เจี้ยนกู่ เซียนกระบี่สยบหล้า - ตอนที่ 206 สยบหวังอี้
ตอนที่ 206 สยบหวังอี้
ศิษย์หญิงแห่งสำนักศึกษาถ้ำกวางขาวมองหน้ากัน
แม้แต่ท่านหญิงพิณอ้อยอิ่งยังนิ่งอึ้ง…เซียนกระบี่น้อยหวังอี้ที่ก่อนหน้านี้ยังใจเย็นมากกลับเหยียบเข้าไปในกับดักของจิ้งจอกเฒ่าเช่นนี้ เดินไปทีละก้าว สุดท้ายก็เดิมพันปราณนิรันดร์ของตนไว้ใต้หุบเขานิรันดร์ด้วยความโกรธ จะเดินพันกระบี่กับหนิงอี้
อ้อยอิ่งนึกไปถึงสีหน้าหนิงอี้ตอนเพิ่งก้าวออกมาจากหมอก ไม่ทุกข์ไม่ร้อน ดูอ่อนโยน แต่ความจริงทุกคำพูดแทงโดนเพลิงในใจหวังอี้
เพิ่งลงเขามาขึ้นเวทีก็เริ่มพุ่งเป้าไปที่ปราณนิรันดร์แห่งเขาเชียงเลยรึ
“ไร้ศีลธรรม ไร้ศีลธรรมยิ่งนัก…”
ในผู้บำเพ็ญสำนักศึกษาจวนขานฟ้า หยวนหลินมองสองคนตรงกลางด้วยสีหน้าซับซ้อน โดยเฉพาะหนิงอี้ที่เดินมาหน้าหวังอี้อย่างสุขุม ก่อนจะพูดอย่างจริงจัง “ถ้าข้าเป็นหวังอี้ ข้าก็อยากทุบตีเขาเหมือนกัน”
“หวังอี้จะเลื่อนศึกนั้นกับท่านหญิงพิณ เขาไม่ใช่คนโง่ รู้ว่าตนยังขาดความชำนาญไปอีกเล็กน้อย” คุณชายครามพูดงึมงำ “ลั่วฉางเซิง…อันดับหนึ่งรายนามดารา…”
คุณชายครามส่ายหน้า “ยังเด็กเกินไป พูดไม่กี่คำก็โดนหนิงอี้ยุขึ้นแล้ว”
เขานึกไปถึงการต่อสู้หลายครั้งระหว่างตนกับหนิงอี้
อาจารย์อาน้อยแห่งเขาสู่ซานคนนี้มีความสามารถไม่มาก แต่ฝีปากเก่งจริงๆ ‘เจ้าคนเลวทราม’ ที่คลานขึ้นมาจากใต้ตลาดล่างคนนี้ เห็นคนพูดภาษาคน เห็นผีพูดภาษาผี และมักจะพูดโดนปมในใจอีกฝ่ายตลอด
คุณชายครามนิ่งเฉย เอ่ยราบเรียบ “ปราณนิรันดร์เป็นกระบี่ดี”
หยวนหลินพอจะคลำเจอความหมายที่ควรค่าแก่การตรึกตรองสามสี่ส่วนจากในคำพูดศิษย์พี่ใหญ่สำนักตน เขาเงยหน้าขึ้นก็เห็นความสุขที่เห็นคนอื่นเป็นทุกข์ในแววตาอีกฝ่าย…ดูท่าคนที่โดนฝีปากหนิงอี้เล่นงานคนแรก คงจะไม่ใช่เซียนกระบี่น้อยหวังอี้ที่เพิ่งออกจากเขาเชียงเป็นครั้งแรกแล้ว
หยวนหลินพลันรู้สึกขำ รู้สึกว่าตนก็มีความสุขที่เห็นคนอื่นเป็นทุกข์เช่นกัน
…….
“เช่นนั้นข้าจะสั่งสอนเจ้าแทนลั่วฉางเซิงเอง”
หลังเอ่ยคำนี้จบ หนิงอี้ก็ยืนเอามือไพล่หลัง ใบหน้าเฉยเมย สายลมพัดผ่านจอนผม เหมือนไม่คิดจะลงมือเลย
ผู้บำเพ็ญแดนบูรพาและศิษย์สำนักศึกษาหลายคนต่างมองด้วยความเฝ้ารอ อยากจะรู้นักว่าหลังอาจารย์อาน้อยเขาสู่ซานลงจากหุบเขานิรันดร์แล้ว จิตกระบี่ประจำตัวที่ตระหนักรู้มานั้นคืออะไรกันแน่
ปิ่นไม้ที่ปักผมของหวังอี้แตกเป็นเสี่ยงๆ เขาเบิกดวงตาหงส์ขึ้น ก่อนพูดอย่างเย็นชา “หนิงอี้ ไอ้สุนัขไร้ยางอาย เจ้ามีสิทธิ์อะไรมาเทียบกับศิษย์พี่ข้า!”
