เจ้าของร้านพิศวง - บทที่ 142 ยิงปืนนัดเดียวได้นกสามตัว
หลินเจี๋ยเล่นกับฮัสกี้ที่เฒ่าไวลด์รับมาเลี้ยงอยู่พักหนึ่งแล้วคิดว่าเจ้าสุนัขตัวนี้นิสัยเรียบร้อยดีจริง ๆ มันยังรู้จักทำตามคำสั่งได้ดีด้วย แสดงให้เห็นว่ามันถูกฝึกมาก่อนหน้านี้แล้ว
หลินเจี๋ยกำลังสงสัยว่ามันจะเคยถูกคนอื่นเลี้ยงมาก่อน แต่เกิดเรื่องบางอย่างขึ้นทำให้มันต้องกลายเป็นหมาจร จนกระทั่งเฒ่าไวลด์รับมันมาอุปถัมภ์
ในเมื่อการระเบิดที่ซอย 52 นั้นกินพื้นที่กว้างมาก เจ้าของเดิมของมันคงโชคร้ายและไม่สามารถเลี้ยงเจ้าเกรดี้ได้อีกต่อไป
แม้ว่ามันจะเป็นฮัสกี้ที่มีขนาดน่าดูชม แต่ที่จริงแล้วเกรดี้นั้นดูจะเข้าคู่กับผู้สูงอายุอย่างเฒ่าไวลด์ได้ดี ยิ่งไปกว่านั้น สุนัขตัวใหญ่ขนาดนี้ต้องสามารถปกป้องเฒ่าไวลด์ได้ดีแน่…
แล้วหลินเจี๋ยพลันมองไปทางฉากกั้นห้อง แล้วตระหนักว่าเสียงกัดกินและเสียงขู่มันดังออกมาจากตรงนั้น
“เครื่องเซ่นพวกนั้นโดนเกรดี้กินเข้าไปแล้วเหรอครับ?” เขาโพล่งออกมา
เฒ่าไวลด์…คุณฝากเนื้อไว้กับฮัสกี้ได้ยังไงกัน…
“ครับ”
ไวลด์พยักหน้ายิ้ม ๆ “แต่เดิมแล้วของพวกนั้นก็เตรียมไว้ให้เกรดี้อยู่แล้วครับ”
หลินเจี๋ยเลิกคิ้ว ไม่จำเป็นต้องเตือนเขาเลยในเมื่อเฒ่าไวลด์รู้เรื่องนี้อยู่แล้ว
แต่หลินเจี๋ยก็คิดแล้วก็ไม่ได้พบว่ามันแปลกอะไร…
เฒ่าไวลด์นั้นเป็นคนละเอียดอ่อน แล้วเขาจะไม่เตรียมตัวอย่างเพียงพอก่อนจะรับเลี้ยงเกรดี้ได้อย่างไร? เขาต้องศึกษาลักษณะนิสัยของฮัสกี้มาก่อนตัดสินใจแล้วแน่ ๆ
“ดีแล้วล่ะครับ…ผมก็กังวลไปนั่นว่าคุณจะเข้ากับสัตว์เลี้ยงใหม่ไม่ได้ แต่ดูเหมือนคุณจะเตรียมตัวไว้พร้อมแล้ว”
หลินเจี๋ยลูบหัวเจ้าเกรดี้อีกครั้งก่อนจะกลับไปยังที่นั่งของเขา
“ ‘งานเลี้ยงโลหิต’ ไม่ใช่อะไรที่เรียบง่ายขนาดนั้น และคุณจะได้เห็นเพียงด้านเดียวของมัน หากคุณตั้งมั่นจะไปที่นั่น คงจะดีที่สุดถ้าคุณพาเกรดี้ไปกับคุณด้วย ถ้าถึงคราวจำเป็น อย่ายึดทิฐินะครับ…คุณสามารถติดต่อโจเซฟแล้วขอความช่วยเหลือจากเขาได้ ช่วงนี้เขากับศิษย์ของเขาก็กำลังทำคดี ‘งานเลี้ยงโลหิต’ อยู่ครับ”
