เจี้ยนกู่ เซียนกระบี่สยบหล้า - ตอนที่ 239 น้ำตก
ตอนที่ 239 น้ำตก
ปราณกระบี่พุ่งขึ้นบนเขา
ใต้ภูเขา ชุดคลุมดำถูกลมพัดขึ้น ท่านหญิงพิณอ้อยอิ่งที่นั่งตระหง่านอยู่บนบันไดหิน แววตามึนเมาหายไป กล่องพิณถูกนางตบทีหนึ่ง
นางพูดคำว่า ‘ชี้แนะ’ จบ กล่องพิณนั้นพลันเปิดออก
พื้นที่ระหว่างสองคนพลันถูกคลื่นเสียงพุ่งเข้ามา กางเป็นปราการบนพื้น
หนิงอี้หรี่ตาลง ยื่นมือข้างหนึ่งมาดันเด็กสาวไว้ข้างหลัง
หนิงอี้ถอนหายใจเบา “ถ้าอย่างนั้นก็ให้จบลงที่ตรงนี้”
ที่นี่คือสำนักศึกษา เขากับท่านหญิงพิณเป็นสหายกัน เห็นสภาพกึ่งเมาของนางแล้ว เห็นทีคงจะเลี่ยงศึกในวันนี้ไม่ได้ ตนออกมือได้ไม่เป็นไร ไม่ทำลายมิตรภาพระหว่างกัน
หนิงอี้แค่สงสัยอยู่ในใจ
อ้อยอิ่งดื่มสุราอะไร
ผู้บำเพ็ญขอบเขตพลังอย่างนาง ต่อให้ไม่ใช้แสงดาราสลายฤทธิ์สุรา ก็ยากจะอยู่ในสภาพเมามายเช่นนี้ได้
หรือเป็นเพราะเรื่องใดกัน ที่ทำให้ท่านหญิงใหญ่คนนี้ไม่อาจสงบจิตใจฝึกบำเพ็ญได้…ต้องใช้สุราแก้กลุ้ม
หญิงชุดดำนั่งบนบันไดหิน ตะโกนเสียงแหลมเล็ก “เข้ามา!”
กล่องพิณน้ำตกเปิดออก
หนิงอี้ไม่หันไปมอง แต่พูดกับเด็กสาวด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลและจริงจัง “เจ้าคอยดูก็พอ”
คลื่นลมหมื่นจั้งออกจากกล่องพิณ ฟ้าดินมืดครึ้ม เหมือนมีน้ำตกลงมาจากบนฟ้า คลื่นลมตกลงมาเป็นเส้นสาย พลันกระทบบ่าหนิงอี้ กระแทกเด็กหนุ่มซวนเซไปเล็กน้อย ไหล่ซ้ายขวาโคลงเคลงไปมา แต่ไม่นานก็กลับมาเป็นปกติ
มหามรรคเสียงพิณ กดลงถึงจิตวิญญาณ
เกิดคลื่นลูกใหญ่ขึ้นในบ่อเทพของหนิงอี้
เขามีใบหน้าเรียบเฉย ไม่มีความสั่นคลอนแม้แต่นิด ไม่เห็นความเจ็บปวดเลย
บนฟ้าทะเลสาบจิต จิตกระบี่ประจำตัวนั้นโคลงเคลง ธุลีสิ้นแสงกำเนิด ส่องสว่างทั้งบ่อเทพ
ภายใต้การเสริมพลังด้วยจิตกระบี่ทุกสรรพสิ่ง จิตวิญญาณของหนิงอี้แข็งแกร่งไร้เทียมทาน
เจียงเหมียนเฟิงดวงตาสว่างไสวขึ้นเรื่อยๆ นางยกสองมือกดไปข้างล่าง
กล่องพิณหมุนกลับ พิณโบราณเอียงตัวไหลออกมา
น้ำตก!
