เจี้ยนกู่ เซียนกระบี่สยบหล้า - ตอนที่ 254 ไป๋หลง
ตอนที่ 254 ไป๋หลง
“เจ้าชื่ออะไร เหตุใดข้าไม่เคยเจอเจ้าเลย”
บุรุษหนุ่มขมวดคิ้วขึ้น มองเด็กสาวสวมหมวก
เขาชำเลืองตามองกวางอ่อนแอที่มีแววตาคับแค้นใจนั้นก่อนจะส่ายหน้า “ช่างเถอะ จบเรื่องแล้ว เจ้ากับข้าเป็นแค่จอกแหนกับน้ำมาพบกัน แต่ต้องเตือนเจ้าไว้หน่อย ในลานล่าสัตว์ภูเขาสนไม่ได้มีแค่สัตว์อ่อนแอ แต่ยังมีปีศาจที่จับมาจากนอกกำแพงเมืองแดนอุดร อายุใกล้จะเข้าสู่พันปีแล้วเหมือนหลีเม่ยตัวเมื่อครู่ สามกรมควบคุมลานล่าสัตว์ภูเขาสนไว้อย่างดี แต่ก็ควบคุมแค่ไม่ให้ปีศาจพวกนี้ออกจากภูเขาสน ฝึกบำเพ็ญที่นี่จะต้องระวังตัวไว้”
พูดจบ เขาก็โยนป้ายคำสั่งไปอันหนึ่ง
สวีชิงเยี่ยนยื่นมือไปรับตามสัญชาตญาณ ป้ายคำสั่งนี้กลม ลักษณะโค้งเรียวยาว ด้านบนสลักลายไว้อย่างประณีต เป็นมังกรขาวที่เดิมทีนอนหมอบและตั้งท่าจะลุกขึ้น
หญิงชุดแดงหงลู่ที่นอนเกาะบนหลังม้าเห็นแบบนั้นก็ถึงกับร้องตกใจอย่างอดไม่ได้
“องค์…”
เขายกมือขึ้น ไม่ให้นางพูด
หญิงบนหลังม้ามีสีหน้าแปลกใจ
“เจ้ารับป้ายคำสั่งนี้ไป” บุรุษที่ไม่รู้เป็นใครมองเด็กสาวสวมหมวกตรงหน้า แม้จะไม่เคยเห็นใบหน้าแท้จริง แต่นางก็มีรูปร่างอรชรจริงๆ ชุดคลุมตัวใหญ่บดบังรูปร่าง แต่ก็ยังมองเห็นว่าเป็น ‘หญิงงาม’ ที่หาได้ยาก
เขาได้ร่างเค้าโครงของอีกฝ่ายในความคิดคร่าวๆ แล้ว
คนที่มีสิทธิ์ได้เข้ามาฝึกในลานล่าสัตว์ภูเขาสน ใครบ้างไม่ใช่ผู้มีอำนาจในราชวงศ์
เด็กสาวคนนี้ยังไม่มีพลังบำเพ็ญ ในตัวก็ไม่มีกลิ่นอายแสงดาราแม้แต่น้อย
ราชวงศ์ต้าสุย มีกฎและเงื่อนไขกับขอบเขตพลังบำเพ็ญของชนรุ่นหลังสายตรงอย่างเข้มงวด
หากคุณสมบัติบำเพ็ญแย่เกินไป นั่นหมายความว่าสายเลือดไม่บริสุทธิ์ สายเลือดอ่อนแอ มีโอกาสที่จะถูกไล่ออกจากสายตรง ตกต่ำลงแล้วก็ตกต่ำลงได้อีก
ดังนั้นเด็กสาวคนนี้ไม่มีทางเป็นสายเลือดหลักในราชวงศ์
เด็กสาวธรรมดาที่ไม่มีพลังบำเพ็ญมาลานล่าสัตว์ภูเขาสน เพียงเพื่อล่ากวางที่มีให้เห็นทุกที่หรือ
บุรุษหนุ่มยิ้ม เขากลับคิดว่าเด็กสาวคนนี้กำลังล่าสัตว์จริงๆ เพียงแต่เหยื่อไม่ใช่กวางโง่ตัวนี้…แต่เป็นความร่ำรวยในภายภาคหน้า รวมถึงอนาคตอันสวยงามจาก ‘คนใหญ่คนโต’
หากไม่มีอะไรผิดพลาด เด็กสาวคนนี้ได้ป้ายมังกรขาวของตนไปแล้ว น่าจะดีใจไม่ไหว จากนั้นคงแสร้งทำเป็นหาโอกาสถอดหมวก เผยใบหน้าแท้จริง
เพียงแต่สตรีที่อยู่ในอ้อมกอดเขาตอนนี้เป็นหญิงงามที่สุดแห่งยุค ที่ทั่วทั้งต้าสุยก็หาได้ยาก
ก่อนหน้านี้ตอนที่เด็กสาวสวมหมวกเห็นหงลู่ก็ยังทำสีหน้าตกใจอย่างชัดเจน
