี่ยาวแน่น ปราณนิรันดร์ยังไม่ออกจากฝัก แต่ตัวกระบี่ซ่อนในฝัก หนึ่งกระบี่ฟาดลงดุจกระบอง ลากเป็นเส้นยาวกลางฟ้าดิน
ท่านหญิงใหญ่สำนักศึกษาถ้ำกวางขาวโบกแขนเสื้อเป็นครั้งที่สอง
ปราณกระบี่ที่ฟันลงมาอย่างยิ่งใหญ่นั้นพลันกลายเป็นสองส่วนเช่นนี้ คลื่นเสียงไร้ร่องรอยหมุนวนบนศีรษะอ้อยอิ่ง คลุมลงมาเหมือนกับชามใหญ่พลิกคว่ำ
ใบไม้แห้งถูกปราณกระบี่หมุนวนขึ้น
หวังอี้มีใบหน้าเย็นชา เขาปักปราณนิรันดร์ไว้ข้างหน้า ใบไม้กระจายขึ้น ประกบสองมือ ฝ่ามือกดเข้าด้วยกัน ส่งเสียงดัง ‘แปะ’
“ปิด”
ปราณกระบี่บนฟ้าดุจปลาเวียนว่าย
คลื่นเสียงบนศีรษะอ้อยอิ่งพลันถูกพุ่งชนนับครั้งไม่ถ้วน
ปราณกระบี่พัวพันกันเข้ามา ท่านหญิงใหญ่สำนักศึกษานั้นกระทืบเท้าเบาๆ มันก็แตกสลายเป็นเถ้าถ่าน
ใบไม้ระเบิด
เวลานี้มองเห็นสถานการณ์ในนั้นได้ยาก
นี่เป็นเพียงการปะทะกันช่วงสั้นๆ แต่ก็ตัดสินสูงต่ำได้แล้ว
หวังอี้หน้าซีดขาว พลังในกายถูกตีปั่นป่วน เสียงวิ้งดังข้างหู เสียการได้ยินไปชั่วขณะ ทั้งโลกหมุนวนไปหมด
ท่านหญิงพิณในชุดคลุมดำยื่นมือมาปัดฝุ่นบนตัว ก่อนพูดด้วยรอยยิ้ม “เช่นนั้นข้าจะรอเจ้าอีกสิบวัน”
คำพูดนี้ใช้วิชาจิตวิญญาณส่งไปในทะเลสาบจิตของเซียนกระบี่น้อยเขาเชียงโดยตรง มั่นใจว่าอีกฝ่ายได้ยินแน่นอน
ดังนั้นหวังอี้จึงหน้าซีดขึ้นอีกสามส่วน
เมื่อเอ่ยจบ อ้อยอิ่งก็เลิกคิ้วขึ้น อุทานเสียงเบา ก่อนจะหันไปมอง
หมอกหุบเขานิรันดร์ผลุบๆ โผล่ๆ มีร่างเงาหนึ่งก้าวออกมาจากหมอก
อ้อยอิ่งยิ้มอย่างพบเห็นได้ยาก
เสียงของนางดังถึงหูทุกคนในหุบเขานิรันดร์ ทำให้เกิดเสียงดังฮือฮาหลังจากความเงียบ
“ยินดีด้วยคุณชายหนิงอี้ ในที่สุดก็รวมจิตกระบี่ประจำตัวได้แล้ว!”