เจ้าของร้านพิศวง - บทที่ 265 เอื๊อก
บทที่ 265 : เอื๊อก
“!!!!!!”
ม่านตาของแอนดรูว์สั่นไหวอย่างรุนแรง ทว่าร่างของเขาในตอนนั้นกลับแข็งทื่อคาที่ ขยับไปไหนไม่ได้เลย!
ชายหนุ่มจำขึ้นมาได้ว่า ก่อนหน้านี้ที่ร้านหนังสือ เขาก็ได้เห็นภาพหลอนที่เหมือนกับว่าไข่มุกสีดำในถ้วยชาของหลินเจี๋ยดูเหมือนลูกตามาแล้ว เขาไม่ได้มองผิดไปเลย
แต่เดิมมันก็คือลูกตาจริง ๆ ด้วย…!
เจ้าสิ่งที่ระบุไม่ได้ขนาดเล็กนี้ไม่ได้แสดงด้านที่ดุร้ายของมันเมื่ออยู่ในมือเจ้าของร้านหลิน พวกมันล้วนเป็น ‘ไข่มุก’ อย่างเชื่อฟังโดยสมบูรณ์
แล้วจากนั้นก็ถูกเคี้ยวกิน กลายเป็นของว่างกินเล่นของเจ้าของร้านหลินไป
ทว่าในตอนนี้ ชานมไข่มุกแก้วนี้ไม่ได้อยู่ในมือของเจ้าของร้านหลิน แต่เป็นแอนดรูว์
ดังนั้น ไม่ว่าตอนนี้ชายรูปงามจะคิดอะไรในใจ ไม่ว่าเขาจะกลัวหรือสันหลังชาวาบแค่ไหน เจ้าพวก ‘ไข่มุก’ พวกนี้ก็จะไม่ปรานีต่อเขา
พวกมันแหวกว่ายขึ้นลงในถ้วยชานม เส้นหนวดจิ๋วนับไม่ถ้วนที่ยืดออกอย่างอิสระในน้ำชานั้นดูราวกับกลุ่มสาหร่ายที่พริ้วลอยไปมา
ดวงตาที่เปิดออกนั้นมีสีเหลืองซีด มีรูม่านตาแนวตั้งเหมือนนัยน์ตาแมว ลวดลายที่ขุ่นมัวและวุ่นวายนั้นคาดเดาไม่ได้ มันเหมือนกับอักษรรูนนับไม่ถ้วน
แอนดรูว์มีสายตาที่แม่นยำของนักวิชาการระดับสัตว์ประหลาด เขามองเห็นได้ชัดเจนว่าเมื่อหนวดที่เรียวยาวเกาะติดกับผนังถ้วยโปร่งใส พวกมันก็เหมือนรอยนิ้วมือที่ชัดเจนเหมือนนิ้วมือที่แปะติดกระจก มันมี โครงสร้างเหมือนถ้วยที่หนาแน่นและมีเขี้ยวหนาม
ภาพนี้ตราตรึงเข้าไปในใจแอนดรูว์และทำให้เขาตกใจมาก
แต่ความจริงที่น่าตกใจกว่านั้นก็คือ แอนดรูว์เพิ่งจะดื่มชานมไข่มุกเข้าไปเมื่อครู่นี้ และมันก็ยังอยู่ในปากเขาอยู่เลย…
มันน่ากลัวพอ ๆ กับการกัดแอปเปิลเข้าไปพร้อม ๆ กับหนอนครึ่งตัว
ในปากของเขาตอนนี้มี ‘ไข่มุก’ อยู่ประมาณสองเม็ด และตอนนี้พวกมันก็เกาะเพดานปากและลิ้นของเขาอยู่ เส้นหนวดแบบที่เขาเห็นในแก้วชาในตอนนี้กำลังใช้เขี้ยวหนามของมันในการยึดตัวเองติดกับที่ แล้วจากนั้นพวกมันก็คืบคลานไปทางลำคอ
ถูกต้อง พวกมันกำลังคลานเข้ามาด้วยท่าทางดุดันราวกับอยากจะมุดตามท่อส่งต่าง ๆ ในร่างกายของเขาเพื่อหาที่อยู่
