เจ้าของร้านพิศวง - บทที่ 136 ให้ผมสอนวิธีทำให้แล้วกัน
หลินเจี๋ยเห็นเลือดที่นองอยู่ที่พื้นแล้วมองไปที่ไวลด์ก่อนจะจมในภวังค์ความคิด
จากประสบการณ์ของชายหนุ่มแล้ว เขาแน่ใจว่านั่นคือเลือด ไม่ใช่ซอสพริกหรือสสารสีแดงอื่น ๆ
และมันก็มีจำนวนเยอะเอาการแน่ ตัดสินจากแอ่งของเหลวที่ขยายขึ้นเรื่อย ๆ นี้ ที่มาของมันถ้าไม่ใช่ภาชนะใส่เลือดขนาดใหญ่ก็คงมาจากสัตว์ขนาดใหญ่
ดังนั้นคำถามสองคำถามจึงเด้งขึ้นมาในใจของชายหนุ่มอย่างชัดเจน
อย่างแรกคือ นั่นคือเลือดของสัตว์ชนิดไหน?
อย่างที่สองคือ ทำไมถึงมีเลือดสด ๆ มากขนาดนี้อยู่บนพื้นบ้านเฒ่าไวลด์ได้?
ในฐานะคนธรรมดาที่มีจิตใจปกติ ปฏิกิริยาแรกของหลินเจี๋ยคือตกตะลึงก่อนจะคิดอย่างรวดเร็ว หรือนี่คือเลือดมนุษย์?
ทว่าเขาก็ทิ้งการคาดเดานี้ไปอย่างรวดเร็วเพราะไวลด์ยังคงผ่อนคลาย เป็นธรรมชาติและจริงใจจนถึงตอนนี้ เขากระทั่งพูดคุยกับหลินเจี๋ยอย่างกระตือรือร้นและไม่ได้ทำตัวเหมือน ‘ฆาตกร’ อย่างแน่นอน
หลินเจี๋ยที่รู้จักเฒ่าไวลด์มาสักพักใหญ่ ๆ แล้วยังเชื่อด้วยว่าชายชราไม่หลอกเขาแน่ หรือต่อให้เขากำลังโกหกอยู่ เฒ่าไวลด์ก็จะต้องมีท่าทีแปลกไปแน่นอน
ที่สำคัญที่สุดคือ คำพูดเมื่อครู่นี้ของเฒ่าไวลด์ทำให้หลินเจี๋ยปลาบปลื้มใจอย่างสุดซึ้ง และทำให้ชายหนุ่มเชื่อว่ามุมมองอันงดงามของเฒ่าไวลด์นั้นจริงแท้แน่นอน…
‘การให้เจ้าพวกนอกลู่นอกทางพวกนั้นพบความหมายที่แท้จริงของชีวิต’ ดูสิ เขารอบคอบและบรรเจิดแค่ไหน!
พูดได้ว่าเฒ่าไวลด์นั้นดื่มด่ำกับรสชาติซุปไก่ของหลินเจี๋ยอย่างสมบูรณ์
ในขณะที่ลูกค้าคนอื่น ๆ ยังรอให้หลินเจี๋ยมาคอยชี้ทาง เฒ่าไวลด์นั้นไม่เพียงแต่ออกมาจากม่านหมอกแห่งอดีต แต่ยังเริ่มเรียนรู้และประยุกต์ใช้สิ่งที่เขาได้รับจากผู้อื่นอีกด้วย เขาได้สืบทอดเจตนารมณ์ของหลินเจี๋ยและเลือกจะนำทางคนที่ชีวิตกำลังตกต่ำคนอื่น ๆ ให้พบความหมายใหม่ของชีวิต
หากนี่ไม่ใช่ความรัก งั้นเราก็ไม่รู้แล้วว่าความรักคืออะไร
‘ให้พวกเขาฟังคำสอนของคุณ’ ความคิดระดับสูงขนาดนี้ ไม่เพียงแค่เขานำสิ่งที่เขาเรียนมาไปใช้จริง เขากระทั่งเข้าใจความปรารถนาของเราต่อเงิ…ไม่สิ เฮ้อ ความปรารถนาของเราในการนำทางลูกค้าอย่างอบอุ่นด้วย
การอุทิศตนช่วยเหลือคนที่ติดอยู่ในองค์กรอาชญากรพีระมิดและนำพวกเขามายังร้านหนังสือเพื่อรับซุปไก่และชำระล้างวิญญาณของพวกเขา
หากนี่ไม่ใช่ความเห็นอกเห็นใจ งั้นเราก็ไม่รู้แล้วว่าความเห็นอกเห็นใจคืออะไร
ความรักและความเห็นอกเห็นใจนี้คือสิ่งที่หลินเจี๋ยเชื่อมั่นด้วยความเต็มใจ
ในที่สุดชายหนุ่มก็ตั้งหลักได้แล้วตัดสินใจตรวจสอบความจริงของเรื่องนี้ก่อน
