เจี้ยนกู่ เซียนกระบี่สยบหล้า - ตอนที่ 224 คนมุทะลุ
ตอนที่ 224 คนมุทะลุ
พระพุทธองค์ใหญ่แตกกระจาย เริ่มจากฐานดอกบัว ยันต์ที่เดิมทีรวมขึ้นจากแสงดาราของเด็กสาวระเบิดกระจายดัง ‘ซ่า’ ‘เขาไท่ซาน’ แต่ละแผ่นตกลงมาจากศีรษะเฉาหลัน ชั่วอึดใจเดียวก็จมผู้บำเพ็ญพเนจรที่แข็งแกร่งที่สุดในรุ่นเยาว์แดนอุดรคนนี้
ค่ายกลสยบเทพเงียบไปชั่วขณะ
เผยฝานเลิกคิ้วขึ้น ยันต์เขาไท่ซานจำนวนมากเช่นนี้ หากกดใส่ผู้บำเพ็ญต่ำกว่าขอบเขตที่สิบจริงๆ มีโอกาสสูงมากที่จะสังหารเขาลงได้ เฉาหลันรับไว้ได้ชั่วขณะเช่นนี้ ต่อให้กายและจิตเขาแข็งแกร่งกว่าปกติ ก็ต้องบาดเจ็บกันบ้างสิ
หลังเงียบไปชั่วอึดใจ เผยฝานก็หรี่ตาลงเล็กน้อย
เฉาหลันที่ถูกยันต์เหลืองกองเหมือนภูเขาฝังในนั้นเหมือนจะทำอะไรบางอย่าง
ยันต์บนยอดเขาเล็กสั่นไหว ยันต์เขาไท่ซานที่มีผลกำราบนี้ มองไกลๆ ในนั้นเหมือนมีสีแดงเพลิงผลุบๆ โผล่ๆ อยู่
จากนั้นก็ลุกลามไปอย่างรวดเร็ว เพียงสามสี่ลมหายใจ ยันต์ด้านนอกสุดก็เกิดไฟลุกพรึ่บ บุรุษในนั้นยกสองแขน ยันต์เขาไท่ซานเต็มฟ้าพุ่งออกไปดุจลูกธนู เศษกระดาษเผาไหม้ เมื่อเฉาหลันกำสองหมัดและกระเทือนไปสองด้านข้าง ก็เกิดเป็นความว่างเปล่าในระยะสามฉื่อ
ยันต์เขาไท่ซานพากันโปรยปรายลงมาเต็มไปหมด
ขณะเดียวกัน เสียงคำรามมังกรกึกก้องดังมาจากบนฟ้าค่ายกลสยบเทพ มังกรยาวสีเหลืองแหงนหน้ากางกรงเล็บรวมกันขึ้น ทั้งตัวรวมขึ้นจากยันต์ ตัวมังกรยาว กวาดสายตามองไปรอบๆ เอาศีรษะวางบนไหล่บุรุษหนุ่มอย่างเกียจคร้าน ร่างเรียวยาวมีไฟลุกขึ้นตลอดเวลา เถ้ากระดาษในนั้นไหม้หมดแล้ว เหลือเพียงเศษสีดำ มองแค่ความเฉยชาในแววตานั้นกลับเหมือนกับงูเหลือมแดงเพลิงที่ไม่เข้ากันเลย
เฉาหลันพูดด้วยใบหน้าเฉยชา “วิถีแห่งยันต์ก็ได้เท่านี้ ลูกไม้กระจอกๆ”
เขายกมือข้างหนึ่งตบหัวมังกรตรงบ่าเบาๆ จากนั้นบิดเอวก้าวเดิน คว้าหัวมังกรเหลืองปาออกไปในท่าปาหอก
พุ่งมาเร็วมาก!
