เจี้ยนกู่ เซียนกระบี่สยบหล้า - ตอนที่ 223 เขาไท่ซานสองคำหนักหมื่นชั่ง
ตอนที่ 223 เขาไท่ซานสองคำหนักหมื่นชั่ง
ในดวงตาเฉาหลัน ทั้งโลกเลือนรางขึ้นมา
งอบเผาไหม้ทั้งหมด นั่นหมายความว่าพันธนาการนั้นที่อำพรางพลังเขาได้เปิดออกแล้ว
คุณชายหยวนฉุนมอบงอบนี้ให้เขาก็เพื่อกดพลังบำเพ็ญ ท่องแดนอุดร เจอความยากลำบากหลากหลาย หากเขาปล่อยมือเท้าก็อาจจะทะลวงขอบเขตที่สิบ
จุดดาราชะตา ให้ความสำคัญกับเวลาที่เหมาะสม ต่อให้กลับมาเมืองหลวง เฉาหลันก็ยังไม่คิดจะทะลวงพลังทันที
มีงอบสวมอยู่ ต่อให้เขาปล่อยมือเท้าก็จะไม่เกินกว่าขีดจำกัดของขอบเขตที่สิบ
งอบพัง ภายในลำคอบุรุษหนุ่มพลันมีเสียงมังกรดังขึ้น คำรามเสียงต่ำ ทั้งลานบ้านสั่นสะเทือนตาม แรงกดดันของค่ายกลสี่ทิศแปดด้านกดบ่าเฉาหลันไว้
ตาดำสองข้างของเฉาหลันเปลี่ยนเป็นสีทองสว่างแล้ว ปลายเส้นผมยาวตั้งขึ้น แต่ละเส้นวิจิตรดุจกระแสเพลิง
วิชาลับพรสวรรค์
ร่างผู้บำเพ็ญพเนจรแดนอุดรคนนี้แหงนไปข้างหลังเล็กน้อย หน้าอกที่เดิมทีเว้าลงไปสามส่วน ตอนนี้ขยายขึ้นมา พลังอัดแน่นในชุดคลุมใหญ่ เดือดพล่านขึ้น
“กรรซ์!”
เพลิงสีแดงพุ่งมาจากในลำคอ เฉาหลันอยู่ในท่าสิงโตคำราม สองมือทุบแก้มสองข้าง เพลิงมังกรออกมาจากในทรวงอกไม่ขาดสาย เผาเป็นทะเลเพลิงตรงหน้า
ลมหายใจมังกรในตำนาน หากสำแดงโดยยอดฝีมือเผ่ามังกรของใต้ฟ้าเผ่าปีศาจ ได้ยินว่าจะเผาได้ทั้งสิ่งที่มีรูปและไร้รูปทุกอย่าง แม้แต่แรงกรรมที่พันอยู่กับตัวก็ยังเผาได้!