หลังจากเฒ่าไวลด์ปล่อยความคิดอันบรรเจิดเหล่านี้ออกมาหมด การถูกเข้าใจผิดจะกลายเป็นการทำร้ายจิตใจชายชราผู้โดดเดี่ยวผู้นี้อย่างหนักได้
ยิ่งกว่านั้น เมื่อโยงเข้ากับการมีอยู่ของ ‘งานเลี้ยงโลหิต’ แล้ว เลือดนี่ก็อาจเป็นฝีมือพวกเขาด้วย
หลินเจี๋ยรักษาความเยือกเย็นไว้แล้ววางมือลงบนกล่องไวโอลินข้างตัวเขา ถ้าเป็น ‘งานเลี้ยงโลหิต’ จริง ๆ ชายหนุ่มจะไม่มัวรอการแทรกแซงของเฒ่าไวลด์แล้วพยายามชำระล้างหัวใจซกมกของพวกเขาอย่างสุดกำลังแน่
เมื่อได้ยินคำพูดของเขาแล้ว ไวลด์ซึ่งนั่งตรงข้ามกับหลินเจี๋ยก็หันไปตามสายตาของหลินเจี๋ยทันที สีหน้าของเขาพลันซีดขาวแล้วก็รีบร้อนลุกขึ้น เขาเห็นเลือดแล้วแน่ ๆ!
“ผมขออภัยอย่างสุดซึ้งครับ!” ไวลด์ผู้อารมณ์เสียอย่างเห็นได้ชัดรีบลุกมาหา “ผมทำความสะอาดมันแบบลวก ๆ แล้วไม่คิดเลยว่าจะเกิดเรื่องนี้ขึ้นเลย”
“น่าอับอายจริง ๆ ผมเสียใจจริง ๆ ที่ต้องให้คุณมาเห็นภาพไม่สะอาดตาแบบนี้ ผมจะจัดการกับมันเดี๋ยวนี้เลยครับ สักครู่นะครับ!”
ไวลด์ทำตัวอย่างเป็นธรรมชาติมากราวกับไม่มีอะไรผิดแปลกและเป็นเรื่องที่ตัวเองทำเป็นประจำอยู่แล้ว ดังนั้นหลินเจี๋ยจึงผ่อนคลายลงแล้วถามอย่างเป็นกันเอง “เลือดนั่นมันมาจากไหนเหรอครับ?”
ไวลด์ยิ้มอย่างกระอักกระอ่วน แล้วความรู้สึกผิดก็แล่นไปทั่วร่างของเขา
มันจบแล้ว เจ้าของร้านหลินต้องไม่ชอบใจมาก ๆ แน่เลย
เขาทำตามพิธีกรรมบวงสรวงตามหนังสือนิกายกลืนศพ พิธีกรรมและขนบธรรมเนียมที่หลินเจี๋ยเขียนด้วยตนเอง เห็นได้ชัดว่าพิธีที่ควรจะศักดิ์สิทธิ์และสง่างามถูกทำออกมาอย่างดูไม่ได้ขนาดนี้…
ไวลด์พยายามแก้ตัวอยู่ในใจ
เราเป็นนักเวทมนตร์ดำที่มักจะฆ่าอยู่เสมอ การทำลายล้างอยู่ในสายเลือดของเรา และการขาดทักษะเชิงเทคนิคในการจัดการวัตถุดิบเหล่านี้ก็ทำให้ดูไม่เรียบร้อย
ครั้งหน้า! เราจะเพิ่มความพิถีพิถันในพิธีกรรมรอบหน้าแน่นอน!
ดีที่ไม่มีใครเห็นมัน แต่การที่มาเผยทักษะหยาบ ๆ ของเขาต่อหน้าเจ้าของร้านหลินนี้เป็นเรื่องน่าอายสุด ๆ ไปเลย
คำพูดของเจ้าของร้านหลินคือการตำหนิความเลินเล่อของเรา
ไวลด์ นักเวทมนตร์ดำระดับภัยพิบัติผู้ไร้เมตตาในสายตาผู้อื่น ในตอนนี้ดูราวกับนักเรียนขี้อายที่ทำงานพลาดในแล็ปวิทยาศาสตร์
เขาพยายามอธิบายอย่างระมัดระวัง “เอ่อ หลังจากอ่านงานของคุณ ผมพยายามอย่างหนักที่จะลองทำพิธีพวกนั้น แต่ว่า…”
“ผมจะว่ายังไงดี…มันค่อนข้างยากครับ มันยากจะเข้าใจความหมายบางส่วน แล้วการเลียนแบบมันก็ยากเอาการเลย…”
ไวลด์ยิ้มอย่างเขิน ๆ ขณะชี้ไปที่เลือดบนพื้น “เลยกลายเป็นแบบนี้แหละครับ”
หลินเจี๋ยผงะไปครู่หนึ่งก่อนที่ริมฝีปากของเขาจะกระตุก
อะไรนะ…ลองทำพิธีเหรอ?!
