เจ้าของร้านพิศวง - บทที่ 202 โจมตีเทพจอมปลอม
บทที่ 202 : โจมตีเทพจอมปลอม
“ทุกหน่วยประจำที่ ตั้งเกราะพลังเวท”
“จดไว้ด้วยนะว่าอย่าสร้างสมอกั้นเขตห่างกันนัก นี่ไม่เหมือนสัตว์มายาในอดีตนะ ร็อดนีย์ใช้ตัวเองเพื่ออัญเชิญ ‘พระเจ้า’ ของโบสถ์แห่งจุดสูงสุดมาเองเชียวนะเฟ้ย”
“เป็นไปได้สูงมากว่ามันอาจจะใช้ความสามารถทุกอย่างของร็อดนีย์ได้ และบางทีอาจจะแข็งแกร่งกว่าเขามากด้วย!”
“พวกนายทุกคนได้รับการฝึกการรับมือร็อดนีย์และวิธีการต่อสู้ของเขาแล้วถูกไหม? อย่าบอกฉันนะว่าในเวลาแค่สองปี หน่วยรบตกต่ำจนไม่ฝึกการรับมือฝ่ายต่าง ๆ แล้วน่ะ”
“อีกอย่าง ส่งคนไปแจ้งสภาผู้อาวุโสด้วยล่ะ จิ้งจอกเฒ่าพวกนั้นควรจะตื่นมายืดเส้นยืดสายซะบ้างนะ”
นี่เราหรือเขากันแน่ที่เป็นหัวหน้าหน่วยรบฟะเนี่ย?! เกรสแฮม วินสตันคิดเมื่อเขาได้ยินการสั่งการเร็วจี๋ของโจเซฟที่ดังขึ้นในสมัยปกครองของเขา
คำสั่งของโจเซฟให้ความรู้สึกเป็นธรรมชาติกว่าของเขามาก…
ยิ่งกว่านั้น คำสั่งเหล่านี้ยังได้รับเสียงเฮอย่างตื่นเต้นกลับมาในทันทีด้วย
เห็นได้ชัดว่าคนเหล่านี้คือผู้สนับสนุนโจเซฟมาตั้งแต่สมัยเขายังเป็นหัวหน้าหน่วยรบ และเป็นเหล่าผู้ภักดีเดนตายของเขา จากชื่อเสียงเก่าก่อนของโจเซฟ แม้จะผ่านไปสองปี เขาก็ยังมีแฟน ๆ อีกเป็นกองทัพ
เจ้าหมอนี่คิดจะกลับจากเกษียณมางาบตำแหน่งฉันหรือเปล่าเนี่ย?!
แต่วินสตันก็เม้มปากออกคำสั่งของเขาเพื่อกระจายงานให้แต่ละคนแล้วเข้าสู่ขั้นตอนการพูดเปิดงานตามธรรมเนียมอย่างรวดเร็ว
“ทุกท่าน นี่จะต้องเป็นศึกหนักแน่ แต่เบื้องหลังเราคือนอร์ซิน ที่ซึ่งครอบครัว เพื่อนและทุก ๆ คนที่เรารู้จักพำนักอาศัย ทุก ๆ ค่ำคืน ทุก ๆ การเหวี่ยงดาบของเรา ทั้งหมดก็เพื่อปกป้องพวกเขา การถอยแม้เพียงก้าวเดียวอาจหมายถึงการเสียรอยยิ้มของคนที่พวกท่านใส่ใจไปหนึ่งคน!”
“ผมรู้ว่าพวกท่านทุกคนขี้เกียจจะมาฟังคำพูดแบบนี้แล้ว แต่จำไว้เถิด!”
“ถ้าพวกท่านไม่ทำในสิ่งที่พวกท่านสมควรทำ เรื่องแบบนั้นก็สามารถเกิดขึ้นได้ทันที! บางทีด้วยเหตุผลบางประการ พวกท่านอาจจะรอดชีวิต แต่ครอบครัวและเพื่อนพ้องของพวกท่านไม่ได้มีความแข็งแกร่งระดับเดียวกับพวกท่านนะ!”
วินสตันชักดาบของเขาขึ้นชี้ไปที่สัตว์ประหลาดหนวดเยอะที่ดูเหมือนดวงจันทร์บนฟ้าไกล ๆ “ไอ้ตัวอัปลักษณ์ตรงนั้นน่ะ” เขาว่า “จะเปลี่ยนอะไรก็ตามที่พวกท่านเป็นห่วงเป็นกองเนื้อได้เพียงแค่ดีดหนวดทีเดียว! พวกท่านเข้าใจใช่มั้ย!”
“เราถอยไม่ได้เด็ดขาด ทุกอย่างที่เราทำได้คือสู้!”
หลังจากปลุกระดมเหล่าอัศวินและเห็นว่าเกราะพลังเวทถูกตั้งขึ้นแล้ว เขาก็เปลี่ยนช่องสื่อสารเป็นช่องส่วนตัวแล้วด่ากราด
“โจเซฟไอ้เชี่ย! นี่เอ็งหรือข้ากันแน่ฟะที่เป็นหัวหน้าหน่วยรบน่ะฮะ?!”
