เจ้าของร้านพิศวง - บทที่ 238 มอบนาฬิกาเป็นของขวัญ
บทที่ 238 : มอบนาฬิกาเป็นของขวัญ
ในที่สุดแอนดรูว์ก็ตัดสินใจมาหาเจ้าของร้านหนังสือที่ลึกลับแต่ทรงพลังคนนี้หลังจากกล่อมตัวเองอยู่นาน
ลึก ๆ แล้วเขาก็รู้ ว่าการเดินทางมาเยือนครั้งนี้เป็นสิ่งที่เขาต้องทำ
แต่ด้วยความที่ครั้งหนึ่งเขาเคยมีทัศนคติเชิงปรปักษ์ต่อร้านหนังสือร้านนี้ และเคยวางแผนประสงค์ร้ายมาแล้วสองสามครั้ง แอนดรูว์คงโกหก ถ้าจะพูดว่าเขาไม่กังวล
เขาเหงื่อเย็นแตกซิกทุกครั้งที่เขาย้ำเตือนตัวเองถึงการกระทำเก่าก่อนของตัวเอง
เมื่อพูดถึงความแข็งแกร่งที่เจ้าของร้านหนังสือที่ชื่อหลินเจี๋ยแสดงออกมาแล้ว การปลิดชีพแอนดรูว์นั้นก็ง่ายราวปอกกล้วยสำหรับเขา
แม้ว่าในตอนนี้เขาจะเข้าใจแล้วว่าความมุทะลุในการกระทำเก่าก่อนของเขาจะเป็นผลจากการถูกครอบงำและควบคุมโดยเจโรม แอนดรูว์ก็คิดว่านี่คงเป็นสาเหตุที่หลินเจี๋ยไม่เคยถือสาการกระทำลบหลู่ของเขาอย่างต่อเนื่องเลย นี่ไม่เคยเป็นเจตนาจริง ๆ ของเขาเพราะจิตใจของเขาได้รับอิทธิพลจากภายนอก
ทว่าแอนดรูว์ก็ไม่เคยมาพูดคุยกับเจ้าของร้านหนังสือมาก่อน และเรื่องทั้งหมดก็เป็นแค่การคาดเดาของเขา
ถ้าหลินเจี๋ยแค่ปล่อย ‘ปลาซิวปลาสร้อย’ อย่างเขาให้รอดไปก่อน แล้วค่อยวกมาคิดบัญชีกับเขาทีหลังล่ะ?
แล้วตอนนี้ที่เขาเดินเข้ามาหาเจ้าของร้านหนังสือเอง ไม่ใช่ว่าเขากำลังรนหาที่ตายเหรอ?
แต่แอนดรูว์ไม่มีทางเลือกอื่น
ไม่ว่าเขาจะสับสนในใจและไม่เต็มใจแค่ไหน เขาก็ไม่มีอำนาจที่จับต้องใด ๆ ได้แล้ว ทุกคำสั่งของเขาต้องผ่านการตรวจสอบก่อนที่จะได้รับการอนุมัติ ซึ่งนั่นเป็นข้อจำกัดสำหรับเขาอย่างเต็มประตู
ตราบใดที่เจโรมยังอยู่ เขาก็สามารถสร้างอิทธิพลต่อการตรวจสอบโดยการครอบงำคณะกรรมการด้วยโอสถที่มีผลต่อจิตใจแล้วทำลายแผนของแอนดรูว์อย่างสบายใจเฉิบได้
แอนดรูว์สงสัยว่าเดียมันเต้ รองประธานอีกคนของสมาคมแห่งสัจธรรมก็อยู่ภายใต้อิทธิพลของเจโรมด้วยเช่นกัน เพราะถึงอย่างไรเจโรมก็ดูทะเยอทะยานเหลือเกิน
คนที่แอบสนับสนุนเขาอยู่ต้องทำให้เขามั่นหน้ามั่นใจมากจนหลอนคิดว่าตัวเองจะครอบงำสมาคมแห่งสัจธรรมได้…
แล้วทั้งหมดนี้ก็มาเกิดในตอนนี้ที่ประธานมาเรียไม่อยู่เสียด้วย
พูดง่าย ๆ ก็คือ แอนดรูว์อยากเปลี่ยนสถานการณ์ ในตอนนี้ ทางเดียวที่เขาทำได้คือขอความช่วยเหลือจากเจ้าของร้านหนังสือผู้แข็งแกร่ง
แล้วเขาก็ต้องตระหนกที่เจ้าของร้านหนังสือที่เขามองว่าเป็นความหวังสุดท้ายนั้นไม่แม้แต่จะจดจำเขาได้…
แอนดรูว์ตกสู่ความเงียบ
จบเห่แล้วฉัน นี่คือความคิดแรกที่แล่นผ่านในใจเขา
แล้วจากนั้น บางสิ่งก็ลงล็อกในใจของเขา แล้วความคิดของแอนดรูว์ก็พลุ่งพล่าน เขามีชื่อเสียงว่าสามารถทุกด้านแต่กลับอ้างว่าเขาไม่รู้จักเรา ที่จริงเขาจะพูดก็ได้ว่าเขาลืมตัวเราก่อนที่จะมาที่นี่ไปแล้ว แต่ในเมื่อเรามาอยู่ตรงหน้าเขาในครั้งนี้ เขาต้องโกหกเราอยู่แน่ ๆ
ดังนั้นความเป็นไปได้ก็มีเพียงหนึ่ง เขาจงใจทำเป็นไม่รู้!