พิณโบราณนี้คือ ‘สร้อยมุกน้ำตก’ สมบัติสุดยอดของสำนักศึกษาถ้ำกวางขาว หัวพิณหางพิณกลม ผ่านมาไม่รู้กี่ปี มีกลิ่นอายเก่าแก่ ฐานสีชาดเงาเล็กน้อย เห็นได้ชัดว่าผ่านการเคลือบเงา ออกเป็นสีเปลือกเกาลัด
พิณโบราณน้ำตกถูกแรงกระเทือนขึ้น ลอยอยู่กลางอากาศพริบตาหนึ่ง ทำให้ได้เห็นโฉมหน้าทั้งหมด ไหล่อยู่ระหว่างสายที่สองกับสาม สายพิณทองข้างใต้หยก ตรงท้องงูมีลายสายน้ำไหลเล็กและขนวัว ลักษณะยาวเป็นบ่อมังกรบึงหงส์ ทางขวาของบ่อแกะสลัก ‘สร้อยมุกน้ำตก’ ตรงกลางบ่อมังกรสลัก ‘นักพรตอวิ๋นอันแห่งราชวงศ์หวงหมิงสร้างพิณด้วยตนเอง’
นักพรตอวิ๋นอัน ผู้ริเริ่มสายเลือดท่านหญิงพิณ ยอดฝีมือเมื่อไม่รู้กี่ปีก่อน มีสัมพันธ์แน่นแฟ้นกับสำนักศึกษาและสำนักเต๋า ไม่ใช่แค่ถ้ำกวางขาว ได้ยินว่าในสำนักเต๋าก็มีสมบัติและมรดกของนักพรตอวิ๋นอัน
พิณโบราณนั้นลอยอยู่กลางอากาศ
อ้อยอิ่งใช้สองมือกดสายพิณ ดูเหมือนกดลง แต่ความจริงลอยอยู่ ปลายนิ้วไม่ได้สัมผัสเลย
นางชะงักไปเล็กน้อย
จากนั้นกดสายพิณ
สร้อยมุกน้ำตกพลันกดลง ทั้งหลังพิณกดอยู่ตรงหัวเข่าตามสิบนิ้วมือนาง สิบนิ้วสองมือท่านหญิงพิณกลายเป็นเงามายาที่เร็วจนมองไม่ชัด แต่ดีดพิณอย่างอ่อนช้อย มีเสียงดังมาจากในแขนเสื้อ คลื่นเสียงไร้รูปลอยออกมาเหมือนน้ำตก ทุกคลื่นเสียงฟันออกเป็นลักษณะโค้ง และยังเกิดเสียงระเบิดจากพิณน้ำตก ตัวพิณโบราณเหมือนกับสาดฝุ่นกระจายออกไป
ชุดคลุมดำโบกสะบัด ท่านหญิงพิณมีใบหน้าเฉยเมย ชำเลืองตามองทีหนึ่ง เพ่งสายตามองเด็กหนุ่มตรงกลางสุดของเพลงสังหาร
หนิงอี้กอดกระบี่ยาวโบราณนั้นของเด็กสาว
นี่ไม่ใช่กระบี่มีชื่อ เป็นเพียงกระบี่ธรรมดา เอามาจากกระบี่ซ่อน หลังเช็ดทำความสะอาดก็ยังมีกลิ่นธุลีที่ล้างไม่สะอาด เด็กสาวกอดไว้จะดูตัวเล็กกระบี่ใหญ่ แต่ถ้าหนิงอี้กอดไว้ กลับมีทำนองร่อนเร่โดดเดี่ยวเฉยชา
หนิงอี้ปล่อยกระบี่ยาวนั้น ปล่อยให้มันตกลงพื้น
ทันทีที่ฝักกระบี่จะปักลงพื้นนิ่มนั้น หนิงอี้เตะเท้าที่ฝักกระบี่เบาๆ