เขาอยากรู้นัก คนที่อยู่เบื้องหลังที่คิดจะ ‘ยั่ว’ เขา มีกลอุบายใดกันแน่
บนเนินเขาภูเขาสน
หลังเงียบไปช่วงสั้นๆ
เด็กสาวถามด้วยความฉงน
“นี่คืออะไร”
สวีชิงเยี่ยนชูป้ายคำสั่งสลักมังกรขาวที่กำลังตั้งท่าจะลุกนี้ขึ้น
เพ่งสายตามองบุรุษตรงหน้าผ่านผ้าปิดหน้า
ดังนั้นความเงียบบนเขาจึงแปรเปลี่ยนเป็นสงัด
หงลู่ที่นอนเกาะบนหลังม้ามีสีหน้างุนงง นางเผลอมององค์ชายของตนตามสายตาของเด็กสาวสวมหมวก
ทางด้านบุรุษวัยหนุ่มดูคาดไม่ถึงอย่างชัดเจน…ว่าเด็กสาวจะถามคำถามนี้
นางไม่รู้ว่านี่คืออะไร
เขาจับจ้องเด็กสาวสวมหมวก
ตอนเด็กๆ อาจารย์บอกเขาว่า โลกนี้มีสองอย่างที่สำคัญที่สุด
หนึ่งคือไม่เข้าใจแต่แสร้งเข้าใจ อีกอย่างหนึ่งเข้าใจแต่แสร้งไม่เข้าใจ
เขามองการกระทำของเด็กสาวสวมหมวก อากัปกิริยารวมถึงท่าทางหยุดชะงัก มองออกได้ว่า…นางไม่รู้จริงๆ ว่าป้ายคำสั่งนี้คืออะไร
บุรุษวัยหนุ่มพูดไม่ออกเล็กน้อย เขาเอ่ยเบาๆ “นี่คือ…ป้ายคำสั่งมังกรขาว”
“อ้อ…”
สวีชิงเยี่ยนเข้าใจแจ่มแจ้งแล้ว นางใช้แขนเสื้อเช็ดละอองน้ำที่เกาะบนป้ายคำสั่งมังกรขาว
นี่ก็คือไม่เข้าใจแต่แสร้งทำเป็นเข้าใจ
บุรุษวัยหนุ่มเลิกคิ้วขึ้น “เจ้าไม่มีอะไรอยากจะพูดอีกรึ”
สวีชิงเยี่ยนครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ก่อนจะพูดชม “ป้ายคำสั่งมังกรขาวสวยมาก”
คำชมจากใจจริงนี้ทำให้บุรุษวัยหนุ่มพูดไม่ออกหนักกว่าเดิม เขาอยากจะพูดบางอย่าง แต่กลับไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรดี หรือพูดอะไรได้บ้าง
เขาให้ป้ายคำสั่งนี้ พร้อมกับพูดอะไรไปเล็กน้อย
การกระทำเหล่านี้เป็นการ ‘ชี้นำ’ ที่มากพอแล้ว…ทว่าเด็กสาวกลับไม่ได้เปิดหน้าให้ตนเห็นใบหน้างามตามที่คิดไว้
นี่ก็คือเข้าใจแต่แสร้งทำเป็นไม่เข้าใจ
บุรุษวัยหนุ่มมองเด็กสาวสวมหมวกที่เป่าไอร้อนและเอาแขนเสื้อเช็ดป้ายคำสั่ง เนื่องด้วยฐานะสูงส่งของตน เขาจึงอดใจไม่ยื่นมือไปชิงป้ายคำสั่งมังกรขาวนั้นกลับมา
“ข้ายังมีอีกคำถามหนึ่ง” สวีชิงเยี่ยนเช็ดป้ายคำสั่งนี้จนสะอาดแล้วก็มองบุรุษมวยผมกลม “ป้ายคำสั่งมังกรขาวนี่หมายถึงอะไรอีก ใช้อย่างไร เจ้าให้ข้าเพื่ออะไร”
คราวนี้หมดคำจะพูดจริงๆ แล้ว
บุรุษวัยหนุ่มยิ้ม “นี่เป็นเครื่องประดับสวยงาม ข้าให้ป้ายคำสั่งนี้กับเจ้าก็เพราะอยากเห็นว่าเจ้าหน้าตาเป็นอย่างไร”
“อ้อ…”
ครั้งนี้สวีชิงเยี่ยนเข้าใจจริงๆ แล้ว
นางเช็ดป้ายคำสั่งนั้นจนสะอาดแล้วก็ส่งคืนไป ก่อนพูดนิ่งๆ “ถ้าอย่างนั้นก็คืนให้เจ้า”
บุรุษผู้นั้นเอียงศีรษะ ไม่กล้าเชื่อสิ่งที่ตนได้ยิน
เขาเป็นถึงองค์รัชทายาทผู้ยิ่งใหญ่ ทั้งของที่ให้ไป ทั้งน้ำที่สาดออกไป!
