เจ้าของร้านพิศวง - บทที่ 195 ถอย!
บทที่ 195 : ถอย!
“ไม่เหรอ?” ดวงตาอสรพิษเบื้องหลังหน้ากากของไวลด์หรี่ลง
น้ำเสียงของเขานั้นเป็นการถามโดยแท้ เพราะถึงอย่างไร ในฐานะหนึ่งในสาวกผู้ภักดีของเจ้าของร้านหลิน เมื่อเห็นใครสักคนร้องขอความช่วยเหลือจากเจ้าของร้านหลินให้กับเหยื่อที่ถูกล้อมของตนพร้อม ๆ กับเหยียดหยามลูกค้าคนหนึ่งของร้านหนังสือต่อหน้าต่อตาเขานั้น ทั้งคู่ต่างเป็นการกระทำน่าตกตะลึงที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อนเลย
แต่สำหรับคนที่ผ่านไปมาแล้ว คำถามเช่นนี้ทำให้หลังของพวกเขาหนาวเยือก
เพราะถึงอย่างไร เมื่อมีคนถืออาวุธโชกเลือดทั้งตัวโผล่มา ไม่ว่าคน ๆ นั้นจะพูดอะไร คนเห็นย่อมรู้สึกกระวนกระวายสุด ๆ กันอยู่แล้ว
แน่นอนว่าคอนกรีฟตัวแข็งทื่อ สงสัยว่าอะไรผิดไปกันแน่ และทำไมจึงมีศัตรูอีกคนโผล่มาในยามคับขันแบบนี้
มันใกล้มาก แค่อีกนิดเดียวแท้ ๆ!
แค่อีกนิดเดียว ฉันก็จะฆ่าเชอร์รี่ได้แล้วแท้ ๆ เชียว!
คอนกรีฟในตอนนี้เกลียดความใจเย็นของตัวเองเมื่อไม่กี่นาทีก่อนจับใจ ถ้าไม่ใช่เพราะเขามัวแต่เล่นไปเรื่อย บางทีตัวเองอาจจะได้รับชัยชนะอันหอมหวานไปแล้วก็ได้…
น่าเศร้าที่ไม่ว่าจะเสียใจต่อการตัดสินใจเมื่อครู่นี้ของตนแค่ไหน เวลาก็หวนกลับไปไม่ได้แล้ว สิ่งเดียวที่เขาทำได้ในตอนนี้คือภาวนาและร้องขอความช่วยเหลือเท่านั้น
ในตอนนี้ในใจของเขาเต็มไปด้วยความสับสน กว่าเขาจะมาตระหนักรู้ว่าตนพูดอะไรผิดไปอย่างแท้จริงได้ก็เป็นตอนที่เขาได้เห็นผลลัพธ์นองเลือดลาง ๆ ของเหล่าสมาชิกงานเลี้ยงโลหิตที่ถูกเส้นหนวดเสียบทะลุร่าง
คนคนนี้มีความสัมพันธ์กับร้านหนังสือแน่…ไม่ใช่ว่าคำพูดของเราเมื่อกี้มันเท่ากับสั่งตายตัวเองเหรอ?!
“เดี๋ยวก่อน ไม่ใช่นะ!” คอนกรีฟตะโกน “ผ…ผมเป็นลูกค้าคนนึงนะ!”
ไม่ว่าเขาจะเป็นลูกค้าจริง ๆ หรือไม่ คอนกรีฟก็ได้ซื้อเวลาเพิ่มอีกสองสามวินาทีเพื่อเปิดโอกาสให้คุณฮาร์เปอร์ช่วยเขาแล้ว!
“หืม?” จริงตามคาด ไวลด์ผ่อนแรงบีบของเขาลงเล็กน้อยพลางถามคอนกรีฟด้วยรอยยิ้มสว่างไสว “งั้นบอกฉันสิว่านายคิดยังไงกับคุณหลิน นายผู้ยิ่งใหญ่ของพวกเรา?”
