เจ้าของร้านพิศวง - บทที่ 242 สรรพสิ่งคือหนึ่งเดียว
บทที่ 242 : สรรพสิ่งคือหนึ่งเดียว
ด้วยความรู้สึกซับซ้อนเหมือนน้ำท่วมปาก แอนดรูว์เปิดหน้าแรกของหนังสือแล้วเผชิญหน้ากับชะตากรรมของเขา
นิ้วของเขาสัมผัสกับหน้าปกหนังสือและหน้าภายในนั้น เมื่อเขายกหนังสือขึ้น แม้หนังสือจะเบา แต่แอนดรูว์สัมผัสได้ถึงแรงกดดันมหาศาลที่กดทับลงมาที่เขา
แรงกดดันไร้รูปร่างไหลเข้ามาจากทุกทิศทุกทาง จากสายตาในความว่างเปล่า จากหมู่ดาราเกินคณานับบนเวหา…
แอนดรูว์เต็มไปด้วยความกลัว เสียงกรีดร้องอลหม่านดังลั่นในใจของเขาจนขมับเต้นตุบ ความรู้สึกเหมือนอันตรายกำลังใกล้เข้ามากระแทกใส่หัวใจและจิตใจของเขาอย่างแรงเมื่อเงามืดเข้ามาล้อมเขาไว้
ตุ้บ! ตุ้บ! ตุ้บ!
หัวใจของเขาบีบตัวแล้วทุบออกมาอย่างแรง ร่างทั้งร่างของเขาสั่นจนมองเห็นได้ในขณะที่เขาหอบหายใจราวกับกำลังจมน้ำ
“แฮ่ก…! แฮ่ก…!”
มันรู้สึกไม่เหมือนการเปิดหนังสือเล่มบาง ๆ เลยสักกระผีก
เขารู้สึกเหมือนเขากำลังปลดกุญแจประตูที่ปิดกั้นสัจธรรมต้องห้ามเอาไว้มากกว่า
แอนดรูว์เหงื่อแตกพลั่กในขณะที่เขาจ้องจุดสัมผัสระหว่างหนังสือและมือของเขาอย่างหวาดหวั่น เมื่อหน้าหนังสือแยกจากหน้าปกได้ แอนดรูว์ก็สัมผัสได้ว่าพลังของเขาถูกสูบเข้าไปในหนังสือ
ในตอนนี้ เขาก้าวข้ามจุดที่ไม่อาจหวนกลับได้ไปแล้ว…
จริงตามนั้น ไม่มีทางหวนกลับได้ และไม่มีทางหยุดแล้วในตอนนี้!
แอนดรูว์ตระหนักแล้วว่าตัวเองไม่ได้เป็นผู้ควบคุมร่างกายของเขาอีกต่อไป แขนของเขาดูเหมือนจะมีชีวิตเป็นของตัวเอง และมันกำลังจะเปิดหนังสือเล่มนี้อยู่รอมร่อ…
หน้ากระดาษพลิกเปิด พร้อม ๆ กับที่อักขระต้องห้ามอันบิดเบี้ยวมากมายระเบิดออกมาราวกับเป็นพายุทราย แอนดรูว์รู้สึกราวกับว่าเขาถูกพายุ ‘ความรู้’ ล้อมไว้จนไปไหนไม่ได้
สายลมคลั่งโหมกระหน่ำราวกับพายุใบมีดที่เฉือนเข้าไปในจิตใจของเขา ร่างกายของเขากระตุกตอบสนองเชิงต่อต้าน พร้อม ๆ กับที่ความคิดอยากจะกรีดร้องแล้ววิ่งหนีรุนแรงขึ้นทุกที
ไม่ ไม่นะ! อ๊ากกก!!!
แอนดรูว์กรีดร้องออกมาอย่างไร้เสียงโดยไม่ยินยอมพร้อมใจเมื่อความเจ็บปวดและความรู้สึกอันรุนแรงทึ้งกระชากสติของเขาเป็นชิ้น ๆ
เขาสัมผัสได้ว่าสติของตัวเองกำลังล่องลอย บิดเกลียวและยืดออกไปในระหว่างที่เขาข้ามผ่านโลกแปลก ๆ นับไม่ถ้วน ประตูบานหนึ่งเปิดขึ้นตรงหน้าเขา พร้อม ๆ กับที่มีแสงเจิดจ้าลอดผ่านช่องประตู ดูราวกับเป็นรัศมีแสงที่เปล่งออกมาจากสิ่ง ๆ หนึ่งที่อยู่ลึกท่ามกลางความมืด
แค่แอบชำเลืองมองผ่านช่องประตูก็ทำให้วิญญาณของเขาแตกร่วนได้แล้ว
สายตาของแอนดรูว์จ้องเขม็งที่ผิวหน้าของรัศมีแสงที่กำลังส่งต่อข้อมูลจำนวนมาก เขาที่ได้รับข้อมูลมากเกินไปบวมพองขึ้นในทันที แล้วการระเบิดอย่างรุนแรงก็ตามมาในไม่ช้า
เพราะความคิดของเขาพัวพันกับพายุ ‘ความรู้’ อยู่ ดังนั้นแทนที่เขาจะตายไป วิญญาณของแอนดรูว์จึงรวมเป็นหนึ่งเดียวกับพายุนั้นแทน…
และสุดท้ายเขาก็ได้เกิดใหม่
ทุกอย่างนั้นเกิดขึ้นในระดับจิตใจ ความคิด และวิญญาณของเขา ดังนั้น เมื่อมองจากภายนอกแล้ว แอนดรูว์จะดูเหมือนแค่พลิกหน้าหนังสืออย่างบ้าคลั่งในขณะที่เขาไม่พูดสักแอะ
ศีรษะของเขาสัปหงกลงมา แล้วดวงตาของเขาก็เปลี่ยนเป็นไร้ชีวิต
ทว่าบางอย่างก็ค่อย ๆ จุดประกายขึ้นลึก ๆ ภายในรูม่านตาของเขา… เป็นวัฏจักรไม่สิ้นสุดที่ไม่มีทั้งจุดเริ่มและจุดสุดท้าย
ห้านาทีผ่านไป…
“คุณหลินคะ รองประธานแอนดรูว์ไม่เป็นไรใช่ไหมคะ?”
