เจ้าของร้านพิศวง - บทที่ 220 ผมควรไปร้านหนังสือ
บทที่ 220 : ผมควรไปร้านหนังสือ
สายตาของแอนดรูว์ยังคงจับจ้องที่โต๊ะทำงานตรงหน้าตัวเองในขณะที่เขาครุ่นคิดอยู่สักพัก แล้วสุดท้ายก็พยักหน้าด้วยดวงตาที่ฉายประกาย
“เข้าใจแล้ว รบกวนไปบอกเขาทีว่าผมยังติดธุระอยู่ แล้วให้เขาไปรอผมที่ห้องโถงนะ”
“ครับนายท่าน” คนใช้ถอยออกไปอย่างนอบน้อมในทันที
แอนดรูว์แน่ใจ 70% แล้วว่าการคาดเดาของเขาถูกต้อง แค่ว่าเขายังไม่มีหลักฐานเป็นชิ้นเป็นอัน
เขาตัดสินใจจะอยู่บ้านในช่วงนี้เนื่องจากเขากำลังถูกจับตามองและถูกริบอำนาจไว้ส่วนหนึ่ง ในระหว่างนี้ เขาก็ได้รวบรวมบันทึกการเข้าออกของเจ้าหน้าที่สมาคมแห่งสัจธรรมทุกคนไว้
ในเมื่อเขาเชื่อใจคนรอบ ๆ ตัวเขาไม่ได้ แอนดรูว์จึงทำแม้กระทั่งรับบันทึกมาจากหลายแหล่งแล้วปะติดปะต่อเรียบเรียงด้วยตนเอง
หลังจากทำความเข้าใจการเคลื่อนไหวของเจ้าหน้าที่ทุกคนในช่วงนี้แล้ว เครือข่ายที่ค่อนข้างชัดเจนก็ค่อย ๆ เด่นชัดขึ้นมาอย่างช้า ๆ แอนดรูว์พอจะได้เบาะแสลาง ๆ มาสองสามอย่างจากวงใน
ในตอนนี้เขาได้ไล่ทำรายชื่อคนที่มีความเป็นไปได้ว่าจะเป็นไส้ศึกและอยากจะสืบต่อ ทว่าในเมื่อเขาถูกควบคุมการเคลื่อนไหวอยู่แบบนี้ มันก็ยังเป็นไปไม่ได้
แอนดรูว์สงสัยว่าเขาได้รับอิทธิพลบางอย่างในกระบวนการคิดของเขาเมื่อก่อน
ไม่อย่างนั้นเขาคงไม่มีวันบุ่มบ่ามโจมตีภาพฉายของแคนเดลาที่ปรากฏขึ้นในความเป็นจริงหลังจากทำศึกกับเทพพิรุณหรอก
แล้วท้ายที่สุด การตัดสินใจนั้นก็ทำให้เกิดความเสียหายกับสมาคมแห่งสัจธรรม และเป็นการหาเรื่องเจ้าของร้านหนังสือโดยสมบูรณ์
จากการกระทำที่แอนดรูว์ทำมาแล้ว…
ถ้าจะให้ใครบรรยายถึงสภาพของเขาในตอนนั้น คำว่า ‘สติฟุ้งซ่าน’ จะเป็นคำที่เหมาะสม
ในตอนนี้ เมื่อแอนดรูว์ได้เวลามานั่งคิดคนเดียว เขาก็ตระหนักได้ว่ากระบวนการคิดของเขาในตอนนั้นไม่เชื่อมต่อกัน
ในขณะที่เขาอาจจะมีฐานะดีและเบื้องหลังที่สูงส่ง แอนดรูว์ก็ยังพึ่งพาตัวเองในการไต่ขึ้นมาถึงตำแหน่งรองประธานได้ ในหลายปีที่ผ่านมาเขาไม่เคยทำผิดพลาดใหญ่หลวงเลย แต่เขากลับทำทุกอย่างพังในช่วงเวลาคับขันนั้น
มันดูสมเหตุสมผลด้วยเหรอ?