แล้วฉันจะไปรู้ได้ยังง้าย! แค่จะเจอหน้าฉันยังไม่เคยเจอเขามาก่อนเลย!
ช่างมันเถอะ ฉันเดาว่าเจ้าคนคนเนี้ยต้องเป็นคนชั่วร้ายเหี้ยมโหดแน่ ๆ คนที่สามารถบงการเจ้าผีร้ายระดับภัยพิบัติอย่างไวลด์ได้ก็มีแค่เทพปีศาจอะไรสักอย่าง หรืออย่างน้อยก็ลูกกะจ๊อกของมัน!
คอนกรีฟคิดในใจอย่างเคียดแค้น
แต่จากภายนอกแล้วเขาแสดงสีหน้าท่าทางจริงใจ แล้วเขาก็สรรเสริญออกมาด้วยรอยยิ้มฝืน ๆ “ไม่ต้องแปลกใจเลยว่าเขาต้องแข็งแกร่งที่สุด เขารู้ทุกอย่าง…”
จากการใช้ความรู้เก่าของเขาจากความยกย่องบูชาที่เหล่าศาสนิกชนในสมัยนี้สรรเสริญพระเจ้าของพวกเขา ในตอนนี้เขาก็ยอคุณหลินขึ้นประหนึ่งเป็นเทพเจ้าระดับสูงทีเดียว
คอนกรีฟสรรเสริญชุดใหญ่พลางตัวสั่นเทา แหล่งพักใจเดียวที่ทำให้เขาไม่สติแตกเพราะความกลัวไปเสียก่อนก็คือความคิดที่ว่าความหวังสุดท้ายที่จะช่วยเขาได้อยู่ใกล้นิดเดียว
คุณฮาร์เปอร์ในระดับภัยพิบัติต้องช่วยเขาออกไปได้แน่ ๆ ทั้งเขาและไวลด์ต่างก็ระดับภัยพิบัติกันทั้งคู่ ดังนั้นการต่อสู้ระหว่างทั้งคู่ อย่างน้อยก็ต้องยืดเยื้อแหละ!
ตราบใดที่สามารถหลบออกไประหว่างเขาสู้กันได้ เขาก็สามารถรวมพลแล้วกลับมาใหม่อย่างแข็งแกร่งกว่าเดิมได้
เขาได้สร้างความสัมพันธ์เชิงร่วมมือกับงานเลี้ยงโลหิตไว้นานแล้ว และยังเป็นบุคคลที่มีอำนาจสูงสุดหอการค้าแอชสาขาแชปแมนเป็นลำดับสองด้วย
ไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่ต่อให้ทุกอย่างที่ว่ามานี้ล้มเหลว เขาก็ยังมีวิถีแห่งดาบอัคคีหนุนหลังเขาอยู่อีก ในเมื่ออยู่ใต้การดูแลของพวกเขามาตั้งนาน พวกเขาก็ต้องส่งกองหนุนมาช่วยแน่
ขอแค่สามารถหนีออกไปได้เท่านั้น
ปากของคอนกรีฟแห้งผากในขณะที่พยายามยื้อความคิดเชิงบวกเอาไว้ เขาพูดทุกอย่างที่เขานึกออกออกไปหมดแล้ว แต่ฮาร์เปอร์ก็ยังไม่โผล่มาช่วยเขาสักที
เสียงของเขาเบาลงเรื่อย ๆ จนในที่สุดก็พูดอะไรไม่ออกอีก
แล้วตอนนั้นเองเขาถึงตระหนักได้ว่าบริเวณรอบ ๆ เงียบเสียจนเข็มหมุดตกยังได้ยิน
ไม่มีผู้ช่วยเหลือ และไม่มีแม้แต่เสียงเดียวให้ได้ยิน
เลือดของคอนกรีฟเย็นเฉียบเมื่อเขาเบิกตามองแววตาขำขันของไวลด์
“รอให้เขามาช่วยนายอยู่เหรอ?”