พรีม่าที่รู้สึกไม่สบายใจขึ้นทุกทีเก็บคำถามของเธอไว้ไม่ได้อีกต่อไป เธอเหลือบมองแผ่นหลังของแอนดรูว์ผู้นั่งอยู่ที่เคาน์เตอร์ที่เงียบไปอย่างประหลาด
ที่จริงแล้วเธอเห็นว่ารองประธานที่พี่สาวของเธอพูดยกย่องไว้อย่างดีชักกระตุกอย่างผิดปกติไปเมื่อห้านาทีที่ผ่านมา มันไม่ได้ดูเหมือนว่าเขาแค่เป็นตะคริว แต่ดูเหมือนกับว่ามีพลังอันเหลือเชื่อกดทับลงมาบนตัวเขา และดูกำลังดิ้นรนอย่างสุดชีวิตเพื่อให้มีชีวิตรอดเสียมากกว่า…
สิ่งที่ยิ่งทำให้อกสั่นขวัญแขวนนั้นก็คือเส้นเลือดหนา ๆ บิดเบี้ยวที่ปูดโปนขึ้นมาบนบ่าของเขาที่อยู่ภายใต้ชุดสูท
มันราวกับว่าสัตว์ประหลาดบางอย่างได้เข้าไปในร่างกายของเขาแล้ว
“ชู่…”
หลินเจี๋ยยกนิ้วของเขาขึ้นทันที ส่งสัญญาณให้พรีม่าเงียบไว้ ในขณะที่เขาส่งสายตารำคาญใจให้เธอ
พรีม่าที่ผงะไปเล็กน้อยรีบใช้มือตะครุบปากของตัวเองไว้
หลังจากแน่ใจได้แล้วว่าแอนดรูว์จะไม่ถูกขัดจังหวะ หลินเจี๋ยจึงกวักมือเรียกพรีม่า ก่อนที่เขาจะลุกขึ้นเดินหลบออกไป
พรีม่าตามเขาไปอย่างหวาดวิตก…
หลินเจี๋ยผู้มีสีหน้างงงันพูดขึ้น “คุณไม่เห็นเหรอครับว่าเขากำลังหมกมุ่นกับการอ่านหนังสือ? จะมีอะไรผิดปกติเกิดขึ้นได้ยังไงกันครับ?”
พรีม่าจ้องมองกิริยาท่าทางไร้กังวลของหลินเจี๋ยแล้วนึกถึงสภาพแปลก ๆ ของร่างกายของแอนดรูว์ แล้วความสงสัยของเธอก็เริ่มหยั่งรากลึกลงไป
คุณหลินมีความสัมพันธ์กับวัลเพอร์กิสผู้ดูแลยามค่ำคืน หรือเป็นไปได้ที่จะเขาจะเป็นได้กระทั่งสิ่งที่มีสถานะเหนือกว่าเธอ
แต่นี่…ไม่ได้รับประกันว่าเขาจะเป็น ‘ผู้เมตตา’ เหมือนเธอด้วย
จากการกระทำของแอนดรูว์ในวันนี้ ก่อนหน้านี้เขาคงเคยทำให้คุณหลินรำคาญใจมาก่อน ซึ่งนั่นอธิบายได้ว่าทำไมเขาถึงมาที่นี่เพื่อขอโทษ และเพราะเช่นนั้นมันจึงเป็นเรื่องที่เข้าใจได้หากคุณหลินจะลงโทษเขาสักเล็กน้อย…
นี่คือสิ่งที่พรีม่าพยายามกล่อมตัวเธอเองให้เชื่อ
“ของตายครับ…นักวิชาการก็คือนักวิชาการ เป็นผู้รักการอ่านหนังสือโดยธรรมชาติที่สามารถคว้าแก่นแท้ที่อยู่ระหว่างหน้าหนังสือได้ เห็นสีหน้าหลงใหลของเขาไหมครับ? มันเหมือนเขาถูกหนังสือกินเข้าไปแล้วไม่มีผิดเลย ไม่แปลกใจเลยที่เจ้าพวกเด็กฮู้ดถึงได้พยายามเข้ามาขโมยหนังสือ”
หลินเจี๋ยพูดพร้อมรอยยิ้มกว้างในขณะที่เขามองแอนดรูว์ที่ดูหมกมุ่นกับหนังสืออย่างเห็นได้ชัด
“แปลว่าที่จริงแล้วสมาคมแห่งสัจธรรมก็คือฐานลูกค้าที่ใหญ่มาก ๆ นี่เอง เราควรเดินหน้าต่อแล้วงาบในเชิงหาลูกค้ามันทั้งสมาคมเลยดีไหมนะ?” หลินเจี๋ยพึมพำกับตนเอง
สันหลังพรีม่าหนาววาบ…
โดนหนังสือกิน?