ปรากฏวงกลมโค้งเจ็ดร้อยยี่สิบองศาขึ้นข้างหน้า
คว้ากระบี่
กระเทือนฝัก
ฝักกระบี่นั้นระเบิดออกกลางคลื่นเสียงบนฟ้า
แสงสว่างสีขาวหิมะสว่างตรงหน้าหนิงอี้
ทาครั้งที่สอง ทาครั้งที่สาม แสงกระบี่สว่างจ้าก่อนหน้ายังไม่ทันหายไป แสงข้างหลังก็ฟันออกไปแล้ว ขยายจากบนลงล่าง ฟันจากซ้ายไปขวา ฟันเป็นครึ่งวงกลม ปาดขึ้นจากพื้น
ปราณกระบี่เหมือนนกยูงรำแพนหาง
เจียงเหมียนเฟิงขยับนิ้วเร็วขึ้น นางไม่พูดไม่จา แขนเสื้อมุมหนึ่งฉีกขาดออก
หนิงอี้คีบสองนิ้วลากบนตัวกระบี่โบราณจนเกิดสะเก็ดไฟ
เขาเริ่มวิ่ง
ระยะห่างระหว่างสองคนเดิมทีใกล้มากอยู่แล้ว ตอนนี้กลับเหมือนห่างเพียงแม่น้ำใหญ่
หนิงอี้เหยียบบนแม่น้ำ ใต้เท้าเป็นคลื่นยักษ์ อาจจะถูกจมลงได้ทุกเมื่อ
น้ำตกพลิกกลับ ปกคลุมลงมา
ตัวกระบี่ยาวโบราณส่งเสียงแตกหักขึ้น
ปากกระบอกแขนเสื้ออ้อยอิ่งถูกลมพัดขึ้น ฉีกขาดไม่หยุด เผยแขนขาวหิมะส่วนเล็กๆ ไหสุราตรงเอวนางระเบิดออกทันที
หนิงอี้ถือกระบี่โบราณนั้นวิ่งเข้าไป ยิ่งวิ่งก็ยิ่งห่างจากสุดทางของแม่น้ำใหญ่นั้น
หญิงชุดดำที่นั่งบนฝั่งเงยหน้าขึ้น สบตากับหนิงอี้
วิชาลับจิตวิญญาณ!
หนิงอี้ร้องออกมาทีหนึ่ง กันจิตกระบี่ไว้
ผิวแม่น้ำใหญ่พลันกระเซ็นขึ้น
ใต้ภูเขาซ่อนกระบี่เงียบสงัด
หนิงอี้เหงื่อออกทั้งตัว ปลายกระบี่เขาเฉียดผ่านแก้มท่านหญิงพิณ กรีดเป็นรอยเลือดเส้นหนึ่ง
อ้อยอิ่งยังคงอยู่ในท่านั่งบนบันไดหิน
กล่องพิณของนางไม่เคยเปิดออกเลย กล่องพิณน้ำตกที่ทั้งหนักและใหญ่ตั้งอยู่ทางขวาของนางเช่นนี้
สิบนิ้วมือวางบนตัก ตอนนี้กดลงถึงอาภรณ์
เจียงเหมียนเฟิงหน้านิ่งมาก ในแววตาไม่เห็นความมึนเมาแม้แต่น้อย นางมองหนิงอี้พลางพูดขึ้น “คุณชายหนิงอี้ จบลงเท่านี้เถอะ”
คำว่าจบลงเท่านี้กระเพื่อมในทะเลสาบจิตของหนิงอี้
ตัวกระบี่โบราณพลันเกิดรอยร้าวขึ้นรอยหนึ่ง
จากนั้นเป็นรอยที่สอง รอยที่สาม ก่อนแตกออกเป็นใยแมงมุม กระบี่ยาวเก่าแก่นั้นแตกเป็นเสี่ยงๆ กระจายไปข้างแก้มและบนไหล่ท่านหญิงพิณ ก่อนจะตกลงบนบันไดหิน
