เจ้าของร้านพิศวง - บทที่ 247 ร้านหนังสือที่ไม่มีอยู่จริง
บทที่ 247 : ร้านหนังสือที่ไม่มีอยู่จริง
เรซิเอลจ้องร้านหนังสือในกระจกอย่างคาดคั้น ใช้นิ้วของเขาปรับปุ่มหมุนเล็กจิ๋วบนกรอบแว่นของเขาเรื่อย ๆ
ตรงข้ามกับก่อนหน้านี้ การเคลื่อนไหวของเรซิเอลในตอนนี้ระมัดระวังขึ้นมาก
ความซับซ้อนของกลไกปุ่มหมุนอันละเอียดอ่อนนี้เหนือยิ่งกว่าสิ่งที่คนธรรมดา ๆ คนใดจะสามารถเข้าใจได้ ทันทีที่มันถูกใช้งาน เข็มที่อยู่บนหน้าปัดมาตราส่วนอันเที่ยงธรรมจะเริ่มหมุน และเวลาของสิ่งที่อยู่ในสายตาผู้ถือครองมันจะเริ่มไหลเวียนและค่อย ๆ ถูกย้อน
ฝุ่นที่เกาะหนาสลายออกเมื่อวัน คืน ดวงจันทร์ และดวงอาทิตย์ รวมไปถึงสิ่งต่าง ๆ ที่อยู่ตั้งแต่หลังคาจนถึงกระดิ่งร้านหนังสือเปลี่ยนไปเรื่อย ๆ เมื่อเวลาถูกย้อนกลับช้า ๆ
เรซิเอลเลือกย้อนเวลาภาพของร้านหนังสือแทนที่จะเป็นเจ้าของมันที่ทำให้เขารู้สึกอันตรายสุดขีด…
ในขณะที่เขาสนใจในบุคคลลึกลับคนนี้ที่จู่ ๆ ก็โผล่มารวมถึงหนังสืออันเป็นตำนานที่ถูกเก็บไว้ในร้านหนังสือก็ตามที แต่เรซิเอลก็จะไม่ทำอะไรโง่ ๆ อย่างนั้น
การมองหยั่งคน ๆ หนึ่งที่ไม่รู้ระดับพลังตรง ๆ เป็นเรื่องอันตรายมาก และการเสียสมาธิเพียงเล็กน้อยอาจนำไปสู่ผลกระทบร้ายแรงได้
แม้ว่าเขาจะอยู่ในระดับเหนือนภา แต่เรซิเอลก็ตระหนักดีว่าตัวเองต้องเก็บทิฐิไว้แล้วไม่ตายโง่ ๆ
ยิ่งรู้มากเท่าไหร่ ยิ่งตระหนักถึงความเล็กจ้อยของตนมากเท่านั้น
ความขี้สงสัยเป็นคุณสมบัติที่พึงประสงค์มากสำหรับนักวิชาการ ความสามารถในการกดข่มความขี้สงสัยของตนนั้นก็เช่นกัน
เรซิเอลสามารถใช้แว่นที่ชื่อ ‘ผู้รู้เห็น’ คู่นี้เพื่อย้อนเวลามองอดีตของบางสิ่งหรือบางคนได้ แต่เขาจะไม่มีวันใช้มันกับคนระดับเดียวกับตัวเอง!
การแอบมองใครสักคนอย่างลับ ๆ ไม่ว่าจะมีจุดประสงค์อะไรล้วนแต่เป็นเรื่องไม่สมควรให้อภัยและเป็นการหยามหน้ากันอย่างรุนแรง
เมื่อถูกค้นพบ ทั้งสองฝ่ายจะกลายเป็นศัตรูที่ต้องตายกันไปข้างทันที!