แน่นอนว่าในตอนนั้น แอนดรูว์ไม่ได้รู้สึกว่ามีอะไรผิดไปเลย…
“ในตอนนั้นต้องมีใครสักคนเข้ามาติดต่อเราไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม แล้วทำให้เราเพี้ยนไปแน่ ๆ”
“แล้วคนคนนี้ก็ต้องเป็นคนคนเดียวกับที่ก่อวินาศกรรมกับระบบสังเกตการณ์ของสมาคมแห่งสัจธรรมในนอร์ซิน และเป็นคนที่ขวางคำสั่งของฉันไม่ให้ถูกส่งออกไปด้วยแน่ ๆ”
“ต้องมีใครสักคนที่ตรงตามเงื่อนไขทั้งหมดนี้ คนที่มีการติดต่อกับเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง และในขณะเดียวกันก็มีความสามารถที่จะอยู่ห่างจากจุดเกิดเหตุเพื่อเลี่ยงความสงสัยได้”
“แต่เราก็ยังหาไม่เจอว่าคนคนนั้นเป็นใคร…”
แอนดรูว์อดสัมผัสตีนผมที่ถอยร่นลงเรื่อย ๆ ของเขาไม่ได้ รู้สึกเหมือนกับเสน่ห์ที่เคยติดแน่นทนนานไม่สนกาลเวลากำลังเสื่อมถอยลงแล้ว “ถ้าฉันสามารถใช้เครือข่ายตรวจจับอีเธอร์ได้ เรื่องคงจะสะดวกกว่านี้เยอะเลย”
ทว่าในระหว่างช่วงนั้น แม้แต่ข้อมูลในเครือข่ายตรวจจับอีเธอร์ก็ยังถูกปลอมแปลง ส่งผลให้เครื่องตรวจจับนั้นเชื่อถือไม่ได้โดยสิ้นเชิง
“ทำไมเจโรมต้องมาหาฉันกะทันหันด้วยนะ? ในอดีตเราก็ไม่ได้มีการติดต่ออะไรกันนักเลยนี่นา”
“นี่เกี่ยวกับมาร์กาเร็ตหรือเปล่า? หรือเรื่องอื่น…ไม่ว่าอย่างไร เขาก็เป็นผู้ต้องสงสัยด้วยแน่ ๆ”
ในตอนนี้เอง จู่ ๆ ในใจของเขาก็เหมือนเห็นทางสว่างราวสายฟ้าที่แลบผ่านหมู่เมฆแห่งความสับสนที่เคยปกคลุมเขาอยู่ในทีแรก
เขาจำเนื้อหากระดาษบันทึกการเข้าออกและเส้นทางของสมาชิกสมาคมแต่ละคนได้อย่างขึ้นใจแล้ว เส้นทางที่เจโรมใช้ในตอนนี้เหมือนจะเด้งออกมาจากหน้ากระดาษแล้วปรากฏเด่นชัดกว่าคนอื่น ๆ
แอนดรูว์ชะงักกับที่แล้วหรี่ตาลง ปากกาขนนกในมือของเขาในตอนนี้ส่ายไปมาอย่างไม่รู้ตัว แล้วเขาก็ไม่ได้ใส่ใจรอยเปื้อนหมึกที่ก่อตัวบนกระดาษที่เขาวาดเส้นอย่างรีบร้อนด้วย
“ตรงนี้…ตรงนี้ เขาไปติดต่อกับหน้าหน้างานในเครือข่ายตรวจจับอีเธอร์ในวันนี้ ถึงจะแค่เดินเฉี่ยวกัน แต่เขาก็ไปยืนอยู่ข้าง ๆ คนสั่งการอยู่สักพักด้วย ส่วนเรา…ครั้งหนึ่งเขาเคยช่วยเราส่งโอสถเพื่อความงามให้กิ๊กของเรา ซูซานด้วยนี่!”
ปัง!
แอนดรูว์กระแทกฝ่ามือลงบนโต๊ะด้วยสีหน้าถมึงทึง เขาจ้องแผนภาพที่เขาวาดไว้ลวก ๆ เขม็งแล้วกัดฟันพูด “แหงล่ะ! เขาไม่ได้ลงมือด้วยตัวเอง แต่ใช้คนของตระกูลซานดร้า แต่ในฐานะสมาชิกตระกูลซานดร้าคนหนึ่ง เจโรมก็อาจทำอะไรหลบ ๆ ซ่อน ๆ ได้!”
โอสถพวกนั้นต้องไม่ปกติ!
แอนดรูว์สังหรณ์ว่าเขาจะเคยตกอยู่ใต้อิทธิพลของโอสถ ซึ่งทำให้การกระทำก่อนหน้านี้ของเขาถูกควบคุมบงการ!
เจโรมคือไส้ศึก!
“แล้วเขาคิดจะทำอะไรฉันในการมาเยือนครั้งนี้กันล่ะ?”