ชุดคลุมสีดำพลันถูกปราณกระบี่อัดแน่น
หนิงอี้เลิกปลายคิ้วขึ้นก่อนพูดยิ้มๆ “คำสอนบรรพชนเขาเชียงคือบ่มเพาะปราณมองดูอย่างสงบ เจ้าไปหุบเขานิรันดร์แต่กลับตระหนักรู้วิชากระบี่ฆ่าคน ในตัวมีกลิ่นอายดุร้ายรุนแรงมาก นี่ถ้าศิษย์พี่เจ้ารู้เข้า จะไม่จับเจ้าแขวนขึ้นคานบ้านทุบตีรึ”
“หุบปาก!”
ปราณนิรันดร์ลากพื้นจนเกิดสะเก็ดไฟ
เจตจำนงกระบี่ในตัวหวังอี้เดือดพล่าน ครั้งนี้ต่างจากการประมือกับอ้อยอิ่ง เขาสั่นบ่าทั้งสองข้าง พลังทั่วทั้งตัวเดือดขึ้นดุจทะเลสาบใหญ่ ตอนนี้ในจิตใจอัดแน่นไปด้วยความโกรธ เผยพลังบำเพ็ญของตนทั้งหมดออกมา
ตั้งแต่เขาเชียงกำเนิดลั่วฉางเซิงก็หาอัจฉริยะวิถีกระบี่อีกคบพบ อายุยังน้อย ตอนที่ถูกพาขึ้นเขาก็เล่าลือว่าเกิดปรากฏการณ์ขึ้น สามบุปผารวมยอดเหนือศีรษะ ดอกบัวเบ่งบานพร้อมกัน หากตั้งใจฝึกบำเพ็ญ ไม่นานจะต้องกลายเป็นยอดอาวุธ
ตอนนี้หวังอี้มีใบหน้าเย็นยะเยือก หลังปิ่นปักผมแตก ใบหน้าเยาว์วัยกัดฟันกรอดก็ถูกเส้นผมปลิวไสวบดบังใบหน้าไว้ เหนือศีรษะเขาปรากฏดอกบัวสามดอกขึ้นจริงๆ และยังมีเสียงแปลกดังขึ้น
“ไม่ใช่สำนักเต๋า และไม่ใช่ฝ่ายพุทธ…หรือจะเป็นเสียงแห่งมหามรรคจริงๆ” หนิงอี้ตกใจอยู่ข้างใน แต่ก็ยังอยู่ในท่าอวดดีเอาสองมือไพล่หลัง เพียงแต่ลึกๆ ในใจเกิดความตื่นตัวขึ้นสามส่วน เขาเคยได้ยินมาว่าผู้บำเพ็ญที่มีคุณสมบัติสุดยอดบางคน ตอนปรากฏกายจะมาพร้อมกับปรากฏการณ์ อย่างเช่นคุณชายโจวโหยว แค่ขยับมือเท้าก็ปิดมหามรรคฟ้าดินได้ลับๆ เซียนกระบี่น้อยหวังอี้คนนี้ ไม่อยากเชื่อว่าจะมีสามดอกบัวรวมอยู่บนศีรษะจริงๆ
“ฆ่า!”
หวังอี้ลากปราณนิรันดร์ที่ยาวกว่าตนเองนั้นพุ่งเข้าไปอย่างฉับพลัน
ปราณกระบี่ถาโถมเข้ามา หนิงอี้ยกแขนเสื้อขึ้น หญ้าน้ำค้างทั้งพื้นดินถอนรากถอนโคนพุ่งออกไปเหมือนกระบี่ยาว ตรงไปหาเซียนกระบี่น้อย
“คุมกระบี่ดรรชนีสังหาร!”