ดังนั้น เรซิเอลจึงตัดสินใจใช้วิธีย้อนเวลาตึกที่เป็นร้านหนังสือ เขาใช้ ‘ผู้รู้เห็น’ กับสิ่งที่ใกล้ตัวเจ้าของร้านหนังสือที่สุดเพื่อให้กลายเป็นภาพติดและเลี่ยงไม่ให้เกิดการติดต่อโดยตรงต่อกัน
บางทีเขาอาจจะได้พบเบาะแสอะไรบ้างก็ได้…
เมื่อคิดเช่นนี้ เรซิเอลก็จ้องภาพร้านหนังสือที่ค่อย ๆ เปลี่ยนไป
รูปร่างดั้งเดิมของ ‘ผู้รู้เห็น’ คือเวทมนตร์สำหรับการชี้ตัวและนิติเวชสำหรับนักวิชาการ แล้วเขาก็นำมันมารวมกับเวทมนตร์ในลักษณะเดียวกันอื่น ๆ แล้วสรุปมันขึ้นเป็นอุปกรณ์ปัจจุบัน
จากการคืนสถานะของสิ่งต่าง ๆ จากการพัฒนาปัจจุบันแล้วทำซ้ำเรื่อย ๆ ภาพที่จะตามมาก็คือภาพ ‘อดีต’
ดังนั้นมันจึงเป็นเรื่องที่เกินกว่าแค่ย้อนเวลาของวัตถุหนึ่ง ๆ แต่มันยังให้ข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับสถานะของมันอย่างเจาะจงในช่วงเวลานั้น ๆ ด้วย
มาตราส่วนเคลื่อนไหวอย่างช้า ๆ
เวลาถูกกรอกลับ หนึ่งชั่วโมง หนึ่งวัน หนึ่งเดือน…
ในตอนแรกไม่ได้มีความแตกต่างที่ชัดเจนใด ๆ มีเพียงความเปลี่ยนแปลงปกติของร้านหนังสือจากแสงสว่างสู่ความมืดเท่านั้น และมันก็ดูราวกับร้านหนังสือธรรมดาทั่วไป
ทว่าเมื่อเวลาผ่านไปเรื่อย ๆ เรซิเอลก็ยังได้เห็นเหตุการณ์ในอดีตบางอย่างได้บ้าง
จากร่องรอยความยับเยินของประตูร้านหนังสือ เรซิเอลก็ได้เห็นการลอบสังหารที่ล้มเหลว เลือดของเอลฟ์ดำที่สาดกระเซ็น และการเข่นฆ่าฝ่ายเดียว
“ออร่าของกาเบรียล…เทพตัวปลอมจากโบสถ์แห่งจุดสูงสุด น่าสมเพชนัก”
แน่นอนว่าเรซิเอลรู้เกี่ยวกับการตายของสหายของเขา แต่เขาก็ต้องแปลกใจที่เห็นว่าในตอนนี้ สัตว์ร้ายสังหารเทพที่กาเบรียล ‘ลักพาตัว’ มาได้กลายเป็นสัตว์เลี้ยงของคนอื่นไปแล้ว
แล้วเขาก็สังเกตเห็นเครื่องประดับที่เปลี่ยนไปเรื่อย ๆ ในร้านหนังสือ ร่องรอยที่ลูกค้าคนต่าง ๆ ทิ้งเอาไว้ คนจากฝ่ายต่าง ๆ คนแล้วคนเล่า ราวกับว่าขุมอำนาจในสังคมเหนือธรรมชาติได้มาโคจรรอบร้านหนังสือกันหมด
เรซิเอลหยีตา
ในขณะที่เจ้าพวกวัตถุโบราณในวิถีแห่งดาบอัคคีต่างคนเอาแต่เก็บตัวทำอะไรลับ ๆ ล่อ ๆ ร้านหนังสือนั้นได้กลายเป็นราวกับดวงอาทิตย์อันเจิดจ้า ดึงดูดเหล่าหิ่งห้อยแล้วปลดศักยภาพของพวกเขาขึ้นมา
“เจ้าของร้านหนังสือนี่ต้องวางแผนใหญ่อะไรไว้แหง…นอกจากควบคุมและล้มล้างฝ่ายที่มีอิทธิพลต่าง ๆ ในนอร์ซินแล้ว ดูเหมือนเขาจะเล็งสายตาไปยังเผ่าอื่น ๆ ที่เหลืออยู่ด้วย”
“เจตนาของเขาคืออะไรกันแน่?”
“จากสัญญาณมากมายพวกนี้ มันดูเหมือนว่าจะมีการใบ้ลาง ๆ ว่าเขาตั้งใจเป็นศัตรูกับวิถีแห่งดาบอัคคี หรือเขากำลังพยายามกันเราไม่ให้สำรวจลึกเข้าไปในแดนนิมิตกันนะ?” เรซิเอลพึมพำกับตนเอง
จู่ ๆ ดวงตาของเขาก็ทอประกาย “ไม่ว่าเขาจะตั้งใจอะไรไว้ ก็ไม่มีทางที่ข้าจะยกผลงานชิ้นเอกของข้าให้ใครหรอก การสร้างที่ไร้ที่ติเยี่ยงนี้… หากข้าได้นางมา ข้าก็จะก้าวเข้าไปใกล้จุดหมายของข้าอีกก้าวหนึ่ง”
“จากหนังสือที่มิคาเอลเจอ พระเจ้าสร้างอดัมขึ้นจากธุลีแห่งโลก ข้าจะเลียนแบบการสร้างมนุษย์จากเขาแล้วสร้างปาฏิหาริย์ขึ้นมา ในกรณีนั้น…ข้าก็จะเป็นพระเจ้า!”