เผยฝานเดินหนึ่งก้าว ยกมือกดลง ค่ายกลห่อหุ้มสองคนไว้
ภูผานทีหมื่นลี้ หนึ่งกระบี่ซ่อน เมื่อเด็กสาวกดฝ่ามือ ทั้งโลกปราณกระบี่ก็ลงมาเหนือศีรษะเฉาหลัน
‘วิ้ง’
เฉาหลันที่สำแดงวิชาลับพรสวรรค์กำสองหมัดแน่น เส้นเลือดเขียวปูดขึ้น เพลิงมังกรสีแดงลุกลามเป็นทะเล มหาสมุทรกว้างใหญ่พุ่งชนปราการปราณกระบี่ ทับถมกันและซ้อนเป็นชั้นๆ แต่ก็ยังทำลายไม่ได้
“เจ้ามีปางประกายแสงของเขาวิญญาณ ทำลายปราณกระบี่ของนักกระบี่ได้” เสียงเผยฝานดังแว่วเข้ามา “แต่ค่ายกลสยบเทพของคุณชายลู่เซิ่ง ใช้สยบคนมุทะลุอย่างเจ้าโดยเฉพาะ เจ้าลองใช้วิชาลับพรสวรรค์ทะลวงปราณกระบี่ดูได้ ดูว่าจะเจาะเข้าหรือไม่”
เมื่อสิ้นเสียงลง
เฉาหลันสลับสองมือและวางลง ไม่ทำแก้มป่องพ่นลมหายใจมังกรอีก แต่สูดลมหายใจเข้าลึก สมุทรรวมร้อยลำธาร เพลิงมังกรเต็มฟ้าไหลมารวมกันเหมือนแม่น้ำใหญ่ บุรุษหนุ่มกลืนสมุทรลงไป ไม่ใช่แค่เพลิงมังกรลุกแผดเผา แต่ยังมีสิ่งของอื่นๆ ในค่ายกล นอกจากเถ้าอี้หินกลองเอวที่เหมือนหนักพันชั่งนั้น อย่างเช่นเศษหินแตก ต้นไม้แก่โคลงเคลง ถูกเขาดูดลงท้องทั้งหมด
กระบี่ที่ลอยอยู่รอบตัวเฉาหลันถูกแรงดูดมหาศาลนี้เช่นกัน แต่เพียงแค่โคลงไปมา ก่อนจะไม่โน้มเอียงอีก
เฉาหลันหรี่ตาลง ยกเท้าข้างหนึ่งขึ้นและเหยียบลง ทั้งเก้าอี้หินกลองเอวพลันแตกกระจาย เศษหินพุ่งเข้ามา หากไม่มีค่ายกลขวาง แรงปะทะของเศษเก้าอี้หินคงมากพอที่จะถล่มทั้งจวนลง
“ไม่มีประโยชน์ เจ้าไม่เข้าใจค่ายกล ต่อให้เจ้าเคยเข้าเขาสู่ซานและได้ศึกษาค่ายกลสยบเทพของคุณชายลู่เซิ่ง ตอนนี้เจ้าก็ทำลายค่ายกลนี้ไม่ได้” ร่างเด็กสาวลอยขึ้นมาจากอากาศร้อนระอุ นางเปลือยเท้าสองข้าง เท้าไม่เหยียบพื้น ชุดกระโปรงโบกสะบัด กระบี่บินยี่สิบเล่มล้อมอยู่ข้างหลัง หมุนวนไปเรื่อยๆ เส้นสายสีแดงตรงระหว่างคิ้วขยายเป็นเส้นใย เหมือนกับเซียนบนสวรรค์
“ข้ากังวลมาตลอดว่าจะมีคนรับมือยากฝ่าฝืนกฎเมืองหลวงมาเยือนถึงจวนนี้ ค่ายกลสยบเทพนี้เป็นค่ายกลที่แกร่งที่สุดที่ข้าวางได้ในตอนนี้แล้ว เพียงแค่ปรับแก้เล็กน้อย คุณชายลู่เซิ่งใช้แสงดาราเป็นพลังงานของค่ายกล แต่ข้าใช้ปราณกระบี่แกะสลักไว้สี่ทิศครอบฟ้า”
เฉาหลันขมวดคิ้ว เขาไม่เข้าใจว่าอีกฝ่ายกำลังพูดอะไรกันแน่ แต่เขาลองวิชาทำลายค่ายกลของตนหลายอย่างแล้ว