มีคนรู้จักวิชานี้ ถึงกับร้องตกใจเสียงเบา
ในมหามรรคมากมายของการฝึกกระบี่ คุมกระบี่ดรรชนีสังหารเรียกว่าจัดอยู่แนวหน้าสุดได้ อานุภาพไม่เป็นที่ต้องสงสัย แต่ก็ต้องใช้แรงใจของผู้ควบคุมมหาศาล คุมกระบี่บินนับไม่ถ้วนวนเวียนรอบกาย จุดอ่อนเพียงอย่างเดียวคือจะต่างกับนักกระบี่ทั่วไป
นักกระบี่ทั่วไป กระบี่หนึ่งเล่มมีความยาวสามฉื่อ ดังนั้นถึงได้ไร้พ่ายในระยะสามฉื่อรอบตัว
แต่การฝึกคุมกระบี่ดรรชนีสังหาร ในระยะสามฉื่อกลับเป็นจุดอ่อนถึงแก่ชีวิต
หากถูกศัตรูเข้าประชิดตัวในระยะสามฉื่อ นักกระบี่ที่กำลังจดจ่ออยู่กับการคุมกระบี่จะถูกทำลายจังหวะลงทันที
หญ้าน้ำค้างหมุนม้วนเข้ามาเต็มไปหมด
“วิชานี้อีกแล้ว!” หวังอี้แค่นยิ้ม เขาจับด้ามกระบี่ปราณนิรันดร์แน่น สั่นข้อมือเบาๆ หญ้าน้ำค้างที่พุ่งเข้ามาดุจกระบี่ยาวพวกนั้น ยังไม่ทันเข้าใกล้ก็ถูกดีดออกไป
จนถึงตอนนี้ในที่สุดหวังอี้ก็มั่นใจว่าหนิงอี้ที่ประมือกับตนสองครั้งในหุบเขานิรันดร์เป็นเพียงนักกระบี่ที่ใช้ได้แค่วิชาคุมกระบี่ดรรชนีสังหาร จุดอ่อนชัดเจนมาก คือในระยะสามฉื่อ
ห่างไปไม่ไกล
หนิงอี้ที่ยืนเอาสองมือไพล่หลังโคจรเจตจำนงกระบี่เงียบๆ มองเงาชุดคลุมดำที่คิดแผนในใจไว้แล้วและพุ่งมาทางตน เขายิ้มเยาะทีหนึ่ง จากนั้นงอปลายนิ้วเบาๆ ก่อนเอ่ยนามของเจ้าของเจตจำนงกระบี่ที่ได้มาจากศิลาหุบเขานิรันดร์
“ราชันกระบี่ประกายเพลิงเขาเชียง”
เมื่อเสียงตกกระทบ
หญ้าน้ำค้างที่ถูกดีดออกพวกนั้น ปราณกระบี่ส่งเสียงร้อง มันเริ่มแผดเผาตัวเอง ลุกลามไปทีละต้นเหมือนกับโซ่ราดด้วยน้ำมันร้อน ชั่วพริบตาเดียวก็ลุกลามเป็นทะเลเพลิง แต่ก็เหมือนกับงูเพลิงที่อ้าปากกว้างกำลังเลือกกินคนมากกว่า
เจตจำนงกระบี่ของราชันกระบี่ประกายเพลิงรึ
เซียนกระบี่น้อยหรี่ตาลงเล็กน้อย เขาชะงักไปหน่อยๆ ตัวถูกปราณกระบี่หญ้าน้ำค้างไฟลุกท่วมหลายสิบต้นพุ่งเข้าใส่ เกิดเป็นการเผาไหม้ขึ้น
หยุดเพียงชั่วครู่ หวังอี้ก็สูดลมหายใจเข้าลึกและวิ่งเข้าไปอีกครั้ง
ทะเลเพลิงถาโถมเข้ามา หวังอี้ในชุดคลุมดำที่ฝ่าทะเลเพลิงเข้าไปเหมือนกับเทพโบราณ ดึงปราณนิรันดร์จากล่างขึ้นบน
“ย๊าก”
ฟันทะเลเพลิง
ฟันวิชาคุมกระบี่ดรรชนีสังหาร
ทันทีที่ปราณนิรันดร์ออกจากฝัก เปลวเพลิงทั้งโลกถูกฟันขาดกระจาย เจตจำนงกระบี่นั้นของหนิงอี้ปะทะกับเจตจำนงกระบี่ของหวังอี้ จากนั้นแตกระจายในทันที
ปลายผมของหวังอี้จะโดนเปลวเพลิงข้างล่างก็ถูกปราณกระบี่ดับลงทันควัน ทั้งโลกเกิดเสียงดัง ‘วิ้ง’
หวังอี้เข้ามาในระยะสามฉื่อ จะออกกระบี่แรก
เขาเงยหน้าขึ้น พลันพบว่ามีเงาดำคลุมอยู่เหนือศีรษะตน อีกทั้งยังเข้าใกล้มาเรื่อยๆ มาพร้อมกับอำนาจคุกคามที่ไม่อาจปฏิเสธ พลันรุกรานมาถึงบนทะเลสาบจิตของตน
หนิงอี้ที่เดิมทียืนเอามือไพล่หลัง ตอนนี้ดึงออกมามือหนึ่ง ทำปางมือพลิกฟ้ากดลงมา
ราวกับฟ้าสูงถล่มลง
แข็งแกร่งไม่อาจต้านทาน