เจ้าของร้านพิศวง - บทที่ 218 ตำราโอสถบรรพกาล
บทที่ 218 : ตำราโอสถบรรพกาล
พรีม่ารับหนังสือมาอย่างเหม่อลอยแล้วจ้องค้างไปที่แผ่นหลังของหลินเจี๋ยขณะเขาเดินขึ้นบันไดไป
คุณอ่านหนังสือฆ่าเวลาได้…
ลักษณะการพูดของเขาเหมือนพูดกับเด็กเลย
พรีม่าที่ถือหนังสือในมือถอนหายใจยาว ๆ แล้วเธอก็เหลือบมองเจ้าแมวอ้วนสีขาวที่ยังงอนตุ๊บป่อง วาดหางของมันเป็นวงกลมในอากาศอยู่มุมร้านอย่างระมัดระวัง
ท่าทางทุกข์ทนที่ไร้เดียงสาของเจ้าเหมียวนั่นทำให้ยากจะจินตนาการได้ว่าเมื่อกี้มันเพิ่งจะฆ่าผู้มีระดับสัตว์ประหลาดได้ในพริบตา
เอล์ฟดำนักสะกดรอยเรียกพรีม่าว่าหนูน้อย แต่ใครจะคิดว่าเธอนั่นแหละที่เป็น ‘หนู’ ที่ถูกแมวจับได้
เมื่อระลึกถึงเรื่องราวสุดเข้มข้นที่เธอประสบมาในคืนนี้ พรีม่าก็จับต้นชนปลายเรื่องได้อย่างยากลำบาก
ก่อนหน้าเรื่องทั้งหมดนี้ เธอก็เป็นแค่เด็กเนิร์ดที่จมอยู่ในกองภูเขางานวิจัยโอสถเท่านั้น เธอใช้ชีวิตอย่างจืดชืดแต่สงบสุขภายใต้การดูแลของพี่สาวมาโดยตลอด แล้วเธอก็ไม่เคยคิดฝันเลยว่าวันหนึ่งเธอจะต้องตกอยู่ภายใต้สถานการณ์เฉียดตายแบบนี้
แค่อีกนิดเดียว ชีวิตของเธอก็เกือบได้จบที่นี่แล้ว
ถ้าเธอมาไม่ถึงร้านหนังสือล่ะก็ เอลฟ์ดำนักสะกดรอยคงลบร่องรอยของเธอได้ง่าย ๆ แล้วพรีม่าก็คงไม่มีวันได้รู้ตัวการเบื้องหลังการลอบสังหารนี้
“เรายังอ่อนแอเกินไป…”
พรีม่าเม้มปากแล้วใช้ฝ่ามือจับสันหนังสือไว้
นี่เป็นครั้งแรกในชีวิตที่เธอมีความปรารถนาต่ออำนาจ ถ้าเทียบกันแค่เรื่องความรู้ทางเภสัชกรรมด้านการปรุงโอสถล่ะก็ บางทีพรีม่าอาจจะรู้สึกภาคภูมิที่ได้ยืนบนจุดสูงสุดในหมู่คนรุ่นเดียวกันกับเธอก็ได้
ทว่าศัตรูที่เธอกำลังเผชิญหน้าอยู่นี้ไม่ได้อยู่ในรุ่นเดียวกับเธอเลย เจโรมคือผู้นำกลุ่มกบฏที่วางแผนสมคบคิดต่อตระกูล แล้วพรีม่าก็ไม่ได้จะไปเทียบกับเขาด้วยความรู้ทางเภสัชกรรม แต่เป็นการต่อสู้ที่ชี้เป็นชี้ตาย!
เหมือนสิ่งที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ โอสถทั้งหมดของเธอทำได้แค่ถ่วงเวลาเอลฟ์ดำนักสะกดรอยระดับสัตว์ประหลาดและสร้างอุปสรรคเล็ก ๆ น้อย ๆ เท่านั้น
พรีม่ามั่นใจในศักยภาพความรู้เชิงทฤษฎีเรื่องโอสถต่าง ๆ ของเธอ
ถ้าคำนวณให้ดีแล้วใช้โอสถเหล่านี้อย่างเหมาะสม การรับมือหรือกระทั่งสังหารคนระดับสัตว์ประหลาดนั้นย่อมเป็นไปได้แน่นอน
แม้ว่ามันจะเป็นไปได้แค่ในทางทฤษฎีก็ตาม…
ความเป็นจริงได้แสดงผลลัพธ์ให้เห็นแล้ว เมื่อต้องมาเผชิญหน้ากับระดับสัตว์ประหลาดเข้าจริง ๆ พรีม่านั้นแม้แต่จะหยิบขวดยาของเธอยังทำไม่ได้ ซ้ำเธอยังลนลานอยู่ตลอดเวลา ยังต้องพูดอะไรเกี่ยวกับทักษะต่อสู้ของเธออีกเหรอ?
ฉันอยากแข็งแกร่งกว่านี้!