ไม่อยากเชื่อว่าจะมีคนไม่รับ
ไม่อยากเชื่อว่าจะมีคนกล้าไม่รับ
ไม่มีการตอบสนองอื่น เขาเผลอยื่นมือไปรับไว้
ทันทีที่รับป้ายคำสั่งนี้ ก็ได้สัมผัสกับผิวของเด็กสาวในชั่วพริบตา
ดวงตาเขาหรี่แคบลง ปลายนิ้วเหมือนถูกไฟดูด
นี่เป็นความรู้สึกที่ไม่เคยสัมผัสมาก่อน
ความรู้สึกนี้เหมือนสายลมเบาพัดผ่านส่วนลึกในใจ แม้จะแค่พริบตาเดียวก็ยังอบอุ่นเหมือนใบไม้ผลิ
เหมือนปลาที่กำลังจะแห้งตายได้น้ำ เหมือนคนป่วยทรมานได้ลองยา
บุรุษลิ้มลองรสชาตินี้อย่างละเอียด…นัยน์ตาเขาฉายแววซับซ้อน ความรู้สึกนี้ หลังจากเขาเงยหน้าขึ้นก็ปกปิดไว้อย่างดี แม้แต่หงลู่บนหลังม้าก็ยังไม่สังเกตเห็น
บุรุษวัยหนุ่มมองเด็กสาวสวมหมวกด้วยใบหน้าเคร่งขรึม อีกฝ่ายนั่งยองบนพื้นแล้ว เป่าดับกองไฟ จูงกวางนั่นให้เดินตาม ปัดๆ ฝุ่นตามตัว เตรียมจะลงเขา
สวีชิงเยี่ยนเดินมาข้างหงลู่ก่อน ชมอย่างจริงจังและขึงขัง “พี่สาวงดงามมาก”
หงลู่หน้าอึ้งไปเล็กน้อย ก่อนจะปิดปากหัวเราะ ไม่ได้เขินอะไร นางหัวเราะจนน้ำตาแทบเล็ดออกมา
สวีชิงเยี่ยนเดินมาหน้าบุรุษวัยหนุ่มก่อนพูดอย่างจริงจัง “อาจารย์บอกข้าว่าจะเปิดผ้าปิดหน้าตามใจไม่ได้ คุณชายเองก็บอกข้าว่าอย่ารับของจากคนแปลกหน้าง่ายๆ ดังนั้น…ป้ายคำสั่งนี้สวยจริง แต่ข้ารับไว้ไม่ได้”
“อาจารย์กับคุณชายรึ ใครกัน” บุรุษวัยหนุ่มได้ยินดังนั้นก็เกาศีรษะ เขาไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี ก่อนจะชี้ไปที่ตัวเอง “คนแปลกหน้า หมายถึงข้ารึ”
คำถามแรกสวีชิงเยี่ยนยังครุ่นคิด แต่กับคำถามหลัง นางพยักหน้าอย่างไม่ลังเล
บุรุษมวยผมกลมเห็นเด็กสาวสวมหมวกพยักหน้าเป็นเรื่องเป็นราวแล้วก็อดขำไม่ได้
น่าสนใจๆ
สวีชิงเยี่ยนไม่รู้จะอธิบายคำว่าอาจารย์กับคุณชายกับคนคนนี้อย่างไร…สุดท้ายนางก็ได้แต่พูดไปเช่นนี้
“อาจารย์เป็นคนที่ข้าคิดว่าเก่งมาก คุณชายก็เป็นคนที่ข้าชอบมาก”
พูดจบ นางก็จูงกวางนั่นไป
“นี่ก็ดึกแล้ว ข้าต้องไปแล้ว”
นางโค้งตัวแสดงความเคารพจากใจจริง
เป็นมารยาทที่พบเห็นได้บ่อยในวัง
กวางป่าที่ดูเหมือนกวางก็ไม่ใช่ลาก็ไม่เชิงยกก้นใหญ่ขึ้น เดินวนรอบม้างามสีขาวข้างบุรุษวัยหนุ่ม ก่อนจะถีบเท้าเตะดินออกมาเล็กน้อย แล้วจากไปอย่างหยิ่งผยอง
บุรุษวัยหนุ่มไม่ได้รั้งไว้
จนเด็กสาวสวมหมวกจากไป เขาก็ยังมีสีหน้าแปลกๆ อยู่
หงลู่นอนเกาะบนหลังม้า พูดด้วยรอยยิ้ม “องค์ชาย แม่นางน้อยคนนี้น่าสนใจจริงๆ ดูจากอากัปกิริยาเมื่อครู่ เหมือนมาจากในวังเลย”
องค์รัชทายาทยิ้มจนปัญญา
เขาส่ายหน้า “ข้าคงคิดมากไปเอง…อีกสองสามวันข้าจะไปสืบข่าวในวัง ดูเสียหน่อยว่าเด็กสาวสวมหมวกนี่เป็นใครกัน”
……………….