สายตาของเขาทอประกายเด็ดเดี่ยวมั่นคง ทว่าในพริบตานั้น ความมั่นใจของเขาก็ถูกแทนที่ด้วยความตระหนก และดวงตาของเรซิเอลก็เบิกกว้างอย่างหวาดกลัว
จากแว่นกรอบทองของเขา ร้านหนังสือในสายตาของเขาในตอนนี้กำลังถูกโอบล้อมโดยสายฝนยามค่ำคืนที่มืดหมอง
สายลมหวีดหวิวและห่าฝนระบายโทสะของพวกมันกับทุกอย่างที่พวกมันไปถึง คลื่นกระเพื่อมวงแล้ววงเล่ากลับรวมกันเป็นหยดน้ำแล้วปลิวขึ้นฟ้า ในร้านหนังสือมีแสงสลัว ๆ จุดขึ้นภายใน และด้านนอก น้ำท่วมก็ค่อย ๆ บรรเทาลง
สายฟ้าสายหนึ่งแล่นวาบผ่านท้องฟ้ายามราตรี ส่องสว่างทุกสิ่งอย่างในชั่วพริบตาสั้น ๆ
เงาร่างคล้ายมนุษย์ร่างหนึ่งปรากฏขึ้นบนหน้าต่างเหนือประตูไม้ของร้านหนังสือ
มันดูราวกับเงาของคน ๆ หนึ่ง
แต่ไม่มีใครอยู่หน้าประตู…หรือหลังประตูเลย
ในตอนนี้ ร้านหนังสือว่างเปล่าโดยสมบูรณ์ ไม่มีอะไรเลย ไม่มีหนังสือบนชั้นหนังสือ ไม่มีเจ้าของร้านที่นั่งหลังเคาน์เตอร์ด้วย
ทุกอย่างที่ปรากฏอยู่มีเพียงร่างแปลก ๆ ดำ ๆ นั่น
จากสายฝน เสียงที่เลือนลางไม่ชัดเจนก็ลอยมาเข้าหูเรซิเอล
“โอ้ คุณนี่เอง คุณอยู่ที่นี่แล้ว…”
เรซิเอลผุดลุกขึ้นทันทีด้วยเรี่ยวแรงที่ทำให้เก้าอี้ที่เขานั่งอยู่สลายกลายเป็นผง
ม่านตาของเขาหดตัวในขณะที่ความเย็นเยือกเริ่มแผ่ไปทั่วแผ่นหลังของเขา มันให้ความรู้สึกราวกับเขากำลังยืนท่ามกลางสายฝน อากาศรอบ ๆ เย็นและชื้นในขณะที่หยดน้ำกระทบใบหน้าของเขาอย่างเดือดดาล
ลมหายใจของเรซิเอลถี่กระชั้นและหนักหน่วง
เสียงนี่มัน…เสียงเจ้าของร้านหนังสือ!
แล้วประโยคที่ฟังราวกับคุยกับคนรู้จักนั้นก็กำลังพุ่งเป้ามาที่เขา
“ไม่! เป็นไปไม่ได้!”
เรซิเอลส่ายหน้าแล้วถอยหลังอย่างหวาดกลัว เขาไม่อาจปิดบังความตระหนกของตัวเองได้ไม่ว่าจะพยายามรักษาสีหน้าท่าทางเยือกเย็นมีสติของเขาไว้แค่ไหน
นี่ควรจะเป็นภาพลวงตาที่เกิดจากการย้อนอดีต แล้วเขาจะมาคุยกับเราได้ยังไง?
แต่ว่า…เจ้าของร้านหนังสือล่ะอยู่ไหน?
ทำไมจู่ ๆ เขาก็หายไปล่ะ…
เรซิเอลหน้าเสียราวกับเขาเสียการควบคุมร่างกายของเขาไปแล้ว ในขณะที่เขายังคงจ้องเขม็งที่ร่างบนหน้าต่าง
เสียงของเจ้าของร้านหนังสือยังดังต่อ “คุณ…หา…ผม…อยู่เหรอ? คุณอยู่ไหนครับ?”
เขาพูดกับเราอยู่จริง ๆ ด้วย! หรือเขา…จะเป็นเงานั่น?!
ความจริงอันน่าหวาดหวั่นหยุดลมหายใจของเรซิเอล ในขณะที่หัวใจของเขาบีบตัว ทำให้การมองเห็นของตัวเองก็พร่ามัวไปเสี้ยววินาทีหนึ่ง
“คุณ…อยู่ไหน?”
มันราวกับว่าเจ้าของร้านหนังสือมาอยู่ข้าง ๆ ตัวเขา กระซิบเข้าไปในหูของตัวเอง ระยะของเสียงชวนให้ขนหัวลุกอย่างไม่ต้องถาม และเรซิเอลก็รู้สึกราวกับจะสัมผัสลมหายใจของอีกฝ่ายได้
เรซิเอลตัวแข็งทื่อในขณะที่เขาจ้องภาพตรงหน้าเขา แล้วสั่นสะท้านอย่างคุมไม่ได้
เงาร่างนั้นเริ่มขยับแล้ว มันยกแขนขึ้นข้างหนึ่งผ่านระยะห่างที่ไม่มีอยู่ แล้วชี้ตรงมาที่เรซิเอลเอง