ความคิดนี้ในใจของพรีม่าชัดเจนมาก
แม้ว่ามันจะเหี่ยวเฉาไปหลังจากนั้นก็ตาม การแข็งแกร่งขึ้นนั้นไม่ใช่งานง่ายเลย
สิ่งที่เธอทำได้ทั้งหมดในตอนนี้ก็คืออ่านหนังสือ…
เธอยกหนังสือขึ้นอย่างท้อแท้ แล้วก็นิ่งไป
หนังสือในมือพรีม่าไม่ใช่อะไรที่เธอคิดไว้
ออร่าลึกลับและโบราณแผ่ออกมาจากหนังสือปกสีน้ำเงินเข้ม ภาพสมุนไพรที่วาดอยู่บนหน้าปกหนา ๆ ขรุขระนั้นเป็นสิ่งที่พรีม่าไม่เคยเห็นมาก่อน และอักษรสีทองแดงบนนั้นก็เขียนไว้ว่า ‘ตำราโอสถบรรพกาล’
“ตำราโอสถบรรพกาล…” พรีม่าพึมพำ ในฐานะที่เธอเองเป็นผู้เชี่ยวชาญโอสถ แค่เธอมองมัน เธอก็ทั้งช็อกและทึ่งแล้ว
หัวใจของเธอเต้นรัวแรง ตระกูลซานดร้านั้นเป็นตระกูลที่เชี่ยวชาญโอสถอาถรรพ์ที่เก่าแก่ที่สุดในนอร์ซินแล้ว แต่เธอกลับไม่เคยได้ยินชื่อหนังสือเล่มนี้มาก่อนเลย…
มันราวกับว่ามีเสียงอันไร้ที่มากำลังบอกเธอว่า ทุกอย่างที่เธอแสวงหาตลอดชีวิตนี้ล้วนแต่อยู่ในหนังสือเล่มนี้ทั้งนั้น
สิ่งที่จะใช้สมญา ‘บรรพกาล’ ได้ก็มีเพียงแม่มดบรรพกาลทั้งสี่เท่านั้น
แล้วนี่หมายความว่ายังไง?
แม่มดบรรพกาลทั้งสี่นั้น ครั้งหนึ่งเคยเป็นสัญลักษณ์ของอำนาจสูงสุด นี่หมายความว่าหนังสือตรงหน้าเธอเล่มนี้ก็หมายถึงตำรายาที่แข็งแกร่งที่สุดด้วย?
พรีม่าตะลึงงัน หนังสือเล่มนี้ หลินเจี๋ยส่งมันให้เธอง่าย ๆ เลยนะ!
เว้นแต่ว่า…เจ้าของร้านหนังสือได้หยั่งรู้ถึงความปรารถนาของเธอที่อยากจะแข็งแกร่งขึ้นอยู่ก่อนแล้ว แล้วส่งวิธีที่เหมาะสมให้กับเธอโดยตรง?!
ไม่ต้องสงสัยเลย การกระทำของเจ้าของร้านหนังสือต้องเป็นเจตจำนงของวัลเพอร์กิสแน่ ๆ!
ด้วยความตื่นเต้น พรีม่าเปิดหนังสืออ่านทันที แล้วก็ได้พบข้อความแนะนำหนังสือที่อัดกันเป็นแถวแน่น ๆ
ความตกใจและลุ่มหลงแล่นไปทั่วร่างของเธอ
หนังสือเล่มนี้มีการจำแนกรูปลักษณ์ ที่มา สรรพคุณ การใช้งาน วิธีเก็บเกี่ยวและวัตถุดิบโอสถต่าง ๆ ไว้อย่างละเอียด เรียงลำดับกันอย่างเป็นระบบระเบียบ หนังสือเล่มนี้นับว่าเป็นสารานุกรมโอสถอาถรรพ์ที่สุดยอดมาก
แค่เรื่องนี้เรื่องเดียวก็ทำให้หนังสือเล่มนี้ยอดเยี่ยมกว่าสื่อใด ๆ เกี่ยวกับโอสถอาถรรพ์ที่พรีม่าเคยอ่านมาในชั่วชีวิตของเธอแล้ว
ที่น่าตื่นเต้นกว่านั้นก็คือสูตรโอสถและน้ำยาต่าง ๆ ที่ถูกบันทึกไว้ด้านใน!
