เจ้าของร้านพิศวง - บทที่ 196 ทุกอย่างต่างเป็นกลยุทธ์ของเจ้าของร้านหลิน!
บทที่ 196 : ทุกอย่างต่างเป็นกลยุทธ์ของเจ้าของร้านหลิน!
เชอร์รี่เห็นทุกอย่างตั้งแต่ต้นจนจบ ทันทีที่เห็นว่าเจ้าพวกระดับสัตว์ประหลาดต่างถูกเกรดี้กินไปทีละคน เธอก็วิ่งไปหลบที่มุมห้องเพื่อไม่ให้โดนลูกหลงจากการต่อสู้
หัวใจของเธอที่ได้พบวิกฤตอาจถึงตายได้เต้นระรัวอย่างรุนแรง
ศึกระหว่างระดับภัยพิบัตินั้นไม่ค่อยมีให้เห็นและมักจะเป็นเรื่องที่เห็นได้เพียงครั้งเดียวในชีวิต…เพราะคนมองอาจจะตายไปได้ง่าย ๆ ในตอนที่พวกเขาได้พบมัน
แม้ว่าทั้งห้องจะถูกสัตว์ประหลาดยักษ์ปกคลุมไปเกือบหมด แต่ก็ยังมีพื้นที่มุมหนึ่งที่เกรดี้เว้นที่ไว้ ไม่ว่าจะด้วยคำสั่งของไวลด์หรือไม่ก็ตาม…
เชอร์รี่นั่งกุมหัวขดตัวอยู่มุมห้องเหมือนดอกเห็ดน้อย ๆ ที่มองสถานการณ์กลางห้องอย่างกระวนกระวาย
ทว่าทั้งสองในศึกนี้ดูจะมีความห่างชั้นของพลังอยู่มาก เชอร์รี่จึงไม่ได้เห็นฉากรบดุเดือดอย่างที่วาดไว้ในหัว
นักล่าระดับภัยพิบัติฮาร์เปอร์ไม่ได้พุ่งเข้าประชิดไวลด์ทันทีอย่างที่เธอคาดไว้
จากที่เชอร์รี่รู้ ส่วนใหญ่แล้ว นักล่าจะเร่งโจมตีแล้วเข้าประชิดศัตรูที่เป็นนักเวท
เพราะถึงอย่างไร ปกติแล้วพวกนักเวทมักจะร่างกายอ่อนแอกว่าและไม่เก่งการต่อสู้ประชิด ดังนั้นพวกนักล่าจึงย่อมใช้จุดแข็งของพวกเขาเล็งเล่นงานจุดอ่อนของศัตรู
ถ้ารักษาระยะไว้ได้ นักเวทในระดับเดียวกันจะได้เปรียบมาก
สมัยที่ไวลด์ยังอายุน้อยและไร้ประสบการณ์ มันก็เป็นเพราะการมองข้ามจุดอ่อนนี้นี่แหละที่ทำให้ฮาร์เปอร์เข้าประชิดตัวเขาได้ ถึงแม้ว่าไวลด์จะเลี่ยงการบาดเจ็บถึงตายไปได้ แต่ใบหน้าของเขาก็ถูกฉีกออกแล้วได้รับชื่อเล่น ‘บุรุษหน้ากากดำ’ มา
แล้วตอนนี้ ทั้งคู่ก็เรียกได้ว่ามาเผชิญหน้ากันอีกครั้งในสถานการณ์เดียวกันเป๊ะ
ทว่าฮาร์เปอร์ไม่กล้าพุ่งเข้าไปหาเขาแล้ว
ไม่เพียงแต่ไม่พุ่งเข้าไป เขากระทั่งเริ่มตัวสั่นงันงกแล้วถอยหนีอย่างลนลานด้วย
ฮาร์เปอร์ระลึกถึงความกลัวที่ฝังลึกอยู่ในใจได้