ไวลด์ปล่อยมือของเขาด้วยท่าทีเย้ยหยัน ปล่อยให้เส้นหนวดของเกรดี้ขยับมาล้อมคอนกรีฟ ตรึงเขาไว้แล้วหมุนตัวเขาไปมองด้านหลัง
นับแต่เริ่มล้อมจับเชอร์รี่ ในที่สุดคอนกรีฟที่หันหลังให้ฮาร์เปอร์อยู่ตลอดก็ได้เห็นว่าความหวังสุดท้ายของเขาทำอะไรอยู่
เกรดี้ยึดครองพื้นที่ทั้งห้องส่วนตัวนี้ไปแล้ว รวมไปถึงเส้นหนวดยาว ๆ ที่ยืดแยกสาขาไปทั่วแล้ว มวลร่างทั้งร่างของมันครอบคลุมไปทั่วบริเวณ ห้องทั้งห้องในตอนนี้ดูราวกับรังอะไรสักอย่างที่สร้างจากเลือดเนื้อที่ยุกยิกอยู่ตลอดเวลา
หัวกะโหลกหมาป่าของมันลอยอยู่บนอากาศ ส่ายไปมาราวหางของงูหางกระดิ่ง
แล้วฮาร์เปอร์ก็ถูกรัดอย่างแน่นหนาอยู่ในรังเลือดเนื้อมีชีวิตนั้น
เส้นหนวดนับไม่ถ้วนบีบรัดร่างผอมแห้งของเขาไว้แน่นราวกับว่าเขาเป็นผ้าขี้ริ้วชุ่มน้ำ สสารเหลวสีดำที่ดูเหมือนน้ำมันจำนวนมากทะลักไหลออกมาจากชั้นผ้าพันแผล เส้นหนวดบางเส้นยังเสียบเข้าไปในร่างของเขา ดูราวกับเป็นหลอดดูดน้ำที่กำลังทำให้ร่างกลายพันธุ์ของเขาแห้งเหือด
ในฐานะนักล่า เลือดสีดำของฮาร์เปอร์นั้นมาจากสิ่งที่เรียกว่า ‘ผู้ไร้ลักษณ์’ สัตว์ประหลาดแห่งความมืดประเภทหนึ่งที่ไม่มีรูปร่างที่แน่ชัด ต้องใช้ผ้าพันแผลรัดร่างเพื่อรักษารูปร่างมนุษย์ของพวกเขาไว้
ผลก็คือร่างของเขาถูกบิดราวกับเป็นตุ๊กตายัดนุ่นพร้อม ๆ กับเส้นหนวดมากมายที่ง้างทะลวงเข้าไปในช่องปาก เขาเปล่งเสียงอะไรแทบไม่ได้เลย ทางเดียวที่จะชี้วัดความเจ็บปวดที่ตัวเองกำลังเผชิญก็คือต้องมองไปที่ความหวาดกลัวในดวงตาสีแดงของเขา
เขาทุกข์ทรมานแสนสาหัสจนถึงกับมองคอนกรีฟด้วยสายตาเกลียดชัง
ราวกับจะพูดว่า ถ้าไม่ใช่เพราะแก ฉันคงไม่ต้องมาประสบชะตากรรมแบบนี้!