“ไหงคนจากหน่วยข่าวกรองอย่างเอ็งมาเป็นคนสั่งการที่นี่ได้ล่ะเฮ้ย!”
โจเซฟกับวินสตันเป็นเพื่อนเก่ากัน ดังนั้นเขาจึงไม่ได้ถือสากับคำผรุสวาทนั้น เขาหัวเราะอย่างเบิกบานแล้วตอบกลับไป “เออน่า ฉันแค่อยากระลึกความหลังนิด ๆ หน่อย ๆ เอง”
“ต่อให้ฉันกลับไปแข็งแกร่งได้เหมือนเดิม ฉันก็ไม่แย่งเก้าอี้นายหรอกน่า หน่วยข่าวกรองกำไรอื้อกว่าหน่วยรบตั้งแยะ!”
การที่โจเซฟสั่งการข้ามหัววินสตันแบบนี้ไม่ใช่เรื่องอันสมควร ดังนั้นวินสตันจึงมีสิทธิ์เต็มที่ที่จะโกรธ
ทว่าโจเซฟเข้าใจวินสตันดี และรู้ว่าความโกรธของอีกฝ่ายนั้น ที่แท้แล้วเป็นการที่หัวหน้าหน่วยรบคนเก่าคนนี้จะ ‘กลับมา’ แล้วจะเกิดความเคลือบแคลงในตัวเขาตามมา
นี่แสดงให้เห็นว่าเขาไม่มีความมั่นใจในทั้งตำแหน่ง ชื่อเสียงและความแข็งแกร่งของตนเองเลยเมื่อเทียบกับผู้อยู่ในตำแหน่งคนก่อน
แต่นอกจากอารมณ์รุนแรงของเขาแล้ว เจ้าหมอนี่ก็เป็นอัศวินที่ดีคนหนึ่ง และอย่างน้อยก็มีความรับผิดชอบกว่าโจเซฟที่เกษียณตัวเองไปเมื่อสองปีก่อน
วินสตันสะอึกไปครู่หนึ่งแล้วพึมพำ “งั้นนายก็นอนตีพุงอยู่ในหน่วยข่าวกรองของนายต่อไปเหอะ!”
“ไหงเครียดงั้นล่ะ” โจเซฟหัวเราะขำ “พวกเราทุกคนก็เป็นอัศวินของหอพิธีกรรมต้องห้าม เป็นผู้พิทักษ์สันติราษฎร์แห่งนอร์ซินเหมือนกัน แค่นั้นก็พอแล้วไม่ใช่เหรอ?”
วินสตันเงียบไป แล้วตัดการสื่อสาร
เขาเหลือบมองไปที่สมรภูมิที่โบสถ์ที่ลุกไหม้ด้วยความรู้สึกซับซ้อนปนเปกัน โจเซฟ…เจ้าหมอนั่นฟื้นคืนพลังกลับมาแล้วจริง ๆ
เขาฟังดูเหมือนกับที่เขาเคยเป็นไม่มีผิด
ที่ปลายสาย โจเซฟปิดอุปกรณ์สื่อสารของเขาแล้วเหลือบมอง ‘สิ่งมีชีวิต’ ที่เป็นมวลสารสีเงินขนาดใหญ่ ร่างใหญ่โตของมันประกอบด้วยลูกตาใหญ่ยักษ์หนึ่งดวงและฝูงหนวดที่ปกคลุมไปทั่วฟ้า หนวดแต่ละเส้นที่ดิ้นไปมา โรมรันพันตูกับเหล่าอัศวินจากหอพิธีกรรมต้องห้ามนั้นมีความกว้างอย่างน้อยครึ่งเมตร
—
ตู้ม!
ยอดวิหารกลางถูกฉีกออกพร้อม ๆ กับแนวเสาค้ำยัน แล้วหลังคาทรงโดมก็ถล่มลงมาทั้งหลัง ในพริบตา สิ่งที่หลงเหลือก็มีเพียงซากปรักหักพังที่กำลังลุกไหม้
เงาร่างต่าง ๆ ที่เล็กจ้อยเมื่อเทียบกับมันต่างถูกกลบหายไปท่ามกลางทะเลเพลิงอย่างไร้เสียง
เมื่อต่อสู้กับสัตว์มายา มนุษย์นั้นจะดูเล็กจ้อยไร้พลังเสมอ แม้ว่าพวกเขาจะทุ่มสุดตัว แต่ก็ดูราวกับเป็นแค่ประกายแสงชั่วประเดี๋ยวที่ดับลงได้ง่าย ๆ
เทพจอมปลอมหัวเราะ ‘ฮี่ ๆ’ อย่างน่าขนลุกพลางเข่นฆ่าตามอำเภอใจราวกับเด็กไม่รู้ประสีประสาที่ปัดทุกอย่างตกพื้นแล้วไล่เหยียบมด
เสาเพลิงอันเจิดจ้าพวยพุ่งขึ้นเสาหนึ่ง แผดเผาเหล่าเส้นหนวดแล้วกระชากร่างใหญ่ยักษ์นั้นลงมา
“แอ้!!!”