และเหตุผลที่เขาทำแบบนี้ก็มีแค่…
เขาตั้งใจจะไม่รับคำขอโทษของเรา!
หัวใจของแอนดรูว์ดิ่งวูบ
หรือเราประเมินสถานการณ์ผิดไปอย่างมหันต์? ที่จริงแล้วเขารู้สึกถูกลบหลู่แล้วอยากใช้โอกาสนี้ดูเราดิ้นพล่านเป็นการแก้แค้นหรือเปล่า?
แอนดรูว์อดไม่ได้ที่จะเผยรอยยิ้มขมขื่นในขณะที่ความคิดของเขาจมสู่ความสิ้นหวัง ความรู้สึกขบขันในตลกร้ายนั้นสมกับตัวตนระดับสูงแบบนั้นจริง ๆ…
แต่…ไม่สิ!
ความคิดหนึ่งจุดประกายขึ้นในหัวของแอนดรูว์ เมื่อกี้เขาเพิ่งพูดว่า ‘ยินดีต้อนรับ’ แปลว่าเขาไม่ได้ปฏิเสธเราอยู่ใช่ไหม? นี่คือสัญญาณว่าเขากำลังปฏิบัติกับเราในฐานะลูกค้า!
จากมุมมองอีกด้านแล้ว บางทีเขาอาจจะปฏิเสธคำขอโทษของเราเพราะเขาไม่ได้คิดว่าเราต้องขอโทษก็ได้ เพราะถึงอย่างไร ทั้งหมดก็เป็นแผนชั่วของเจโรมและไม่ใช่ความผิดเราเลย…
เขาพูดกับเราในฐานะที่เราเป็นลูกค้าใหม่ที่เจอกันครั้งแรกล้วน ๆ นี่คือโอกาสเริ่มใหม่จากศูนย์!
แล้วตอนนี้…เขาก็ยังเฝ้าสังเกตเราอยู่ เขาต้องกำลังทดสอบความจริงใจของเราอยู่แน่นอน ฮ่า ๆๆ ดีนะที่เราค้นคว้าก่อนจะมาที่นี่!
ประกายแห่งความหวังกลับมาที่แอนดรูว์ และชายรูปงามก็กลับมากระชุ่มกระชวยอีกครั้งทันที แล้วเขาก็พลันเงยหน้าขึ้นอย่างตกใจ
เดี๋ยวก่อนนะ…แล้วเขามองออกไหมว่าเมื่อกี้เราคิดอะไรอยู่?
ไม่ใช่ว่าเรากำลังปล่อยไก่ต่อหน้าเขาเหรอ…
แอนดรูว์ดูกลืนไม่เข้าคายไม่ออกในขณะที่เขาพยายามควบคุมสีหน้าที่เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วของเขาเมื่อเห็นสีหน้าขบขันของหลินเจี๋ย เขาบอกได้เลยว่าความคิดในใจของเขาถูกเผยให้หลินเจี๋ยรู้หมดเปลือกแล้ว
ทุกความคิดและแผนของเขาล้วนน่าขำ และความแข็งแกร่งของตัวเขาเองยิ่งแย่ยิ่งกว่า
แอนดรูว์เต็มไปด้วยความรู้สึกผิดเมื่อตระหนักได้ว่าก่อนหน้านี้เขาโง่เง่าแค่ไหน
หลินเจี๋ยมีสีหน้างุนงงเล็กน้อยบนใบหน้าขณะเฝ้าสังเกตลูกค้าที่ยืนเงียบอยู่ตรงหน้าเขา
ทำไมลูกค้าคนนี้แปลกจัง…
เขาไม่ได้ดูเหมือนจะมาซื้ออะไรที่นี่เลย และสิ่งแรกที่เขาทำก็คือขอโทษแบบน่าขำ หลังจากนั้นอารมณ์ของเขาก็ดูฟุ้งซ่านจากสีหน้าที่เปลี่ยนไปเปลี่ยนมา จากโศกเศร้าเป็นสิ้นหวัง แล้วก็กลายเป็นชื่นมื่นอารมณ์ดี
เห็นได้ชัดว่าเขากำลังเก๊ก และจากการตัดสินจากประสบการณ์ของหลินเจี๋ยแล้ว เขาต้องเป็นคาสโนว่าเก่าแน่ ๆ แต่ทำไมเขาถึงทำท่าทีเหมือนสติจะเสียเพราะถูกสาวทิ้งแบบนี้ล่ะ…
ที่จริงแล้ว หลินเจี๋ยรู้สึกว่าคน ๆ นี้มองเขาราวกับเป็นคุณครูสุดโหดในห้องปกครอง แล้วตัวเขาก็เป็นนักเรียนที่โดนจับได้คาหนังคาเขาว่าแอบเล่นโทรศัพท์ในห้องเรียนยังไงยังงั้น
และมันก็บังเอิญว่าเขากำลังเข้าไปในเว็ปไซต์ไม่เหมาะไม่ควรบางเว็ปที่ขึ้นด้วยตัว ‘p’ แล้วโดนจับประจานกลางห้องด้วย
แม้ว่ามันจะเป็นความคล้ายคลึงที่ค่อนข้างแปลก แต่หลินเจี๋ยก็สัมผัสถึงความอับอายและชิงชังอันละเอียดอ่อนจากเขาได้จริง ๆ
“คุณครับ?”