จากที่เฒ่าไวลด์บอกชายหนุ่มนั้น คนที่เชิญให้เขาเข้าร่วมเป็น ‘กลุ่มคนว่างที่ไม่มีอะไรจะทำ’ ดังนั้นไวลด์คงคิดว่า ‘งานเลี้ยงโลหิต’ เป็นแค่งานอีเวนต์ที่เกิดจากบรรดาคนว่างงานในองค์กรทรงพีระมิดสร้างขึ้นมา
แต่จากฝั่งโจเซฟแล้ว นี่คือองค์กรอาชญากรที่อันตรายองค์กรหนึ่ง และจากที่เขาคุยกับคล็อดก่อนหน้านี้ เสียงกรีดร้องและระเบิดที่พื้นหลังนั้นบ่งบอกจริง ๆ ว่านี่คือสถานการณ์อันตราย
มันแสดงให้เห็นว่าที่องค์กรนี้เชิญสมาชิกใหม่นั้นเป็นเพียงฉากบังหน้า แต่ที่แก่นแท้ของมันนั้นเป็นองค์กรติดอาวุธที่แข็งแกร่ง
เฒ่าไวลด์เป็นนักภาษาศาสตร์ บางทีเขาอาจถูกเชิญไปที่งานเลี้ยงโลหิตเพราะฐานะทางอาชีพของเขา หรือบางทีองค์กรอาจจะต้องการคนมีฝีมือเพื่อถอดรหัสหรือแปลภาษาอื่น ๆ นี่คือการคาดเดาของหลินเจี๋ย
ถ้าเป็นแบบนั้น งั้นอันตรายก็คงไม่ร้ายแรงอย่างที่เขาคิด แต่ระวังเอาไว้ก็ยังดีกว่า
ไวลด์ให้เกรดี้หมอบลงที่ข้างเท้าของเขา ลูบสกายวูลฟ์เพื่อปลอบมัน หลังจากคิดสักพัก ดวงตาของชายชราก็ทอประกาย “ขอบคุณสำหรับคำย้ำเตือนนะครับ ผมจะระวัง”
เขาได้เจอกับมือสังหารเงาไม่นานหลังจากเข้าร่วมกับงานเลี้ยงโลหิต
ลึก ๆ แล้วเขาเดาไว้ว่ามือสังหารเงาจะมาได้จากสองที่
การคาดเดาแรกของเขาคือการที่เขาปั่นหัวเฮริส ทำให้สมาชิกของหมาป่าขาวและลัทธิสีชาดฆ่ากันเอง และส่งผลให้คนที่อยู่เบื้องหลังกระจกมนตราเสียการควบคุมของเขาไป เพราะฉะนั้นมือสังหารเงาจึงถูกส่งมาฆ่าไวลด์ทิ้ง
ความเป็นไปได้ที่สองก็คือมีใครบางคนในงานเลี้ยงโลหิตที่ตระหนักรู้แล้วว่าเขาแกล้งทำเป็นเข้าร่วมโดยมีแผนลับที่จะล่มงานเลี้ยงโลหิต จึงตัดสินใจชิงลงมือก่อน
แถมการคาดเดาทั้งสองนั้นไม่ได้ขัดแย้งกันอีกอีกด้วย
เพราะมันก็เป็นไปได้อยู่ว่าคนในงานเลี้ยงโลหิตจะเป็นผู้ชักใยอยู่เบื้องหลังเรื่องทั้งหมดนี้จากเงามืด