เมื่อก่อนเดินทางในแดนอุดร ไม่ใช่ว่าไม่เคยเจอค่ายกลมาก่อน แต่คุณชายหยวนฉุนสอนวิธีที่ง่ายที่สุดกับตน นั่นคือ ‘ใช้หนึ่งกำลังทำลายหมื่นวิชา’ ไม่ว่าเจอค่ายกลแบบใดก็ชกหมัดเข้าไป ใช้กำลังของมังกรคชสาร อย่างมากก็ใช้วิชาลับพรสวรรค์ก็มักจะทำลายได้
ในจวนนี้ เขารู้สึกถึงการจำกัดอย่างยิ่งยวด หากใช้วิชาลับที่มีระดับสูงสุด ก็น่าจะทำลายค่ายกลสยบเทพนี้ได้ แต่ว่าหนึ่งลี้โดยรอบภายในจวนหนิงอี้คงจะถูกเขาเผาเป็นเถ้าถ่านไปพร้อมกัน
พึงรู้ไว้ว่าที่นี่คือเมืองหลวง
เขาเฉาหลันทุบตีบุตรศักดิ์สิทธิ์เขาศิลาเต่าแดนบูรพาได้ ต่อให้รวมอีกสองเขาศักดิ์สิทธิ์ก็ไม่ต้องกะพริบตาเลย แต่ถึงจะมีความสามารถล้นฟ้า ก็ยังไม่กล้าทำตามอำเภอใจในเมืองหลวง ก่อเรื่องใหญ่ถึงขนาดนี้
“เฉาหลัน ในเมื่อเจ้าอยากสู้อย่างยุติธรรม ข้าก็จะสู้กับเจ้าอย่างยุติธรรม ในค่ายกลสยบเทพนี้ เจ้าออกมือเท้าได้ตามสบายเลย” เผยฝานชะงักไปก่อนจะเลิกคิ้วขึ้นพูด “งอบนั่นพังแล้ว หากข้าเดาไม่ผิด นั่นน่าจะเป็นสมบัติที่ใช้กดพลัง เจ้าไม่ต้องกลัวว่าจะทะลวงพลังที่นี่เลย ฟ้าดินตัดขาด ศาสตร์มรรคแยกออก หากเจ้าทำลายค่ายกลสยบเทพนี้ได้ ก็ถือว่าข้าแพ้แล้ว”
เฉาหลันบิดคอซ้ายขวา เกิดเสียงดังกรุบกรอบ
เขาพ่นลมหายใจยาว กดงอบตนลงตามจิตใต้สำนึก พบว่างอบนั้นแตกไปหมดแล้ว กดเจอความว่างเปล่า นิ้วมือไหลลงมาคลึงระหว่างคิ้ว
“ข้าแปลกใจยิ่งนัก นักกระบี่เช่นเจ้าไม่ควรจะไร้ชื่อเสียงเรียงนามเลย” เฉาหลันไม่รีบร้อนลงมือ แต่มองเผยฝานพลางถามด้วยความแปลกใจ “เอ่ยนามสำนักเจ้า เกิดเป็นศิษย์รักของพวกแก่หงำเหงือกของใครสักคน ข้ากลัวว่าลงมือหนักไป จะสร้างปัญหาที่ไม่ควรได้”
เผยฝานตอบนิ่งๆ “ข้าใช้ยันต์สยบเทพของคุณชายลู่เซิ่ง วิถียันต์ค่ายกลของข้ามาจากเขา ดังนั้นคุณชายลู่เซิ่งก็ถือว่าเป็นอาจารย์ครึ่งหนึ่งของข้า”
เฉาหลันได้ยินแบบนั้นก็รู้สึกกลัวขึ้นมานิดๆ “เจ้าอย่ามาขู่ข้า ลู่เซิ่งหายตัวไปสี่ร้อยกว่าปีแล้ว เขาจะเป็นคนสอนค่ายกลกับเจ้าด้วยตัวเองเลยหรือ”
หากเป็นความจริง เช่นนั้นข่าวนี้จะทำให้ทั้งใต้ฟ้าต้าสุยสั่นสะเทือน
ลู่เซิ่งหายตัวไปสี่ร้อยกว่าปี เขาสู่ซานเงียบมาตลอด แบกรับความสงสัยและกดดัน ต้องถอยไปเรื่อยๆ เขาศักดิ์สิทธิ์แดนประจิมกดขี่อยู่เหนือเขาสู่ซาน กดดันเข้ามาหลายต่อหลายครั้ง ทั้งต้าสุยต่างคิดว่าเจ้าภูเขาสู่ซานคนนี้ตายไปแล้ว เหลือเพียงตำแหน่งว่างเปล่าเท่านั้น
หากยังมีชีวิตอยู่ อย่าว่าแต่ต้าสุยเลย แม้แต่ใต้ฟ้าเผ่าปีศาจยังตื่นตกใจ