หลินเจี๋ยกระแอมแล้วตัดสินใจทำลายสถานการณ์กระอักกระอ่วนลงก่อน แล้วเขาก็ถามอย่างสุภาพ “ขอทราบได้ไหมครับว่าคุณหมายถึงอะไร? ผมรับคำขอโทษของคุณไม่ได้ถ้าผมไม่เกี่ยวข้องนะครับ”
ในตอนนั้นแอนดรูว์สงบตัวเองลงได้แล้ว เมื่อเขาได้ยินคำพูดของหลินเจี๋ย ดวงตาของเขาก็เปล่งประกายอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่เขาจะปรับสีหน้าเป็นเคร่งขรึม
คำถามนี้…ต้องเป็นบททดสอบ!
เจ้าของร้านหนังสือต้องอ่านใจเขาได้จริง ๆ และต้องสัมผัสความจริงใจจากเขาได้แล้วแน่ ๆ ดังนั้นเขาถึงเสนอโอกาสให้เขาได้ขอโทษแล้วแก้ตัวใหม่
ถ้าเขาสามารถขอรับการอภัยได้จริง ๆ เจ้าของร้านหนังสือก็ย่อมมองเขาในทางที่ดีขึ้น
เงื่อนไขของคำถามนี้คือ สิ่งที่แอนดรูว์ขอโทษต้องเป็นอะไรที่เกี่ยวข้องกับเจ้าของร้านหนังสือ
และช่วงเดียวที่เกิดเรื่องแบบนั้นขึ้นก็คือในระหว่างที่แผนชั่วของเจโรมดำเนินอยู่ ซึ่งแอนดรูว์ได้มุ่งเป้าโจมตีมาที่เจ้าของร้านหนังสือโดยตรง แล้วตอนนั้นเขาก็ออกคำสั่งให้พวกกลุ่มนักวิชาการ ‘ผู้แสวงหาความจริง’ พวกนั้นมา ‘ป่วน’ ร้านหนังสือ!
แอนดรูว์พูดเบา ๆ ด้วยความระมัดระวังเต็มที่ “คุณยังจำพวกฮู้ดได้ไหมครับ?”
หลินเจี๋ยนิ่งไปแล้วระลึกขึ้นมา “เจ้าพวกเด็กที่บุกเข้ามาในร้านหนังสือของผมในยามวิกาลเหรอครับ? ทำไมเหรอ…คุณเป็นคุณพ่อของพวกเขาเหรอครับ?”
“คุณมาที่นี่โดยเจาะจงเพื่อขอโทษในส่วนของพวกเขาเหรอครับ?”
หลินเจี๋ยเกือบลืมเจ้าพวกนั้นไปแล้ว แต่การมาขอโทษเขาในสถานการณ์นั้นในตอนนี้ฟังขึ้นแล้ว
“เรื่องเป็นแบบนี้ครับ” แอนดรูว์ถอนหายใจโล่งอกเมื่อรู้ว่าเขาผ่านบททดสอบรอบแรกแล้ว แล้วเขาก็พูดต่อ “ผมเป็นรองประธานสมาคมแห่งความจริงครับ พูดเชิงทฤษฎีแล้วผมก็เป็นเจ้านายของพวกเขา แล้วฮู้ดก็เป็นหลานชายของท่านประธานมาเรียด้วย ดังนั้นจะบอกว่าพวกเขาเป็นลูก ๆ ของผมก็คงไม่ผิดเสียทีเดียวครับ”
หลินเจี๋ยพยักหน้า แสดงให้เห็นว่าเขาเข้าใจแล้ว
เมื่อหลินเจี๋ยพยักหน้า แอนดรูว์ก็ปลาบปลื้มจนน้ำตาแทบไหล แล้วเขาก็สูดหายใจลึก ๆ ก่อนที่จะแสดงกล่องเคลือบสีเงินใบน้อยที่ประณีตงดงามออกมา
“นี่คือของขวัญที่ผมเตรียมไว้ให้คุณครับ ผมหวังว่าคุณจะให้อภัย…”
เขาเปิดฝากล่องสีเงินอย่างระมัดระวัง แล้วบรรจงเผยสิ่งที่ดูเหมือนนาฬิกากลตั้งโต๊ะที่ละเอียดอ่อนออกมา