หลังจากเหตุการณ์กระจกมนตรา งานเลี้ยงโลหิตนั้นตื่นตัวขึ้นมาอย่างรวดเร็ว…นี่สนับสนุนความสงสัยของเขา แต่มันก็ยังเป็นเพียงแค่การคาดเดา…
แต่ในตอนนี้เมื่อเจ้าของร้านหลินเอ่ยปากพูดออกมาเอง มันหมายความว่าการคาดเดาของเขาถูกต้อง
เจ้าของร้านหลินพูดย้ำ ๆ กับเขาซ้ำ ๆ ไม่ให้วู่วาม และศัตรูอาจจะแข็งแกร่งกว่าที่เขาจินตนาการไว้ นี่อาจจะไม่ใช่การลอบสังหารที่เขาอาจต้องเผชิญ ดังนั้นไวลด์ต้องซ่อนตัวตนของตัวเองหรือเตรียมพร้อมสำหรับการปะทะตรง ๆ ไว้ด้วย
ในเมื่อโจเซฟกำลังสืบคดีงานเลี้ยงโลหิต นี่หมายความว่าหอพิธีกรรมต้องห้ามกำลังให้ความสนใจต่อองค์กรนี้ และอาจจะเป็นเป้าฉวยโอกาสที่ดี
ที่เจ้าของร้านหลินอยากจะพูด…คงจะเป็นหายนะที่กำลังจะเกิด เมื่องานเลี้ยงโลหิตถูกขัดขวางและสาวกถูกล่อลวงไป ข้อมูลก็น่าจะถูกส่งไปที่หอพิธีกรรมต้องห้ามเพื่อให้จัดการกับงานเลี้ยงโลหิต เมื่อเกิดเรื่องวุ่นวายแบบนี้ขึ้น บางทีเราก็อาจฉวยโอกาสจากสถานการณ์แล้วหาตัวคนชักใยอยู่เบื้องหลังเรื่องพวกนี้ได้!
ไวลด์คิดกับตนเอง
เป็นแผนการที่ร้ายกาจจริง ๆ! ยิงปืนนัดเดียวได้นกถึงสามตัว! สมแล้วที่เป็นเจ้าของร้านหลิน!
ไวลด์เลื่อมใสในการมองการณ์ไกลและความเข้าใจในเหตุการณ์ภาพรวมของเจ้าของร้านหลินอย่างลึกล้ำ ยิ่งกว่านั้น เขายังมองทะลุความคิดของไวลด์ได้อย่างทะลุปรุโปร่งด้วย
ความแค้นของเขาต่อโจเซฟนั้นท่วมท้นและเจ้าของร้านหนังสือก็เข้าใจเรื่องนั้นอย่างถ่องแท้ กระทั่งความคิดจะใช้ประโยชน์จากโจเซฟยังทำให้ไวลด์รังเกียจได้อย่างไม่รู้ตัว ดังนั้นเจ้าของร้านหลินจึงแนะนำให้เขา ‘อย่ายึดทิฐิ’
นักเวทมนตร์ดำตอบกลับอย่างเคารพยิ่ง “ผมจะฟังคุณแล้วพาเกรดี้ไปด้วย แล้วจะระวังให้มากครับ”
“ผมหวังอยู่ว่าผมจะได้ลูกค้ามากกว่านี้ แต่ถึงอย่างนั้น ผมก็ไม่อยากจะเสียเพื่อนเก่าอย่างคุณไปนะครับ ผมรอมานานแล้วที่จะได้เห็นคุณ ‘มีชีวิต’ อีกครั้ง ดังนั้นอย่าให้ผมเห็นว่าคุณ ‘ตาย’ อีกเลยนะครับ” หลินเจี๋ยพูดอย่างจริงจัง
ไวลด์นั้นปลาบปลื้ม แล้วตอบกลับทันทีว่า “ไม่มีทางแน่ ๆ ครับ!”