เหตุการณ์นี้เหนือความคาดหมายเผยฝาน นางถือกระบี่ด้วยมือเดียว ฟันกระบี่จากบนลงล่าง มังกรยาวแดงเพลิงนั้นรวมขึ้นจากยันต์เขาไท่ซานของตน หน้าผากชนกับปลายกระบี่ก็เกิดเสียงโลหะกระทบ จากนั้นเป็นตัวยันต์ถูกฟันขาด แหวกออกจากซ้ายและขวา
ทะเลเพลิงลอยขึ้นในค่ายกลสยบเทพ
เด็กสาวเพ่งมอง ร่างเฉาหลันหายไปแล้ว
ครู่ต่อมาผู้บำเพ็ญพเนจรแดนอุดรคนนี้มาปรากฏข้างหลังเผยฝานอย่างฉับพลัน เขาเข้ามาในระยะสามฉื่อแล้ว มองลงมาจากข้างบนด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึก กำหมัดข้างหนึ่งทุบลงมาเหมือนฟ้าผ่าบนที่ราบ
หมัดนี้มากพอจะทุบบุตรศักดิ์สิทธิ์เขาศิลาเต่าตายได้ หากโดนหลังคอที่ไม่มีการป้องกันใดๆ จะสังหารนักกระบี่ทุกคนในขอบเขตที่สิบได้
เพียงแต่ตอนที่หมัดนี้จะโดนตัวเด็กสาวนั้น
กระบี่ที่ลอยอยู่นับไม่ถ้วนบนฟ้าค่ายกลสยบเทพยังคงลอยนิ่ง แต่มีประกายแสงเย็นเยียบดีดออกมาโดยพลัน พุ่งใส่แขนของเฉาหลัน
ไม่ใช่กำปั้น ไม่ใช่หน้าผาก แต่เป็นแขน
ดังนั้นทิศทางของหมัดนี้จึงเบนไปเล็กน้อย
หมัดของเฉาหลันเฉียดผ่านตัวเผยฝานอย่างเสียการควบคุม ทุบลงพื้น
ช่วงที่สบตากัน เขาเห็นเผยฝานยกมุมปากขึ้นเล็กน้อย
ชั่วอึดใจเดียว
ยันต์สีแดงใหญ่ที่แกะสลัก ‘ห้ามพูด’ แผ่นหนึ่งลอยผ่านข้างเด็กสาว ทันทีที่ไหล่สองคนชนกันก็ถูกแปะตรงหน้าอกเฉาหลัน
ห้ามพูดรึ
เฉาหลันที่อ้าปากจะพ่นลมหายใจมังกรม่านตาหรี่แคบลง ก้มหน้าตามจิตใต้สำนึก พบว่ายันต์สีแดงนั้นสลายลมหายใจในทรวงอกของเขา ยันต์นี้ใช้รับมือกับผู้บำเพ็ญศาสตร์เต๋าที่ทำปางมือท่องมนตร์โดยเฉพาะ ตอนนี้นำมาใช้อย่างเหมาะสม หากไม่ได้ยันต์นี้ พริบตาที่เฉียดผ่านกันตนก็จะพ่นเพลิงมังกรได้ พ่นลมหายใจมังกรในระยะใกล้เช่นนี้ ไม่ว่าบทสรุปเป็นอย่างไร อย่างน้อยก็ทำลายใบหน้ารูปไข่ของเด็กสาวคนนี้ได้
เขาฉีกยันต์ทิ้งด้วยความโกรธ แต่ร่างเงาชุดกระโปรงตรงหน้าเหมือนกับผีเสื้อบินผ่านดอกไม้ แปะยันต์บนตัวเขาเต็มไปหมด จากนั้นฟันอีกหนึ่งกระบี่
เฉาหลันทุบหมัดลงพื้น อีกมือยกขึ้น รับกระบี่ตรงแก้มตน
ตัวกระบี่ยาวนั้นงอเป็นลักษณะโค้งน่าเหลือเชื่อ
การปะทะของสองฝ่ายพลันระเบิดออก
เผยฝานทิ้งกระบี่ถอยไปข้างหลัง
เฉาหลันลุกขึ้น ‘ช้าๆ’ ที่ใช้คำว่า ‘ช้า’ ก็เพราะยันต์สีเขียวเข้มแกะสลักคำว่า ‘ดินโคลน’ ข้างหลังเขาจุดไฟแสงดาราขึ้น แลกกับเวลาหนึ่งพริบตา
เผยฝานเลิกคิ้วถาม “ยันต์เป็นแค่ลูกเล่นกระจอกๆ รึ”