“ที่แท้มันก็ทำแบบนี้ได้ด้วย…”
“แม่เจ้า นี่มันสุดยอดเลย…”
“เออะ… ใช้สายรกเด็กมาสังเคราะห์โอสถเนี่ยนะ น่ากลัวชะมัดเลย…ไม่สิ ไม่ใช่ประเด็น การสังเคราะห์โอสถต้องใช้ความมีเหตุมีผล หลักการและความถูกต้องตามกฎหมาย เราควรเป็นห่วงเรื่องหลักการและการใช้งานของโอสถตัวนี้มากกว่า”
“แล้วนี่ ฉันไม่เคยเห็นสมุนไพรนี่มาก่อนเลย มีสมุนไพรแบบนี้อยู่บนโลกด้วยจริง ๆ เหรอเนี่ย? น่าสนใจจัง…”
พรีม่าเปิดหนังสือหน้าแล้วหน้าเล่าโดยไม่รู้ตัว ใบหน้าของเธอมีสีหน้ามากมายตั้งแต่ตื่นเต้น กลัว ไปจนถึงกระตือรือร้น สุดท้ายเธอก็หยุดลงที่หน้าหนึ่งแล้วจ้องมันอย่างฉงนสงสัย
ในหน้านั้นคือภาพวาดที่ดูเหมือนมีชีวิตของสมุนไพรต้นหนึ่งที่พรีม่าไม่เคยเห็นมาก่อน
พรีม่าที่กำลังงุนงงพลันสังเกตเห็นใบของสมุนไพรต้นนั้นขยับนิดหน่อย
…เราคิดไปเองมั้ง?
พรีม่ากะพริบตาถี่ ๆ แล้วก็เห็นว่าสมุนไพรต้นนั้น ‘งอก’ ทะลุหนังสือออกมา ภาพวาดถูกลอกออกมาจากหน้าหนังสือแล้วเปลี่ยนไปเป็นต้นไม้ที่มีชีวิตจริง ๆ
นี่คือ…หนังสือมีชีวิต!
วัตถุดิบโอสถทั้งหมดในหนังสือเล่มนี้ยังมีชีวิตอยู่!
มือของพรีม่าที่ถือหนังสืออยู่เริ่มสั่นเล็กน้อย แล้วจู่ ๆ เธอก็ได้ยินเสียงฝีเท้าเดินลงบันใดมาจึงสะดุ้งโหยงปิดหนังสือฉับ
เธอเอียงศีรษะไปมองแล้วก็พบหลินเจี๋ยเดินนำเด็กสาวที่มีสีหน้าว่างเปล่าคนหนึ่งลงบันใดมา
หลินเจี๋ยพามูเอนมาที่เก้าอี้ข้าง ๆ เก้าอี้อาบแดดแล้วกดบ่าของเธอให้นั่งลง
“นี่คือพรีม่าครับ เธอสามารถถามเรื่องราวอย่างชัดเจนกับเธอได้ทีหลัง ยังไงเธอก็เป็นคนที่ผมเพิ่งช่วยมาและจะอยู่กับเราที่ร้านไปก่อนชั่วคราว ญาติดีกับเธอไว้ด้วยนะครับ” เขาว่า
มูเอนกะพริบตา หันไปมองพรีม่าแล้วเข้าใจทันที นี่ต้องเป็นผู้ได้รับการเจิมที่ถูกชักจูงมาที่นี่แน่
เธอพยักหน้าแล้วตอบกลับ “ค่ะ”
หลินเจี๋ยที่พึงพอใจตบบ่าผู้ช่วยที่พึ่งพาได้ของเขาแล้วออกไปซ่อมประตู
พรีม่าจ้องมูเอนนิ่งและตกตะลึงอย่างรุนแรง
ในฐานะผู้ได้รับการเจิม ออร่าของวัลเพอร์กิสที่ถูกฝังลึกในวิญญาณของพรีม่าทำให้เธอสัมผัสได้ทันทีว่าเด็กสาวคนนี้…มีออร่าเหมือนวัลเพอร์กิส!
ไม่สิ นั่นคือออร่าของวัลเพอร์กิสเลยแหละ!
เดี๋ยวก่อนนะ ถ้าคนคนนี้คือวัลเพอร์กิสตัวจริง…
ก่อนหน้านี้ หลินเจี๋ยเคยบอกพรีม่าว่าเธอจะได้ ‘นอนร่วมห้องกับผู้ช่วยของเขา’ แล้วผู้ช่วยที่เขาพูดถึงก็ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากมูเอน
ซึ่งก็หมายความว่าเขาไม่ใช่ทูตของวัลเพอร์กิสด้วย
ในทางกลับกัน วัลเพอร์กิสต่างหากที่เป็นผู้ช่วยของเขา…ผู้ช่วยของเขาคือแม่มดบรรพกาลคนหนึ่ง!
สมองของพรีม่าประสบเหตุระบบขัดข้อง
เธอรู้สึกว่ามุมมองต่อทุกสิ่งทุกอย่างของเธอถูกเปลี่ยนใหม่หมดแล้ว
—
ในขณะเดียวกัน เจโรมผู้ขาดการติดต่อกับเอลฟ์ดำนักสะกดรอยที่เขาทำสัญญาด้วยกำลังเดินไปเดินมาอย่างกระวนกระวาย
“เป็นไปได้ยังไง พรีม่าจะไปมีความเชื่อมโยงกับร้านหนังสือนั่นได้ยังไง?”
“แล้วตอนนี้เราต้องทำยังไงดี?”
“ก่อนหน้านี้ ขนาดปืนใหญ่ทลายอีเธอร์ยังถูกทำลายเลยนะ…”