จะโทษเฉาหลันที่มีความคิดเช่นนี้ไม่ได้…ค่ายกลสยบเทพปราณกระบี่นี้มีอานุภาพไม่ธรรมดาจริงๆ
เฉาหลันรู้แก่ใจดีว่าศิษย์เขาศักดิ์สิทธิ์ในรุ่นเยาว์ต้าสุยไม่มีใครวางค่ายกลกดดันตนได้ ค่ายกลดาบกับค่ายกลกระบี่ของเขาอนันต์เล็ก เมื่อก่อนเขาก็เคยผ่านตามาบ้างแล้ว แต่ยังขาดกำลังอีกเล็กน้อย ต่อให้เป็นค่ายกลกระบี่โอฬารที่วางโดยผู้บำเพ็ญขอบเขตที่สิบ เขาก็ยังใช้กำลังตัวคนเดียวทำลายได้ ส่วนสี่สำนักศึกษาแห่งเมืองหลวงยิ่งไม่ต้องพูดถึง ค่ายกลของจวนขานฟ้านั่น ตอนนั้นเขาชกไปหมัดเดียวก็ทำลายได้หลายค่ายกล
มานึกดูดีๆ ลองเชื่อมโยงผู้วางค่ายกลกับใบหน้าที่เหมือนเพิ่งพ้นอายุสิบห้ามาแล้ว…
ค่ายกลสยบเทพปราณกระบี่นี้น่าตกใจยิ่งนัก
เด็กสาวส่ายหน้าให้กับคำถามเกี่ยวกับเจ้าภูเขาลู่เซิ่ง
นางพูดอย่างสบายใจ “ข้าเรียนรู้ค่ายกลด้วยตัวเอง”
พอได้ยินดังนั้น
เฉาหลันก็โล่งอกก่อน จากนั้นก็ระแวงขึ้นกว่าเดิม ตั้งสติเต็มที่
ค่ายกลของลู่เซิ่ง อยู่ในเขาสู่ซานไม่ถือว่าเป็นความลับสุดยอด แม้จะไม่ใช่ทุกคนที่เรียนได้ แต่ห้าร้อยปีมานี้ก็วางในเขาสู่ซานเช่นนี้ แต่ไม่เคยได้ยินว่ามีชนรุ่นหลังคนใดผสมค่ายกลกับปราณกระบี่ ทั้งยังฝึกจนถึงระดับน่าตกใจเช่นนี้เหมือนกับเด็กสาวคนนี้
ความจริงเฉาหลันตกใจอยู่ข้างในเล็กน้อย ใจนึกว่าคนที่ทำเช่นนี้ได้เป็นดั่งขนหงส์เขากิเลน คุณสมบัติและการตระหนักรู้ของคนนี้ อย่างน้อยอยู่ในกลุ่มสุดยอดในด้านวิถีกระบี่และยันต์ค่ายกลแล้ว
เด็กสาวชะงักงัน ขณะจะพูดนั้น เฉาหลันก็โบกมือและพูดขัดก่อน “เจ้ากับลู่เซิ่งเป็นเพียงศิษย์อาจารย์ที่ยืมตำราอ่านกัน ตอนนี้ ดูแล้วเจ้าคงเป็นอัจฉริยะที่มีพรสวรรค์สุดยอด มิน่าถึงฝึกถึงขั้นนี้ได้ ข้าท่องในแดนอุดรเพียงลำพัง จนถึงตอนนี้ก็ยังเป็นผู้บำเพ็ญพเนจร ไม่เคยคลุกคลีกับขุมอำนาจใด กับเขาวิญญาณ เขาที่พำนักเทพและเขาศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย ล้วนเป็นความสัมพันธ์แบบ ‘ยืมตำรา’ ถ้าเอาตามที่เจ้าว่า ราชันดาราที่มีชื่อเสียงเกือบครึ่งของต้าสุยก็คงจะเป็นอาจารย์ของข้า”
เด็กสาวเงียบไปชั่วขณะ
เฉาหลันเลิกคิ้วขึ้นพูด “ดังนั้น เจ้าเป็นผู้บำเพ็ญพเนจรรึ”
เด็กสาวพยักหน้า “ถ้าตามที่เจ้าพูดเมื่อครู่ ก็ใช่”
“ดี ดีมาก ดีมากๆ”
เฉาหลันพูดคำว่าดีสามครั้งติดกัน หน้าบานเป็นกระด้ง ความร้อนในแววตาจุดไฟขึ้นมาอีกครั้ง เขาหมุนข้อมือและพูดอย่างอดใจรอไม่ไหว “ขอคำชี้แนะด้วย!”