ไวลด์ที่เติบโตแล้วนั้นน่ากลัวเกินไป เหมือนสัตว์ป่าที่มีเหตุผลและฉลาด เขาบ้าคลั่ง ดุร้ายและกัดไม่ปล่อยยิ่งกว่านักล่าเสียอีก
ไวลด์ไล่ล่าฮาร์เปอร์อย่างไม่จบสิ้น จนฮาร์เปอร์ต้องไปขอหลบหลังวิถีแห่งดาบอัคคี แล้วสุดท้ายก็กลายเป็นสุนัขรับใช้ขององค์กรที่ว่าไป
ฮาร์เปอร์อยู่อย่างหลบ ๆ ซ่อน ๆ มาหลายต่อหลายปี แต่เขาไม่เคยคิดจะใช้พลังของวิถีแห่งดาบอัคคีเพื่อเปลี่ยนทุกสิ่งทุกอย่างแล้วล้างแค้นเลย เพราะจิตวิญญาณของเขาถูกไวลด์บดขยี้ไม่เหลือแล้ว
ในตอนนี้ เมื่อฮาร์เปอร์ได้มาพบไวลด์อีกครั้ง สัญชาตญาณก็ยังบอกให้เขาหนี
และการกระทำนี้เองที่ทำให้ไวลด์ละทิ้งความคิดที่จะ ‘ระลึกอดีต’ หรือ ‘ฆ่าด้วยตัวเอง’ ทิ้งไป แล้วปล่อยให้เกรดี้ลงมือ
สุดท้ายบุคคลระดับภัยพิบัติก็ตายไปเสียเฉย ๆ ต่อหน้าต่อตาเชอร์รี่ด้วยลักษณะนี้เอง
เธอตะลึงงันพลางคิดว่าระดับพลังของไวลด์น่าจะใกล้กับระดับเหนือนภา…หรือบางทีเขาอาจจะอยู่ในระดับเทพไปแล้ว!
นักเวทมนตร์ดำคนนี้ที่ถูกโจเซฟปราบจนหายไปหลายปีนั้นไม่ได้ตาย แต่กลับแข็งแกร่งขึ้นกว่าเก่าอีกที่จุดเปลี่ยนจุดหนึ่ง
และจุดเปลี่ยนนั้นก็คือร้านหนังสือ!
ดวงตาของเธอเปล่งประกายเมื่อรู้สึก ‘เป็นมิตร’ อย่างแปลก ๆ แล้วพยักหน้ารัว ๆ พลางร้องออกมา “ใช่ค่ะ! ฉันซื้อหนังสือจากร้านของคุณหลินเมื่อสามปีก่อน! ฉันเพิ่งจะไปร้านหนังสือมาเมื่อเร็ว ๆ นี้แล้วกระทั่งช่วยเขารีโนเวตร้านส่วนขยายร้านใหม่ด้วยนะคะ!”
“ที่ฉันมาที่นี่เพื่อตรวจสอบการทำธุรกรรมของคอนกรีฟกับโบสถ์แห่งจุดสูงสุด นี่ก็เป็นเจตนาของคุณหลินค่ะ…”
เชอร์รี่เล่าเรื่องของเธอตั้งแต่ต้น
นี่เป็นครั้งแรกที่เธอได้เผชิญหน้ากับลูกค้าคนอื่นของร้านหนังสือ และไม่ต้องสงสัยเลยว่าเธอมีความอยากรู้อยากเห็น
อยากรู้จังว่าไวลด์ได้หนังสือเล่มไหนจากร้านหนังสือมา…
ยิ่งกว่านั้น เขายังเรียกคุณหลินว่าเป็น ‘พระเจ้าและผู้กอบกู้’ ของเขาด้วย ดู ๆ แล้วก็เหมือนจะเป็นสาวกของคุณหลิน
หรือนั่นจะหมายความว่าคุณหลินมีสังกัดกับศาสนาอะไรสักอย่าง? หรือนี่คือตัวตนจริง ๆ ของคุณหลิน?