เฉาหลันม่านตาหดลง
‘คำสาปห้าอัสนี’ ที่แปะเต็มหลังยี่สิบกว่าแผ่นพลันจุดชนวนระเบิดขึ้น เกิดสายฟ้าลอยขึ้นดังเปรี๊ยะๆ น่าเสียดายตอนนี้ไม่มีฝน ค่ายกลสยบเทพก็ปิดพลังจากภายนอก ไม่อย่างนั้นหากมีสภาพอากาศพายุฝน และยังอยู่บนที่ราบ เฉาหลันคนนี้จะกลายเป็นเป้าหมายของเคราะห์สายฟ้าทันที
เฉาหลันไม่ทันพูด ชุดคลุมสีแดงข้างหลังพลันถูกระเบิดเป็นเสี่ยงๆ เลือดเนื้อเหวอะหวะ นี่แทบจะเป็นยันต์ไล่ผีที่มีระดับสูงสุดของสำนักเต๋าแล้ว เรียกเคราะห์สายฟ้ามาสังหารพวกผู้บำเพ็ญภูตผี ต่อให้เป็นคุณชายหานเยวียในขอบเขตที่สิบ ก็ยังถูกหนิงอี้ใช้คำสาปห้าอัสนีฆ่าไปครึ่งชีวิตบนที่ราบภูเขาแดง
ร่างเฉาหลันถูกระเบิดกระเด็นออกไป
ลอยไปทางเผยฝานด้วยสภาพน่าเวทนายิ่ง
เผยฝานที่เก็บกลิ่นอายพลังรอตอนนี้มานานมากแล้ว กดนิ้วมือหนึ่งตรงสัญลักษณ์กระบี่ซ่อนพุทราแดงตรงระหว่างคิ้ว
สองคนห่างกันเพียงสองจั้ง
กระบี่บินเล่มหนึ่งมีระยะแค่สามฉื่อ
ทว่าระยะห่างระหว่างสองคนไม่ใช่แค่สองจั้ง
เพราะเผยฝานถอยไปข้างหลัง
และกระบี่บินก็ไม่ใช่แค่สามฉื่อ
กระบี่ในกระบี่ซ่อนหลายร้อยถึงพันเล่มพากันพุ่งเข้ามา
เฉาหลันที่ข้างหลังเป็นแผลเหวอะหวะและแปะยันต์เต็มไปหมดชนกับกระบี่ซ่อนที่พุ่งเข้ามา
เผยฝานทำทุกอย่างที่ทำได้แล้ว
ค่ายกล ยันต์ ไม่ใช่วิถีเล็กมาแต่ไหนแต่ไร สามพันมหามรรค ทุกวิถีคือเส้นทางใหญ่ ศาสตร์ของค่ายกลกับยันต์มักจะถูกมองข้ามและดูถูก วิถีนอกรีตสองสายนี้ ความจริงคือการรวมกำลังกายและสติปัญญาของผู้บำเพ็ญอย่างแท้จริง
หากไม่มีการคำนวณและวางแผน ก็จะใช้ยันต์ทุกแผ่นและค่ายกลทุกชนิดไม่ได้ถึงขีดสูงสุด
แข็งแกร่งอย่างเฉาหลัน อยู่ในขอบเขตที่สิบไม่มีทางใช้กำลังตัวคนเดียวข้ามได้ทั้งเมือง
แต่ปรมาจารย์ค่ายกลกับยันต์ทำได้
……
นอกค่ายกลสยบเทพ เงียบงัน
เด็กหนุ่มที่ใบหน้าร้อนแนบกับหน้าโต๊ะหิน ปลายนิ้วเหมือนจะขยับเล็กน้อย
เผยฝานถอยออกจากค่ายกลสยบเทพกลับมาข้างกายหนิงอี้
ภายในค่ายกล ปราณกระบี่มหาศาลห่อหุ้มเฉาหลันไว้ จากนั้นเป็นขั้นตอนกระบี่สังหาร นี่เป็นเรื่องที่ไม่มีสีสันฉูดฉาดใดๆ…ชนหนึ่งกระบี่แตก ก็ยังมีอีกกระบี่ ในกระบี่ซ่อนมีกระบี่จำนวนมาก แต่จุดที่น่ากลัวที่สุดคือ ‘การฟื้นฟู’ ที่มาพร้อมกับกระบี่ซ่อน ต่อให้กระบี่แตก ขอแค่ไม่เสียหายหนักก็จะกลับเข้ากระบี่ซ่อนและสร้างตัวกระบี่ขึ้นใหม่ได้