งาบทั้งสมาคมแห่งสัจธรรม?
คุณพระบร๊ะแม่…! คุณหลินคิดจะทำอะไรกันแน่? นี่ให้ความรู้สึกเหมือนแผนที่น่ากลัวมากเลยนะ…
เดี๋ยวก่อนนะ เราได้ยินทุกอย่างแล้ว ทำไงดีล่ะ?
เราจะโดนปิดปากไหมเนี่ย?!
คุณหนูน้อยผมสีปีกกามองหลินเจี๋ยอย่างหวาดกลัว ใบหน้าของเธอซีดเซียว
หลินเจี๋ยเหลือบมองเธอและคิดในใจอย่างขำขันว่า ท่าทางและโทนเสียงของเขาอาจจะเกินกว่าที่เด็กคนนี้จะรับได้สักหน่อย เพราะฉะนั้นเขาจึงยื่นมือออกไปลูบหัวพรีม่าแล้วพูดอย่างอบอุ่น
“ผมขออภัยถ้าทำให้คุณตกใจกลัวนะครับ ผมใจร้อนไปหน่อย เพราะตลอดมาร้านหนังสือของผมก็แทบไม่มีลูกค้าเลย ผมเลยต้องคว้าโอกาสให้มั่นมือสักหน่อย”
พรีม่ามองใบหน้าที่แย้มยิ้มอย่างอบอุ่นของหลินเจี๋ยแล้วกลืนน้ำลาย แล้วเธอก็รีบส่ายหน้า “ป…เปล่าค่ะ…”
หนูไม่เห็นอะไรทั้งนั้นค่ะ!
ถึงหลินเจี๋ยจะรู้สึกเหมือนแม่เด็กน้อยคนนี้กำลังทำอะไรแปลก ๆ แต่เขาก็ตัดสินใจหยุดเป็นห่วงในเมื่อเธอยืนกรานว่าไม่เป็นไร
เขาบอกให้พรีม่านำน้ำร้อนมาหม้อหนึ่ง ในขณะที่ตัวเขาเองกลับไปนั่งที่ที่เคาน์เตอร์
แอนดรูว์ดูเหมือนจะหลุดจากภวังค์แล้ว เขาพลิกหน้ากระดาษที่เหลืออยู่ของหนังสืออย่างช้า ๆ ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นอันเปี่ยมศรัทธา แล้วก็…ความปรารถนาอันรุนแรง
“รู้สึกยังไงบ้างครับ?”
หลินเจี๋ยนั่งลงแล้วถามอย่างกระตือรือร้น
“ไม่เคยดีไปกว่านี้เลยครับ” สายตาของแอนดรูว์จับจดที่หนังสือในมือเขา “ดูเหมือนผมจะเข้าใจ แต่ก็รู้สึกเหมือนไม่เลย”
“เป็นเรื่องปกติมากครับ เนื้อหาของหนังสือควรจะได้รับการดื่มด่ำและตีความอย่างไม่รีบร้อนนะครับ”
ไม่ต้องพูดก็รู้ แล้วเราจะขายอะไรได้ถ้าอ่านแว๊บเดียวแล้วรู้เนื้อหาได้ทันทีกันล่ะ?
หลินเจี๋ยบอกใบ้ด้วยรอยยิ้ม “อย่างเช่น หนังสือเล่มนี้กล่าวถึงว่านอกจากคำพูดแล้ว ยังมีวิธีการสื่อสารอีกรูปแบบอยู่”
“หากคุณสามารถบรรลุถึงการสื่อสารโดยไม่ใช้คำพูดแบบนี้ได้ คุณจะตีความโลกใบนี้ได้อย่างทะลุปรุโปร่งครับ”
“คุณรู้ไหมล่ะครับว่ามันคืออะไร?”
แอนดรูว์จ้องตรงมาที่หลินเจี๋ยแล้วท่องออกมาทีละคำ “สรรพสิ่งคือหนึ่งเดียว…หนึ่งเดียวคือทุกสิ่ง ทุกสิ่งคือหนึ่งเดียว”