ยิ่งเชอร์รี่คิด เธอยิ่งรู้สึกหวาดหวั่น แต่ในขณะเดียวกันเธอก็ตื่นเต้นสุดขีดด้วย ราวกับว่าเธอในตอนนี้ได้เห็นอีกด้านหนึ่งของหลินเจี๋ยแล้ว
“อย่างนี้นี่เอง”
ไวลด์พยักหน้าด้วยรอยยิ้มน้อย ๆ “เธอรู้จักร้านหนังสือเร็วกว่าฉันปีหนึ่ง ดูเหมือนเธอจะเป็น ‘รุ่นพี่’ นะ”
เชอร์รี่ยกมือขึ้นค้านทันที “คุณพูดเกินไปแล้วค่ะ มันก็แค่ทางฉันโชคดีเท่านั้นเอง การได้เจอคุณหลินเป็นเรื่องดีที่สุดที่เกิดขึ้นกับฉัน ฉันได้ยินเรื่องที่คุณทำทั้งหมดในอดีตมาแล้วล่ะค่ะ ไม่ว่าจะด้านไหนคุณก็เป็นรุ่นพี่ฉันทั้งนั้นเลย”
นี่คือคนระดับภัยพิบัติ และเชอร์รี่ก็รู้ดีว่าเขาสุภาพกับเธอเพราะคุณหลินเท่านั้น ถ้าวันดีคืนดีเขารู้สึกไม่อยากจะทำตัวดีกับเธอขึ้นมา เชอร์รี่ก็รู้ว่าเธออาจจะจบเหมือนฮาร์เปอร์ก็ได้
สุภาพบุรุษชราผู้ดูเป็นกันเองนี้ฆ่าคนเป็นสิบ ๆ คนได้ในพริบตา รวมไปถึงคนระดับภัยพิบัติด้วย แล้วจากนั้นก็มาคุยกับเธออย่างใจเย็นอ่อนโยน
มันแสดงให้เห็นจริง ๆ ว่าเขาเป็นคนแบบไหน
สายตาของไวลด์ที่มองไปทางเชอร์รี่อ่อนโยนลง “เดิมทีฉันก็เข้าร่วมกับงานเลี้ยงโลหิตเพราะฉันอยากจะเผยแพร่คำพูดและงานของคุณหลิน เหมือนภารกิจของเธอ นี่ก็เป็นงานที่คุณหลินมอบหมายให้ฉันเหมือนกัน”
เขาชี้ไปที่ข้างในสุดของห้องอีกทิศหนึ่ง เมื่อมองตามไป เชอร์รี่ก็ตระหนักว่ามีคนอีกสี่คนที่นอนชักกระตุกอย่างควบคุมไม่ได้อยู่ที่พื้น พวกเขาคงจะเป็นเป้าหมายเทศนาของเขา
“ฉันไม่ได้คิดจะเข้ามายุ่มย่ามที่นี่ แต่คำพูดของคอนกรีฟและฮาร์เปอร์ที่อยู่ที่นี่ทำให้ฉันเปลี่ยนใจ”
ไวลด์เอื้อมมือเข้าไปในกองเนื้อแล้วหยิบหนังสือสัญญา สมุดบัญชีและแหวนอัญมณีวงหนึ่งออกมาส่งให้เชอร์รี่
เชอร์รี่กล่าวขอบคุณไวลด์พลางหยิบพวกมันมา แล้วก็พบว่ามันเป็นสัญญาที่ลงนามระหว่างคอนกรีฟและโบสถ์แห่งจุดสูงสุดจริง ๆ บัญชีแยกประเภทที่อยู่ในสมุดบัญชีนั้นมีทุกธุรกรรมของ ‘งานเลี้ยงโลหิต’ ระบุไว้ และอัญมณีที่หัวแหวนก็เป็นศิลานักปราชญ์ขนาดจิ๋วที่มาจากสินค้าที่ถูกขโมยไป
“ฉันรู้ค่ะ ฮาร์เปอร์คือศัตรูที่คุณตามหามาตลอดหลายปีนี้” เชอร์รี่ถอนใจ “บังเอิญจริง ๆ”
แล้วเชอร์รี่ก็ชะงักไป
มันเป็นเรื่องบังเอิญจริง ๆ เหรอ?