แน่นอนว่าส่งผลกับอายุขัยของกระบี่ ต่อให้สร้างขึ้นใหม่ก็ยังใช้ต่อไปได้ แต่หากถูกทำลายซ้ำแล้วซ้ำเล่า กระบี่ซ่อนก็จะฟื้นฟูไม่ได้
นี่คือการ ‘ตาย’ ของกระบี่ที่แท้จริง
ขอบเขตพลังตอนนี้ของเผยฝานใช้กระบี่ซ่อนได้เพียงส่วนเล็ก มรดกที่ท่านเผยหมินให้ไว้กับบุตรสาวของเขาต้องปลดไปทีละก้าว สิ่งที่พรั่งพรูออกมาในตอนนี้คือกระบี่ระดับธรรมดาในกระบี่ซ่อน แม้จะมีจำนวนมาก แทบจะนับไม่ถ้วน แต่กระบี่บินระดับสูงในความหมายแท้จริงกลับมีไม่กี่เล่ม
ตอนนี้เผยฝานยังใช้กระบี่ซ่อนที่แกร่งกว่านี้ไม่ได้
เผยฝานคลึงระหว่างคิ้ว นั่งลงข้างกายหนิงอี้ กดจิตใจลง บ่อเทพทะเลสาบจิตของหนิงอี้ตอนนี้เงียบสงบแล้ว
ดีที่มีหยกขาวนั้นของผู้อาวุโสฉู่เซียว…
จิตใจของเผยฝานไม่ได้สงบนิ่งนานนัก
กระบี่บินกลุ่มแรกในค่ายกลสยบเทพ ‘กลับมาแล้ว’
เผยฝานลืมตาขึ้น ขมวดคิ้ว
สิ่งที่เห็นคือภาพไร้เหตุผลจนน่าเหลือเชื่อ
เฉาหลันที่ลอยอยู่บนฟ้าค่ายกลสยบเทพ ชุดคลุมยาวไฟลุกขึ้นทั้งตัว เปลวเพลิงลุกโชติช่วง เส้นผมเขาตั้งขึ้น ทุกเส้นสีแดงเพลิง ห้านิ้วมืองอกเป็นกรงเล็บงอ พุ่งชนใส่กระบี่ง่ายๆ ต่อสู้อยู่กลางกระแสน้ำปราณกระบี่เพียงลำพัง พลังเลือดลมในกายเหมือนมหาสมุทร ไม่มีท่าทีจะเหือดแห้งเลย
“นี่จะ…ฝ่าออกมาดื้อๆ เลยรึ”
เผยฝานรู้สึกเหลือเชื่ออยู่ข้างใน
ตั้งแต่นางรับกระบี่ซ่อนมาก็รู้ถึงความร้ายกาจของวิชานี้ รู้สึกว่านี่เป็นวิชาสังหารของนักกระบี่ชั้นหนึ่งในโลก ซึ่งนางก็ได้ยืนยันความคิดนี้ที่จวนเขาครามแล้ว
กระบี่ซ่อนของท่านเผยหมินเป็นชั้นหนึ่งในโลกจริงๆ
แต่ไม่ได้หมายความว่า…กระบี่ซ่อนจะเอาชนะทุกคนได้
หากกระบี่ซ่อนไร้พ่ายจริงๆ เช่นนั้นศึกสุดท้ายในเมืองหลวง เผยหมินคงจะเอามันไปด้วยแล้ว
ถ้าจะกลัวก็กลัวคนมุทะลุที่ฝึกร่างกายจนถึงขีดสุด
อย่างเช่นเฉาหลัน
เด็กสาวเหม่อไปชั่วขณะ
กระบี่บินกลุ่มที่สองลอยกลับมาแล้ว ขณะเดียวกัน หลังกระบี่บินกลุ่มแรกสร้างตัวกระบี่ขึ้นมาใหม่ก็พุ่งเข้าไปในค่ายกลสยบเทพ
จากนั้น กระบี่บินแตกหักกลุ่มที่สามถอยออกมาจากค่ายกล
เผยฝานหน้าซีดขาวเล็กน้อย
บุรุษคนนั้นในค่ายกลสยบเทพ ตอนนี้สู้อย่างบ้าคลั่ง กระบี่ซ่อนคุมไว้ไม่อยู่แล้ว เขาชินกับแรงกดดันของค่ายกลสยบเทพแล้ว
ยันต์บนตัวเฉาหลันเผาไหม้หมดแล้ว เปลวเพลิงวนเวียนข้างหลัง อาการบาดเจ็บทางกายกลับมาเป็นปกติ และยังเหนือขึ้นกว่าก่อน
ยิ่งสู้ยิ่งกล้าหาญ!