บุรุษหนุ่มก้าวเท้ายาวกลางค่ายกลสยบเทพปราณกระบี่ เพิ่งเดินหนึ่งก้าวก็รู้สึกหนักบ่า เขาเงยหน้าขึ้น เห็นฝ่ามือยักษ์ลอยอยู่เหนือศีรษะ
เฉาหลันขมวดคิ้ว
ห่างไปไม่ไกล เด็กสาวยกสองแขนเสื้อ ในซอกแขนเสื้อมียันต์มากมายปลิวออกมา จุดไฟเผาเปล่งแสงสว่าง วนเวียนรอบสองคนเหมือนสายน้ำ ก่อนไหลไปรวมบนฟ้า
“นี่มันยันต์อะไรกัน” เฉาหลันหรี่ตาลง พูดงึมงำ
ยันต์แต่ละแผ่นมีสีสันและคุณภาพเหมือนกัน ลอยมาจากในแขนเสื้อเด็กสาวไม่ขาดสาย ไหลไปรวมกันบนฟ้าและซ้อนทับกัน
เผยฝานสงบจิตใจลง เอ่ยนิ่งๆ “เขาไท่ซาน”
“เขาไท่ซาน…” เฉาหลันลองยื่นมือข้างหนึ่งไปขวางยันต์ที่พุ่งเข้ามาเร็วยิ่งนั้น ฝ่ามือเหมือนกับถูกเหล็กกล้าพุ่งใส่ เขาตกใจเล็กน้อย บีบยันต์ไว้แน่น ขณะจะแบมือออก ยันต์นั้นก็เผาตัวเองเป็นเถ้าธุลี ลอยหายไป
สุดท้ายยันต์แต่ละแผ่นแนบกับค่ายกลสยบเทพเหนือลานบ้าน รวมเป็นฝ่ามือก่อน จากนั้นเป็นแขน เป็นตัว เป็นมงกุฎและฐานดอกบัว
พระพุทธองค์หนึ่ง
เฉาหลันใจโคลงเคลง เขาอุทานด้วยความตกใจ “กี่แผ่นกัน”
เด็กสาวไม่ตอบคำถามนี้ ตอนนี้ในสองแขนเสื้อนางว่างเปล่า ยันต์พวกนี้ไม่ได้ซุกในชุดกระโปรงจริงๆ แต่อยู่ในกระบี่ซ่อน ตอนนี้เอาออกมาทั้งหมด รวมขนรักแร้เป็นเสื้อขนสัตว์ รวมทรายเป็นเจดีย์ ถึงได้รวมออกมาเป็นพระพุทธองค์หนึ่งได้
เผยฝานทำท่ากดฝ่ามือ กดลงต่ำที่สุด
พระพุทธองค์นั้นพลันตกลงมา
ยันต์เขาไท่ซานเต็มฟ้า แต่ละแผ่นหนักหมื่นชั่ง พื้นจวนขุนนางรองท่องกระบี่ที่กว้างขวางยิ่งไม่เงียบสงบอีก ภายในค่ายกลสยบเทพ เฉาหลันยกสองมือขึ้น ต้านฐานดอกบัวของพระพุทธองค์นี้ไว้ จากนั้นถูกยันต์คำสั่งจมไปทันควัน
………………………