สีหน้าของแอนดรูว์เปลี่ยนไปทันที สัญชาตญาณร่างกายของเขาอยากจะหยุดผู้บุกรุกพวกนี้ไว้
แม้ว่าเขาจะเป็นนักวิชาการที่มีร่างกายปวกเปียก แต่เขาก็เป็นผู้มีพลังเหนือธรรมชาติที่มีความแข็งแกร่งระดับสัตว์ประหลาดด้วย
นักเล่นแร่แปรธาตุนั้นรู้รอบ และมักจะถูกเรียกว่า ‘มีความรู้รอบด้าน’ วิชาของพวกเขาครอบคลุมและเกี่ยวข้องกับวิชาอื่น ๆ มากมาย แต่นั่นไม่ใช่การเรียนเรื่องต่าง ๆ ในภาพรวมที่รู้เพียงผ่าน ๆ แต่ในทางตรงข้าม มันกลับทำให้นักเล่นแร่แปรธาตุต้องรู้ทุกเรื่องอย่างลึกซึ้ง
แอนดรูว์เองก็ผ่านการเปลี่ยนแปลงตนเองมาแล้ว และเขายังมีแผนสำรองอยู่ด้วย…ถ้าเขาต้องการ ก็ไม่ยากที่จะใช้อีเธอร์เพื่อบดขยี้ ‘ไข่มุก’ เหล่านี้
แม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่ามันคืออะไรก็ตาม แต่โดยพื้นฐานแล้วเขาก็ตัดสินได้ว่ามันเป็นปรสิตจำพวกหนึ่ง ความแข็งแกร่งของมันเดี่ยว ๆ ไม่ได้สูงนัก เรียกได้ว่าอ่อนแอมากด้วยซ้ำ
ทว่าการเคลื่อนไหวของเขากลับหยุดลง
เพราะเขาจำรอยยิ้มและคำพูดของเจ้าของร้านหลินได้
“อย่าลืมไปซื้อชานมไข่มุกที่ร้านข้าง ๆ สักแก้วนะครับ…”
“…จำกัดแค่ 100 แก้วแรกเท่านั้น มาก่อนได้ก่อนครับ”
“หรือก็คือเจ้าของร้านหลินต้องการให้เราดื่มชานมไข่มุก! การมอบส่วนลดให้คน 100 คนอาจจะเป็นการคัดกรองแบบหนึ่ง แต่ ‘ไข่มุก’ นี่…หรือจะเป็นการร้อยเรียงของเจ้าของร้านหลิน?!”
“จริงสิ ตอนนั้นเจ้าของร้านหลินก็ดื่มชานมตรงหน้าเรา นั่นเป็นคำใบ้ที่ชัดเจน…”
“ร…เราควร…”
ร่างกายของแอนดรูว์แข็งทื่อ การเคลื่อนไหวของเขาหยุดลง อมชานมที่ไข่มุกกำลังดิ้นไปมาอยู่ในปากของเขาอย่างกลืนไม่เข้าคายไม่ออก ในขณะที่ตาของเขาเหลือบไปทางมูเอนที่อยู่ที่เคาน์เตอร์
ในระหว่างที่ความคิดและสัญชาตญาณของเขากำลังขัดแย้งกันเองอยู่ ทว่าการดิ้นรนของสัญชาตญาณนั้นน้อยมาก และแสงสีขาวในดวงตาของเขาก็ค่อย ๆ สว่างขึ้น ทำให้การต่อต้านค่อย ๆ หยุดลง แล้วสีหน้าของเขาก็กลายเป็นคลั่งไคล้
เด็กสาวดูจะไม่ได้สังเกตเลยว่าลูกค้าคนนี้ที่จ้องเธออยู่ ดูกำลังมีอาการปรับเปลี่ยนอารมณ์อย่างมาก เธอย่อตัวลงแล้วอุ้มแมวอ้วนสีขาวขึ้นมา
“เมี้ยว…!”