หนิงอี้พบว่าอาภรณ์ข้างหลังตนชุ่มไปด้วยเหงื่อ
เขาจ้องท่านหญิงพิณ “ยังไม่เปิดกล่องสร้อยมุกน้ำตกรึ”
ท่านหญิงพิณพูดเสียงเบา “ยัง”
หนิงอี้ถามต่อ “เจ้าเองก็ไม่ได้เมาใช่หรือไม่”
ท่านหญิงพิณนิ่งไปก่อนจะตอบกลับ “คุณชายหนิงอี้อยากให้ข้าเมารึ”
หนิงอี้มีสีหน้าซับซ้อน ปั่นป่วนในความคิด เขาก้มหน้าลงมองเศษไม้บนพื้น นั่นคือไหสุราไม้เถาแตก
สิ่งที่ตนเห็นเมื่อครู่เป็นภาพมายาที่ท่านหญิงพิณรวมขึ้นจากพลังหรือว่าเกิดขึ้นจริงกันแน่
มหามรรคแห่งดนตรี จู่โจมถึงจิตวิญญาณเป็นหลัก
ตนติดกับวิถีของท่านหญิงพิณตั้งแต่เมื่อไรกัน ตั้งแต่ตอนเริ่มสู้กันด้วยจิตวิญญาณหรือ
หนิงอี้มองอาภรณ์ของท่านหญิงพิณ เขาพบว่ากระบอกแขนเสื้อของเจียงเหมียนเฟิงยังเหมือนตอนที่เพิ่งเห็นเมื่อครู่ เป็นรอยฉีกขาด ภายใต้แรงปะทะปราณกระบี่ของตน แขนเสื้อขาดไปส่วนเล็กๆ เผยแขนขาวหิมะไร้ที่ติ
เขาไม่ได้ใช้ ‘พินิจเหมันต์’ ท่านหญิงพิณเองก็ไม่ได้ใช้ ‘น้ำตก’
หนิงอี้พูดปลง “ได้เรียนรู้แล้ว”
เขาอยากจะพูดแต่ก็เงียบไป
หากเมื่อครู่สิ่งเหล่านั้นเป็นของปลอม เช่นนั้นอะไรคือความจริง
เขาไม่ได้พูดประโยคนี้ออกมา
อ้อยอิ่งเหมือนจะอ่านความคิดหนิงอี้ออก นางก้มหน้าลง นำผ้าดำมาปิดใบหน้าอีกครั้ง ก่อนพูดเสียงเบา “ยามที่ความจริงคือปลอม ปลอมก็คือความจริง พวกนี้เป็นแค่…อุบายเล็กๆ เท่านั้น”
ในคำพูดนางมีการเย้ยเยาะตัวเอง
หนิงอี้มองท่านหญิงพิณ พบว่าแววตาท่านหญิงใหญ่คนนี้ไม่ได้สงบนิ่งขนาดนั้น
เขาพูดอย่างจริงจัง “อยากดื่มสุราจริงๆ เมื่อไรก็มาหาข้าได้”
ท่านหญิงพิณอึ้งงัน
ระหว่างที่สองคนคุยกัน
เกิดแสงสว่างสายหนึ่งพุ่งขึ้นฟ้าจากบนยอดภูเขาซ่อนกระบี่ กระบี่บินลอยเต็มฟ้า พุ่งลงมาเหมือนไข่มุกเล็กใหญ่ตกลงบนถาดหยก กลับเข้ามาในที่ซ่อนตัวกลางหินภูเขาอีกครั้ง
พายุพัดเข้ามา หนิงอี้ยกมือข้างหนึ่งมาบังใบหน้า เศษหินพัดมาจากยอดเขา บ้างถูกปราณกระบี่และแสงดาราทำลายเป็นเศษระหว่างพุ่งเข้ามา แต่โดนอาภรณ์ก็ยังเกิดเสียงแตกชัดเจน