ไวลด์หัวเราะร่า “ฉันไล่ล่าฮาร์เปอร์มาเกือบยี่สิบปีแล้ว แต่เขาดูจะหายไปอย่างไร้ร่องรอย ฉันละทิ้งความหวังไปแล้วตัดสินใจไว้ชีวิตเขา เพราะมันไม่คุ้มต่อความพยายามอีกต่อไปแล้ว”
“ลองคิดสิว่าฉันแปลกใจแค่ไหนตอนที่นายลากเขาออกมาจากสุดยอดแหล่งกบดานของเขาดิ่งตรงมาหาฉันได้ด้วยคำสั่งเดียว”
ในขณะที่เขาพูด อดีตนักล่าที่มีชื่อเสียงฮาร์เปอร์ก็ได้กลายเป็นก้อนศพดำ ๆ ที่แห้งเหี่ยวไปแล้ว
แล้วเกรดี้ก็เขมือบสิ่งที่หลงเหลือของคนระดับภัยพิบัตินี้อย่างรวดเร็วราวกับเป็นขนมหนึ่งจาน
คอนกรีฟรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดไปอย่างมหันต์
ความต่างของความแข็งแกร่งระหว่างบุคคลระดับภัยพิบัติสองคนนั้นไม่น่าจะห่างกันราวฟ้ากับเหวแบบนี้
ฮาร์เปอร์ผู้ขายวิญญาณแลกที่ซุกหัวนอนต่อวิถีแห่งดาบอัคคีมาตั้งหลายปีแทบขัดขืนอะไรเกรดี้ไม่ได้เลย
แล้วเขาก็กลายเป็นของว่างจานด่วนให้กับมันไปแทน
“อ้อ…ใช่ ฉันรู้อยู่แล้วล่ะว่านายไม่ใช่ลูกค้าร้านหนังสือหรอก นั่นคือเหตุผลที่ทำไมฉันถึงถามความเห็นนาย ที่จริงฉันทำเพื่อความบันเทิงน่ะ จุดประสงค์คือเพื่อให้นายรู้สึกมีความหวังลม ๆ แล้ง ๆ ก่อนตาย และเพื่อให้นายสรรเสริญคุณหลินออกมา”
นั่นทำให้คอนกรีฟสติแตก
คอนกรีฟส่ายหน้าอย่างบ้าคลั่งพร้อมน้ำตานองหน้า “อย่า! อย่าฆ่าผมเลย! คุณฆ่าผมไม่ได้นะ!”
“ผมสังกัดอยู่กับงานเลี้ยงโลหิต หอการค้าแอช และวิถีแห่งดาบอัคคีนะ! คุณไม่รู้หรอกว่าคุณกำลังเอาตัวเองมายุ่งกับอะไร! ถ้าคุณฆ่าผม คุณต้องเสียใจภายหลังแน่!”
ไวลด์หัวเราะฮึแล้วส่งสัญญาให้เกรดี้จบงาน
ทว่าในตอนนี้เอง กลุ่มคลื่นกระเพื่อมอีเธอร์และออร่าใหม่ ๆ สองสามสายพลันปรากฏขึ้น ดวงตาของไวลด์หรี่ลงอย่างระแวดระวังในขณะที่เขาสำรวจบุคคลที่ปรากฏขึ้นใหม่ในห้อง
คนระดับภัยพิบัติโผล่มาอีกแล้ว…
ใช่แล้ว มีคนระดับภัยพิบัติคนหนึ่งปนอยู่ในหมู่คนที่ใช้เวทมนตร์เทเลพอร์ตมาที่นี่ด้วย
คอนกรีฟหาคนคนนั้นเจอได้เพียงเห็นเงาร่างของเขา แล้วเริ่มแหกปากขอความช่วยเหลือ “คุณลู่ ช่วยด้วยครับ!”
“ช่วยผมด้วยครับ!”
“ผมมีส่วนลงทุนลงแรงเพื่อ ‘วิถีแห่งดาบอัคคี’ ไปเยอะเลยนะครับ!”
เห็นได้ชัดว่าคนคนนี้ก็เป็นสมาชิกคนหนึ่งของวิถีแห่งดาบอัคคีด้วยเช่นกัน
และเขาดูจะเคยติดต่อกับคอนกรีฟมาก่อนด้วย
“เงียบ!”