แอนดรูว์มองไปทางประตูห้องทำงานของเขา ราวกับว่าเขาเห็นเจโรมที่รออยู่หลังประตู
แอนดรูว์พอจะจินตนาการได้ลาง ๆ ว่าก่อนจะมาที่นี่ เจโรมคิดว่าตัวเองเป็นนักล่าและแอนดรูว์เป็นเหยื่อ
ณ จุดนี้ เจโรมน่าจะกำลังลิงโลด คิดว่าหัวหน้าของเขากำลังเต้นอยู่บนฝ่ามือ
แค่ว่าเรื่องทุกอย่างมันต่างออกไปแล้วในตอนนี้
บทบาทของนักล่าและเหยื่อกลับตาลปัตร
ทว่าแอนดรูว์ไม่ได้คิดจะเปิดโปงเจโรมแล้วลากเขาไปรับโทษในทันที เขายังคงขาดหลักฐานที่จับต้องได้ที่จะพิสูจน์ความผิดของเจโรมอยู่ แล้วการทำแบบนั้นก็อาจจะเป็นการแหวกหญ้าให้งูตื่นได้
ต้องมีใครสักคนชักใยอยู่เบื้องหลังเจโรมอย่างลับ ๆ แน่
ส่วนตอนนี้ แอนดรูว์ต้องเอาชนะเจโรมในเกมที่เขาตั้งขึ้นเอง
เขารู้ถึงหลักการคิดของเจ้าของร้านหนังสือ ตราบใดที่เขาสามารถเป็นลูกค้าร้านหนังสือได้ ก็จะสามารถได้รับความช่วยเหลือจากเจ้าของร้านหนังสือได้…
ใช่แล้ว ตอนนี้แอนดรูว์อยากจะไปขอความช่วยเหลือจากเจ้าของร้านหนังสือแล้ว!
—
หลังจากรออยู่ในห้องโถงได้ราว ๆ ยี่สิบนาที ในที่สุดเจโรมก็ได้พบแอนดรูว์ที่ไม่ได้พบกันเสียนาน
แอนดรูว์ยื่นมือออกมาแล้วหัวเราะขำ “ขออภัยที่ให้รอ ผมติดธุระนิดหน่อยน่ะ”
“ไม่เป็นไรหรอกครับ เป็นเกียรติที่ได้รอคุณในห้องโถงของคุณครับ” เจโรมยืนขึ้นจับมือกับแอนดรูว์ในขณะที่ยอเขาอย่างเปิดเผย
เขายังฉวยโอกาสสังเกตแอนดรูว์ที่ไม่ได้ออกมาสู่สายตาสาธารณะอยู่สักพักแล้วด้วย
หลังจากความพ่ายแพ้ในช่วงนี้ รองประธานสมาคมแห่งสัจธรรมนั้นไม่ได้มีบรรยากาศมั่นใจในตัวเองอีกต่อไป เขาดูจะแก่ลงไปอีกสิบปี แม้ว่าพูดไปแล้วมันจะเป็นหน้าตาที่สมอายุกว่าก็ตามที
แต่…แบบนี้ยิ่งดีเลย
ยิ่งเป็นแบบนี้ คนก็คงเชื่อได้มากกว่าว่าแอนดรูว์ยอมรับความผิดพลาดของตัวเองไม่ได้ และใช้วิธีคิดสั้น ๆ เพื่อฆ่าตัวตาย
เจโรมยิ้มอย่างให้เกียรติเพื่อแสดงความเคารพต่อรองประธานแอนดรูว์และแสดงความเข้าอกเข้าใจความลำบากของรองประธาน
แต่ที่จริงแล้ว เขากำลังแอบปล่อยหมอกโอสถของเขา…
ทั้งคู่ยังคงค้างในท่าจับมือ มันจบแล้ว!
เจโรมคิดในใจ
แล้วเขาก็แทรกความหมายโดยนัยไว้ซ้ำ ๆ ในการสนทนาราวกับเป็นเสียงกระซิบของปีศาจ
“ทำไมคุณถึงไม่ไปพิสูจน์ตัวเองล่ะครับ?”
“ที่จริงแล้วเจ้าของร้านหนังสือคนนี้ไม่ได้มีพลังอะไรมากนักหรอกครับ หลังจากอัญเชิญวิญญาณของแคนเดลามาแล้วประมือกับอัครสาวกเดือนเสี้ยวข้างแรม เขาก็ไม่ได้ทำอะไรอย่างอื่นเลย เขาไม่เคยจัดการปัญหาอะไรด้วยตัวเองเลยด้วย นี่ก็ยิ่งพิสูจน์ได้เข้าไปใหญ่ว่ามันก็แค่ฟลุค!”
“การมีอยู่ของเขาก็แค่เป็นตัวแปรสุ่มและภัยคุกคามต่อทั้งนอร์ซินและสมาคมแห่งสัจธรรมครับ ร้านหนังสือควรถูกกำจัดครับ!”
“คุณควรจะโดดเด่นท่ามกลางสปอตไลท์ของสมาคมแห่งสัจธรรม ไม่ใช่มาถูกพักงานแถมถูกเข้าใจผิดอย่างในตอนนี้นะครับ ถ้าคุณสามารถฆ่าเจ้าของร้านหนังสือชั่วร้ายคนนั้นได้ คุณจะต้องได้รับทุกอย่างที่คุณเสียไปคืนมาแน่นอน”
แอนดรูว์หลับตาลงแล้วพึมพำ “คุณพูดถูก ผมควรไปร้านหนังสือ”