สามคนมองไปบนภูเขา
“ท่านหญิงสุ่ยเยวี่ยทะลวงพลังสำเร็จรึ”
บนเขาซ่อนกระบี่ ต้นไม้ใบหญ้าพลิ้วไหว ผ่านไปหลายสิบลมหายใจ ยันต์ค่ายกลก็ลอยขึ้นมา
“เป็นอาจารย์คุ้มกันให้อาจารย์อาสุ่ยเยวี่ย” เจียงเหมียนเฟิงหยิบกล่องพิณขึ้น จี้หยกตรงอกนางสั่นไหวหลายครั้ง ท่านหญิงพิณหยิบจี้หยกขึ้นมากวาดสายตามอง ก่อนจะโล่งอก พูดด้วยความดีใจ “อาจารย์อาทะลวงพลังสำเร็จแล้ว”
ท่านหญิงพิณหมุนตัวกลับมามองหนิงอี้กับเผยฝาน ก่อนพูดอย่างจริงจัง “ทั้งสองท่าน ตามข้าขึ้นเขามา”
เดินขึ้นเขาจนมาถึงหอไผ่
หอไผ่นั้นถูกเพลิงมรรคถล่มลงมาแล้ว คัมภีร์บางส่วนในหอไผ่ได้ซูมู่เจอใช้วิชานิพพานย้ายออกมา ทำให้เก็บรักษาไว้ได้ทั้งหมด
เพลิงมรรคยังคงลุกไหม้ในหอไผ่ ตรงกลางเป็นร่างเงาหญิงชุดคลุมเต๋านั่งขัดสมาธิ
สองมือสุ่ยเยวี่ยเหมือนประเคนของบางอย่าง สิ่งนั้นไหม้หมดแล้ว ควันดำพวยพุ่ง สุดท้ายลอยหายไป
บนยอดเขามีดาราสามดวงลอยอยู่เงียบๆ
“ขอบเขตราชันดารา…” หนิงอี้พูดปลงเสียงเบา มองซูมู่เจอพลางพูดขึ้น “ยินดีกับผู้อาวุโส และก็ยินดีกับสำนักศึกษาด้วย”
ซูมู่เจอมีความดีใจบนใบหน้านิดๆ นางพยักหน้าพูด “นี่เป็นเรื่องดี…เพียงแต่เมื่อครู่ เกือบจะแย่แล้ว”
หนิงอี้มองสุ่ยเยวี่ย พบว่าชุดคลุมเต๋าของนางยังมีเพลิงมรรคลุกไหม้ นี่เป็นการเผาจากในไปสู่นอก ตอนนี้มอดดับลงช้าๆ…ท่านหญิงสุ่ยเยวี่ยทะลวงพลังสำเร็จแล้ว ตอนนี้นั่งอยู่กลางหอไผ่ เชื้อไฟเพลิงมรรคดับลงเป็นความว่างเปล่า ตอนนี้วนเวียนรอบนาง ไม่มีแนวโน้มจะรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ อีก แต่ค่อยๆ เบาลง ดูท่าอีกไม่นานคงจะดับลง…เพลิงมรรคที่เผาจากในไปสู่นอกพวกนี้ หมายความว่าจริงๆ แล้วสุ่ยเยวี่ยทะลวงพลังล้มเหลว
นางละทิ้งการรวมดาราชะตาดวงที่สาม
แต่เพราะเหตุใดกัน…
เขารู้สึกถึงกลิ่นอายคุ้นเคยบนยอดเขา
หนิงอี้เม้มริมฝีปาก หน้าซีดขาว
เขามองเด็กสาว พบว่าเผยฝานก็มีสีหน้าเช่นเดียวกัน
นี่มัน…กลิ่นอายพลังของสวีจั้ง!
………………………..