คนที่ดูเหมือนจะเป็นนักรบจากทางเหนือเอ็ดใส่ แล้วเขาก็ชักดาบออกมาในขณะที่ตาจ้องไปยังไวลด์
คอนกรีฟได้รับความหวังกลับมาอีกครั้ง แล้วเขาก็ฝากความหวังใหม่ไว้กับบุคคลระดับภัยพิบัติคนใหม่นี้
ไวลด์เองก็เตรียมตัวต่อสู้เช่นกัน
เจ้าระดับภัยพิบัติคนนี้คนละเรื่องเลยเมื่อเทียบกับฮาร์เปอร์
ทว่าก่อนที่จะทันได้เกิดอะไรขึ้น คลื่นอีเธอร์ของเวทมนตร์สื่อสารก็ปรากฏรอบ ๆ นักรบชื่อลู่คนนี้แล้วทำให้สีหน้าของเขาเปลี่ยนไป เขาโบกมือไปมาบนอากาศแล้วประกาศออกมา “ร้านหนังสือและวิถีแห่งดาบอัคคีได้ทำข้อตกลงกันแล้ว เบื้องบนสั่งลงมาให้ถอนการสนับสนุนทั้งหมดของคอนกรีฟ ทุกคนถอย!”
ผู้มาใหม่ทั้งหมดที่ได้ยินคำสั่งต่างกลับหลังหันหายวับไปอย่างไร้ร่องรอย…
เหลือไว้เพียงสถานการณ์อันกระอักกระอ่วนสุดขีด
คอนกรีฟแทบไม่เชื่อในสิ่งที่เกิดขึ้นตั้งแต่ต้นจนจบเลย
กำลังเสริมจากวิถีแห่งดาบอัคคีหายตัวไปไวพอ ๆ กับที่โผล่มา
หงะ…ไหงเป็นงี้ล่ะ?! นี่ฉันเป็นศัตรูกับตัวเองมาตลอดเลยเหรอ?!
ไม่ใช่ว่าร้านหนังสือคือศัตรูเหรอ?!
ทำไมวิถีแห่งดาบอัคคีถึงถอยล่ะ?
ทั้งสองฝ่ายไปตกลงกันได้ยังไง แล้วตกลงกันทำไมก่อน?!
ถ้าร้านหนังสือไม่ใช่ศัตรู แล้วใครล่ะศัตรู?
ถ้าร้านหนังสือไม่ใช่ศัตรู แต่เป็นพันธมิตรของวิถีแห่งดาบอัคคี แล้วเรายังไปถือว่าร้านหนังสือเป็นศัตรูนี่…
ก็คือ…ศัตรูคือฉันเหรอ?
ตลอดมาฉันเป็นศัตรูกับตัวเองมาตลอดเลยเหรอ?!
คอนกรีฟทำได้เพียงเหม่อมองกรามที่อ้าออกจากสัตว์ร้ายนั้นเขมือบเขาเข้าไปพร้อม ๆ กับความหวังสุดท้ายที่จางหายไป
เอิ้ก…
หลังจากกินจนเต็มคราบ เกรดี้ก็เรอออกมาอย่างพึงพอใจ ร่างใหญ่ยักษ์ของมันได้รับสารอาหารเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะจากเลือดอสูรของฮาร์เปอร์ที่ทำให้ลวดลายที่เหมือนเส้นเลือดสีดำของมันดูลึกล้ำขึ้น
มันหดเส้นหนวดเก็บแล้วกลายร่างอีกครั้ง ครั้งนี้มันกลับไปเป็นสุนัขสีขาวตัวใหญ่ ดวงตากลมโตสีดำของมันกะพริบอย่างไร้เดียงสาในขณะที่มันแลบลิ้นออกมาแล้วเริ่มหอบ
ไวลด์เดินเข้าไปหาเชอร์รี่แล้วถามขึ้นว่า “คุณหนู เธอเป็นลูกค้าของร้านหนังสือหรือเปล่า?”