ไวลด์เข้ามาร่วมกับงานเลี้ยงโลหิตเพื่อช่วยเผยแพร่คำสอนของคุณหลิน
ตัวเชอร์รี่เองก็มาที่นี่เพื่อช่วยคุณหลินหาหลักฐานการหาวัตถุดิบสร้างแก่นจันทร์ศักดิ์สิทธิ์ของโบสถ์แห่งจุดสูงสุดไปพร้อม ๆ กับแทรกแซงสถานที่ทำธุรกรรมและโค่นคอนกรีฟลง
แล้วปรากฏว่าคอนกรีฟเป็นคนช่วยงานเลี้ยงโลหิตในการหาแหล่งกบดาน และเพราะเหตุนั้นทั้งคู่จึงโคจรมาเจอกัน
พวกศัตรูจาก ‘วิถีแห่งดาบอัคคี’ ที่จู่ ๆ ก็โผล่มานั้นคงจะทำให้ไวลด์รู้สึกตึงมือ แต่จู่ ๆ พวกเขาก็ถอยกลับไปเพราะ ‘ข้อตกลงระหว่างร้านหนังสือและวิถีแห่งดาบอัคคี’
“ฉันเห็นแล้วว่าเธอก็ตระหนักถึงมันเหมือนกัน” ไวลด์พูดขึ้น “ก่อนจะมาที่นี่ เจ้าของร้านหลินเคยมาเยี่ยมฉันที่บ้านด้วยตนเองแล้วใช้เหรียญแห่งโชคชะตาช่วยชีวิตฉันไว้ ยิ่งกว่านั้น เขายังช่วยทำนายปฏิบัติการนี้แล้วได้ ‘โชคดี’ ดังนั้นฉันจึงโชคดีได้เจอฮาร์เปอร์ คนที่ฉันไล่ล่าคว้าน้ำเหลวมาหลายสิบปี แล้วฉันก็จำได้ว่า…”
“เหรียญแห่งโชคชะตานั้น หอการค้าแอชเก็บมันไว้มาตั้งนานแล้วนี่”
เชอร์รี่รู้สึกราวกับมีฟ้าผ่ามาที่กลางกระหม่อม แล้วทุกอย่างก็พลันเชื่อมโยงกันขึ้นมา!
เธอสูดหายใจลึก ๆ แล้วพูดขึ้น “ใช่ค่ะ ในระหว่างร้านใหม่กำลังรีโนเวต ฉันให้บัตเลอร์ของฉันมอบเหรียญแห่งเคราะห์ให้กับคุณหลินเป็นของขวัญ ในขณะที่ฉันธุรกิจรัดตัวแล้วไปร้านหนังสือไม่ได้ด้วยตัวเอง บัตเลอร์รายงานว่าคุณหลินดูจะหยั่งรู้อยู่แล้ว ในเวลาเดียวกัน เจ้าของร้านสื่อวีดิทัศน์ที่ร้านข้าง ๆ ก็มาให้เหรียญแห่งโชคกับคุณหลิน แล้วทั้งคู่ก็ประกบกันกลายเป็นเหรียญแห่งโชคชะตาค่ะ”
“นั่นแหละที่ฉันพูดถึง!” ไวลด์ตื่นเต้นขึ้นอย่างเห็นได้ชัด “คุณหลินใช้ของขวัญของเธอมาช่วยฉัน และในขณะเดียวกันเขาก็ทำให้ฉันได้เจอศัตรูคู่อาฆาตที่ล่ามาตั้งหลายปี แล้วในเวลาเดียวกัน พวกเราต่างก็ทำงานของตัวเองลุล่วงได้ หลักฐานของเธอ ภารกิจของฉัน รวมไปถึงการทำข้อตกลงกับ ‘วิถีแห่งดาบอัคคี’ เป็นการติดต่อสามทาง ทุกอย่างต่างก็เป็นกลยุทธ์ของเจ้าของร้านหลิน!”
“แผนอันประณีตที่วางไว้แบบชั้นต่อชั้น ไม่น่าเชื่อจริง ๆ!”
ลูกค้าทั้งสองของร้านหนังสือมองหน้ากัน ต่างฝ่ายต่างทึ่งในปัญญาอันเฉียบแหลมไร้ประมาณของหลินเจี๋ยที่ควบคุมทุกสิ่งไว้ในกำมือได้