เขาทำลายกระบี่บินเต็มฟ้า กระบี่บางเล่มถูกเขาบีบแตกคามือ คนบ้าเช่นนี้ ถึงขั้นเอาเศษกระบี่ใส่ปากเคี้ยว กระบี่บินพวกนี้ กระบี่ซ่อนก็ซ่อมแซมไม่ได้แล้ว
เผยฝานรีบใช้นิ้วมือกดระหว่างคิ้ว ใช้กระบี่ซ่อนเรียกกระบี่บินแตกกลับมา
เฉาหลันแค่นยิ้ม มองไปในทิศทางที่กระบี่บินรวมกัน กำหนดเป้าหมายเผยฝานนอกค่ายกล
เขาลงพื้นก่อนจะออกแรงอย่างฉับพลัน จะลองฝ่าค่ายกลสยบเทพ
พื้นดินแตกเป็นใยแมงมุม
เฉาหลันเอาหัวไหล่ชนค่ายกลสยบเทพ ทั้งค่ายกลถูกแรงป่าเถื่อนของเขาชนสั่นสะเทือน
ค่ายกลทำลายได้อย่างไร?
หากเป็นปรมาจารย์ค่ายกล ก็จะทำไปตามขั้นตอน หาตาค่ายกล ถอนของวางค่ายกล ทำลายค่ายกล
แต่สำหรับเฉาหลันที่ใช้สองหมัดท่องแดนอุดรคนนี้แล้ว การทำลายค่ายกลก็ยังเป็นคำนั้นมาตั้งแต่แรก
หนึ่งกำลังทำลายหมื่นวิชา
ไม่ว่าจะค่ายกลขังเทพหรือค่ายกลสยบเทพที่แข็งแกร่งดุจบ่อทองของเจ้า ก็แค่หาทิศทางพุ่งชนไปเรื่อยๆ ชนจนค่ายกลแหลกเป็นเสี่ยงๆ ก็พอ
การชนครั้งนี้ทำให้ค่ายกลสยบเทพสั่นสะเทือนและเกิดรอยแตกร้าวขึ้น
เฉาหลันพ่นเศษกระบี่ออกมาจากในปากดังถุย แววตาเย็นชา ถอยไปครึ่งก้าวจากนั้นพุ่งชนดุจภูเขาเหล็กอีกครั้ง
เกิดเสียงดังครึกโครมครั้งที่สอง ค่ายกลสยบเทพถูกชนจนเห็นรอยแตกที่ตาเนื้อมองเห็น
ภายในจวน เสียงดังขึ้นเรื่อยๆ
แววตาเผยฝานสับสนเล็กน้อย มองเฉาหลันพุ่งชนหลายต่อหลายครั้ง ไม่สนใจโอกาสเหมาะใดๆ ทั้งนั้น จนถึงตอนนี้ร่างกายอีกฝ่ายยังคงไม่บาดเจ็บอะไรเลย ตนทำให้เขาบาดเจ็บไม่ได้เลย…โลกนี้มีตัวประหลาดเช่นนี้ด้วยหรือ
เฉาหลันถอยไปครั้งที่สาม
ดูจากสภาพการณ์แล้ว ชนมากสุดสองครั้ง ค่ายกลสยบเทพก็จะพังลง
เด็กสาวส่ายหน้า จิตใจนางไม่สงบนิ่งอีก นางกัดริมฝีปาก เตรียมจะปลดขอบเขตที่สูงกว่าของกระบี่ซ่อน
เสียงอ่อนแรงดังมาจากโต๊ะหินช้าๆ
“เจ้านี่เป็นคนมุทะลุ…”
นัยน์ตาเด็กสาวทอประกายดีใจเสี้ยวหนึ่ง นางหันไปมอง หนิงอี้ลุกขึ้นยืนแล้ว ใบหน้ายังขาวซีด แต่สายตาที่มองไปในค่ายกลสยบเทพกลับระยิบระยับ
“การรับมือกับคนมุทะลุที่แม้แต่ค่ายกลสยบเทพยังเอาไม่อยู่ มีเพียงวิธีเดียว…”
หนิงอี้ยืนข้างกายเด็กสาว ตบบ่านางก่อนพูดอย่างมีความหมายลึกซึ้ง “ต้องมุทะลุกว่าเขา”
………………………..