เทพจอมปลอมกรีดร้องในขณะที่ลูกตาใหญ่ยักษ์ของมันหมุนไปจ้องร่างเล็กจ้อยที่ปกคลุมด้วยเปลวเพลิง แล้วหนวดของมันก็สยายออกแล้วฉายภาพสภาวะต่าง ๆ ของดวงจันทร์ออกมา
อาณาเขตแห่งความเงียบ บทพิพากษาผู้นอกรีต รัศมีจันทร์สีเงิน พรศักดิ์สิทธิ์ ภาพฉายสะท้อนจันทร์ ลานแสงจันทร์ กระแสอีเธอร์…
ความสามารถทั้งเจ็ดจากสภาวะทั้งเจ็ดของดวงจันทร์ต่างถูกใช้ออกมาพร้อม ๆ กัน!
วินเซนต์ประสบกับแรงกดดันมหาศาลในขณะที่แสงจันทร์ที่แปดเปื้อนฉายลงที่เขา เปลี่ยนสภาพเป็นสสารที่แทงทะลุร่างของเขา เปลวเพลิงที่รายล้อมเขาหม่นแสงลงเมื่อกระแสอีเธอร์แน่นหนากวาดไปทั่วร่างของเขา มันกวาดกระทั่งพื้นที่ลุกไหม้รอบ ๆ ออกไปจากเขา
เทพจอมปลอมนี้ขโมยพลังของดวงจันทร์มานับพัน ๆ ปี และความแข็งแกร่งนั้นไม่ใช่อะไรที่ดวงอาทิตย์เกิดใหม่ที่วินเซนต์ถือครองจะเทียบได้
“ริบความสามารถ”
เด็กสาวร่างบอบบางปรากฏขึ้นกลางอากาศอย่างเงียบงัน เธอยื่นฝ่ามือขาวนุ่มนิ่มของเธอออกไปแล้วกำเข้าหากัน
เธอคือมูเอน!
ภาพหลอนของหญิงสาวแสนงามในชุดเดรสสีดำที่นั่งอยู่บนดวงจันทร์เสี้ยวพลันปรากฏขึ้นด้านหลังเด็กสาว เธอมีใบหน้าที่เศร้าสร้อย ดวงตาหลุบต่ำในขณะที่เธอถอนหายใจออกมาเบา ๆ
แล้วเธอก็ยื่นมือของเธอออกมาอย่างนุ่มนวลเช่นกัน ราวกับจะชี้นำทางให้ลูกรักของเธอ
“แอ้ แอ๊!!!”
เทพจอมปลอมเริ่มลนลานเมื่อเห็นภาพฉายของวัลเพอร์กิส มันดิ้นรนพยายามหนี แต่มันก็สายไปแล้ว
ภาพฉายของระยะต่าง ๆ ของดวงจันทร์นั้นราวกับเป็นเด็กหลงทางที่เจอแม่ของพวกตนแล้ว พวกมันพุ่งเข้าใส่มือที่ยื่นออกมาของวัลเพอร์กิสดัง ‘ฟ้าว’ แล้วรวมกันเกิดเป็นดวงจันทร์ที่สมบูรณ์ดวงเล็ก ๆ ดวงหนึ่ง
เทพจอมปลอมทำอะไรไม่ถูกไปครู่หนึ่ง ก่อนที่มันจะกรีดร้องออกมาอีกครั้งแล้วพยายามหนี ทว่ามันก็ตระหนักว่ามันไปไหนไม่ได้แล้ว แล้วมันก็ก้มลงมองชายที่โอบล้อมด้วยเปลวเพลิง
ดวงตาของวินเซนต์เจิดจ้าขึ้นในขณะที่เขาออกแรงกระชาก ฟาดเจ้าเทพจอมปลอมลงกับพื้น แล้วเขาก็ชูมือทั้งสองขึ้นพร้อมด้วยดวงตาที่ลุกโชน แล้วตะโกนออกมาว่า “ทัณฑ์นิรันดร!!”
ครืน! เปรี๊ยะ!
แสงสว่างเจิดจ้าระเบิดออกมาบนฟ้าที่มืดหม่นด้วยเสียงราวกับฟ้าผ่า ดูราวกับดวงอาทิตย์กำลังขึ้นและสาดแสงส่องทั่วฟ้าดิน
ขั้นแรกคือการรวบรวมพลังงานที่ลุกไหม้อย่างรุนแรง สะสมมันจนกลายเป็นดวงไฟขนาดยักษ์ แล้วมันก็เริ่มลดระดับลงมา เพิ่มความเร็วขึ้นอย่างรวดเร็วแล้วสร้างแรงกดอากาศมหาศาลที่ทำให้พื้นเบื้องล่างเริ่มแตกเป็นสะเก็ด และฝุ่นกรวดก็เริ่มลอยตัวขึ้น
ทั้งผืนฟ้าต่างลุกไหม้!
ดวงอาทิตย์…กำลังถล่มลงมา!