สวีชิงเยี่ยนออกจากภูเขาสน
ฆราวาสเขาเสียวซานรอตนอยู่ไม่ไกล รถม้าเตรียมพร้อมแล้ว
ฆราวาสชุดขาวยิ้มแป้น พูดด้วยความสนใจ “เหตุใดถึงลากกวางตัวเป็นๆ มาด้วย จะย่างหรือตุ๋นดีล่ะ”
กวางนั่นฉลาดมาก ได้ยินเช่นนั้นก็ตกใจสะดุ้ง สองหูตั้งขึ้น
สวีชิงเยี่ยนพูดด้วยความจำใจ “อาจารย์…อย่าทำให้มันกลัวสิ นี่ กระดิ่งเล็ก”
นางหยิบกระดิ่งเล็กออกมาจากอกเสื้อ
การฝึกจบการศึกษาที่ลานล่าสัตว์ภูเขาสนครั้งนี้ ต้องชิงกระดิ่งเล็กนี้กลับมา
“ไม่เลว”
ฆราวาสเขาเสียวซานรับกระดิ่งเล็กมา ก่อนจะพูดเชิงชี้แนะ “ครั้งนี้ใช้เวลาไปค่อนข้างนานเลย”
สวีชิงเยี่ยนย่อมรู้ว่าจิ้งจอกเฒ่าผู้นี้ซ่อนอยู่ในมุมมืด เห็นทุกอย่างระหว่างทางแล้ว นางพูดอู้อี้ “ระหว่างทางเจอเรื่องนิดหน่อย”
ฆราวาสเขาเสียวซานมองสวีชิงเยี่ยนพลางพูดขึ้น “ท่านนั้นเป็นผู้สูงศักดิ์ของต้าสุย เป็นคนที่สูงส่งมาก”
สวีชิงเยี่ยนเงยหน้าขึ้นมองผู้มีคุณธรรมสูงส่งแห่งเขาวิญญาณ “ข้ารู้แล้วน่า”
“องค์ชายไป๋หลง องค์รัชทายาทต้าสุย” เด็กสาวยิ้มทันที “ข้าไม่ได้โง่ จะมองไม่ออกได้อย่างไร”
นางขึ้นรถม้า ก่อนจะเร่งให้คนขับรถม้าออกรถเร็วๆ
ฆราวาสเขาเสียวซานที่ขึ้นรถมาด้วยพูดไม่ออกนิดๆ เขามองสวีชิงเยี่ยนพลางพูดอย่างจนปัญญา “ต้องรู้นะว่าองค์รัชทายาทท่านนี้อยู่ในหอนางโลมตลอดทั้งปี ต่อให้เป็นคนใหญ่คนโตพวกนั้นที่อยู่จุดสูงสุดของต้าสุย จะพบองค์รัชทายาททีหนึ่งยังยากมาก…”
สวีชิงเยี่ยนถอดหมวกออก เปลี่ยนผ้าปิดหน้าเป็นผ้าที่บางขึ้น หายใจสบายขึ้นมาก
นางมองฆราวาสเขาเสียวซานพลางพูดอย่างจริงจัง “แล้วมันเกี่ยวอะไรกับข้า”
ฆราวาสเขาเสียวซานเงียบไป
“ตามกฎแล้ว หลังจบการศึกษาลานล่าสัตว์ภูเขาสน ข้าก็จะออกไปข้างนอกได้แล้วใช่หรือไม่”
ฆราวาสเขาเสียวซานพูดอย่างจำใจ “ตามกฎแล้วเป็นเช่นนั้น…”
เด็กสาวเปิดม่านรถออกมุมหนึ่ง เอาศีรษะวางตรงขอบหน้าต่างรถม้า สองมือเท้าคาง ศีรษะโคลงเคลงตามรถม้าสั่นสะเทือน พลันยิ้มซื่อๆ ดวงตาโค้งเป็นจันทร์เสี้ยว ก่อนพูดเสียงอ่อน “ข้าอยากกลับเมืองหลวงเร็วๆ จะได้ไปพบคุณชายหนิงอี้”
………………………..