“ครับ ๆ ไม่ต้องเคร่งเครียดขนาดนั้นก็ได้ครับตอนนี้”
หลินเจี๋ยยิ้มแล้วหยิบเหรียญของเขาออกมาอีกครั้ง
“ผมจะดีดมันอีกครั้งเพื่อดูว่าโชคของคุณครั้งนี้จะเป็นยังไงนะครับ”
หลินเจี๋ยบอกว่าเป็นโชค แต่ชายหนุ่มก็ยังตั้งใจจะบงการหน้าเหรียญเพื่อเพิ่มความมั่นใจของเฒ่าไวลด์อยู่ดี
หัวใจของไวลด์ด้านชาต่อความประหลาดใจแล้ว เหรียญแห่งโชคชะตาเป็นสื่อเวทมนตร์ที่แข็งแกร่ง แต่แม้กระทั่งผู้ที่อยู่ในระดับเหนือนภายังไม่สามารถใช้งานมันซ้ำ ๆ อย่างสุขกายสบายใจเฉิบแบบนี้ได้…
ตามหลักแล้ว การจะใช้ความสามารถของเหรียญนี้ต้องตั้งแท่นพิธีบูชาเทพธิดาแห่งโชคชะตาและสวดภาวนาต่อเธออย่างจริงใจก่อน การใช้งานมันจะต้องใช้อีเธอร์จำนวนมากและผู้ใช้ก็จะเข้าสู่สภาวะอ่อนแรง แล้วมันจะดีดเล่นเป็นเหรียญธรรมดาง่าย ๆ ได้อย่างไร?!
หรือคุณจะเป็นเทพธิดาแห่งโชคชะตาอวตารมาเองครับ?!
“อ๊ะ! หน้าโชคดีหงายขึ้น ดูเหมือนเรื่องนี้จะราบรื่นนะครับ”
หลินเจี๋ยมองด้านที่มีจุดสีแดงในมือของเขา
ทั้งสองประสานสายตากันแล้วยิ้ม บรรยากาศนั้นกลมเกลียว และเข้าใจกันโดยไม่พูดจา
—
“พระคุณเจ้าอนุญาตให้คุณเข้าพบเพื่อสารภาพบาปได้ครับ” บริวารในชุดยาวสีขาวพูดอย่างเย็นชา
“ขอบคุณครับ…” วินเซนต์รีบร้อนวาดครึ่งวงกลมบนอกของเขา แต่บริวารผู้นั้นหันจากไปแล้ว ไม่ได้สนใจอะไรเขาเลย
เขาลดมือลงอย่างอับอายแล้วทอดสายตามองไปที่วิหารของโบสถ์แห่งจุดสูงสุดตรงหน้าเขา
นี่คือวิหารของโบสถ์แห่งจุดสูงสุดในสังฆมณฑลที่เจ็ดและที่พำนักของอัครสาวกลำดับที่เจ็ดคนใหม่ด้วย วินเซนต์มาที่นี่ครั้งสุดท้ายเมื่อไม่กี่วันก่อน แต่ตอนนี้เขาก็ได้กลับมาโดยอ้างว่ามาสารภาพบาป
ในอดีต หัวใจของวินเซนต์จะเปี่ยมล้นด้วยความเลื่อมใสและชื่นชมทุกครั้งเมื่อเขาทอดสายตามองที่แห่งนี้
แต่ตอนนี้ เขาเต็มไปด้วยอารมณ์ที่ขัดแย้งกันเมื่อเขาทอดสายตามองวิหารอันงดงามในขณะที่คัมภีร์ตะวันยังคงอยู่ในชุดนักบวชของเขา โบสถ์นี้มีได้เพียงความศรัทธาในดวงจันทร์เท่านั้น ในขณะที่สิ่งอื่นใดที่ขัดแย้งกันจะถูกขับออกและกำจัดทิ้ง แต่คัมภีร์ตะวันยังคงอยู่รอดปลอดภัย
วินเซนต์เข้าสู่วิหารพร้อมด้วยความคิดมากมายที่แล่นอยู่ในใจ