สิ่งที่เขียนไว้ในหนังสือของเขาส่วนใหญ่แล้วเป็นประเพณีพื้นบ้านของจีน และแน่นอนว่ามันหยั่งเข้าไปในพิธีกรรมในสมัยโบราณบางอย่าง
ยกตัวอย่างเช่น จักรพรรดิในสมัยโบราณมักจะทำพิธีกรรมบวงสรวงที่พวกเขาจะสังเวย ‘ไท่เหลา’[1] ให้กับทวยเทพ ในขณะที่ขุนนางชั้นผู้น้อยจะสังเวย ‘เส้าเหลา’[2]
และในความเชื่อของลัทธิเต๋าโบราณ กวางสามสายพันธุ์ก็เป็นสัตว์บวงสรวงสามชนิดที่เหล่าเทพชื่นชอบ
มีพิธีกรรมอื่น ๆ อย่าง ‘พิธียกขื่อทองคำ’ และ ‘พิธีรำลึกถึงเทพเจ้า’ ที่พิธีการ สิ่งสังเวย และความหมายต่างถูกอธิบายอยู่ในหนังสือทั้งหมด
และเพราะพิธีกรรมบวงสรวงของจีนโบราณนั้นเกี่ยวกับอาหารและวัฒนธรรม เพื่อทำให้หนังสือน่าสนใจยิ่งขึ้นหลินเจี๋ยจึงมักเพิ่มประเพณีเกี่ยวกับอาหารและวิธีจัดเตรียมพวกมัน
เฮ้อ…เฒ่าไวลด์หนอ คุณนี่ช่างเป็นชายชราที่อยากรู้อยากเห็นเสียจริง
หลินเจี๋ยคิดไม่ถึงเลยว่าไวลด์จะทำเกินกว่าแค่อ่าน แล้วอยากจะลองทำตามพิธีกรรมในหนังสือด้วย!
สุภาพบุรุษตะวันตกที่แต่งกายภูมิฐานและท่าทางสำรวมม้วนแขนเสื้อ ชักมีดออกมาเชือดไก่ เป็ดและอาจกระทั่งหมู…แล้วรีดเลือดมันออกแล้วชำแหละเครื่องใน
ภาพในจินตนาการนั้นไม่ได้โสภา และหลินเจี๋ยก็ไม่กล้าจินตนาการต่อด้วย
หลินเจี๋ยไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี แต่ความกังวลในใจของเขาสลายไปเล็กน้อย
มิน่าล่ะ…จะไม่ให้เละเทะได้ยังไง?
สิ่งที่เขียนไว้ในหนังสือของเขาทั้งหมดเป็นอาหารจีน…
ขนาดคนจีนที่ไม่มีประสบการณ์เข้าครัวยังพบว่ามันยากสุด ๆ แล้วนับประสาอะไรกับชาวตะวันตกอย่างเฒ่าไวลด์ล่ะ
หลินเจี๋ยพอจะจินตนาการได้ถึงภาพความเละเทะน่าอนาถใจที่อยู่หลังฉากกั้นห้อง
“เอ่อ…ผมพูดอะไรได้บ้างมั้ยนะ?” หลินเจี๋ยถอนหายใจในขณะที่สังเกตเห็นสีหน้ากระอักกระอ่วนของเฒ่าไวลด์ “ให้ผมสอนวิธีทำให้แล้วกันครับ”
ไวลด์โบกไม้โบกมือปฏิเสธ “สิ่งที่ผมทำมันไม่น่ามองเกินไปและอาจทำให้คุณขยะแขยงได้นะครับ…”
“ก็ได้ครับ” หลินเจี๋ยเผยรอยยิ้มปลอบใจ เข้าใจหัวอกเชฟมือใหม่ที่อยากซ่อนความผิดพลาดของตัวเองไว้
“ผมจะแค่อยู่ตรงนี้แล้วให้คำแนะนำคุณแล้วกัน คุณบอกผมได้ไหมครับว่าอยู่ที่ขั้นไหนแล้ว?”
[1] วัว แกะ หมู
[2] แกะ และ หมู