เจ้าแมวขาวดูไม่ค่อยอดทน เตะขาสั้น ๆ ขึ้นไปสองครั้งในอากาศ แต่ในที่สุดก็นึกขึ้นได้ว่ามันได้รับมอบหมายจากสิ่งมีชีวิตที่น่าสะพรึงกลัวนั่นให้มาช่วยเฝ้าร้านและเป็นมาสคอต…มันไม่รู้ว่ามาสคอตคืออะไร แต่มันต้องช่วยเหลืออย่างเชื่อฟังแน่นอน
ดังนั้นมันจึงกระดิกหูแล้วยอมแพ้ด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความขุ่นเคือง แล้วมันก็ถูกมูเอนยกขึ้นเขย่าด้วยความรัก
“กลุกกลุกกลุกกลุก…”
กองลูกตาสีส้มเหลืองที่ถูกเขย่าร่วงกราวลงมาจากในกลุ่มขนสีขาว เด้งไปมาสองสามครั้ง แล้วไม่นานก็มีพวกมันสองสามลูกที่เก็บ ‘ขน’ เอาไว้ไม่ได้ แล้วกลายร่างเป็นเม่นทะเลไปทีละลูกสองลูก
มูเอนยื่นมือออกไปกวาดเหล่าลูกตาเหล่านี้มากองรวมกันอย่างไร้อารมณ์
เธอคุ้นเคยกับเจ้าสิ่งเล็ก ๆ เหล่านี้มาก
ก่อนหน้านี้ ในศึกสุดท้ายกับโบสถ์แห่งจุดสูงสุด เทพจอมปลอมที่ร็อดนีย์เชิญมาในห้องชั้นในก็หน้าตาประมาณนี้แหละ
เพียงแต่ว่าลูกตาเหล่านี้เป็นตัวย่อรุ่นเล็กกว่า เมื่อพวกมันหดตัวเป็นลูกบอลในมือของมูเอน พวกมันก็กลายเป็น ‘ไข่มุก’ ดังนั้นจึงเห็นได้ว่าไข่มุกในชานมไข่มุกที่ว่านั้น ที่จริงแล้วเป็นเทพจอมปลอมขนาดเล็กเหล่านี้นั่นเอง
อย่างไรก็ตาม องค์ประกอบหลักของ ‘แก่นจันทร์ศักดิ์สิทธิ์’ ที่ควบคุมนักบวชของโบสถ์แห่งจุดสูงสุดในช่วงแรกก็คือลูกตาเหล่านี้ที่ถูกบดเป็นผง และพวกมันก็ยังใช้ดีอย่างเคย
แต่เดิมแล้ว หลังจากที่ ‘แก่นจันทร์ศักดิ์สิทธิ์’ หลอมรวมเข้าไปในร่างและเซลล์ของผู้สูบ มันก็จะสามารถควบคุมจิตใจของพวกเขาได้
ทว่าลูกตาในตอนนี้สามารถนับได้ว่าเป็นร่างหลักได้ ถ้าไม่ผ่านการบดผง มันจะมีความแข็งแกร่งเพียงไรก็เห็น ๆ กันอยู่
มูเอนใส่ไข่มุกเหล่านี้ลงไปในแก้วแล้วชงชา…แล้วชานมไข่มุกสด ๆ ก็เสร็จเรียบร้อย
ปรากฏว่า ‘ไข่มุก’ มาจากเจ้านี่เองเรอะ?!
ดวงตาของแอนดรูว์เบิกกว้าง เต็มไปด้วยข้อกล่าวหาของผู้บริโภคต่อพ่อค้าที่ไร้ยางอาย และในขณะเดียวกัน เขาก็รู้สึกถึงออร่าที่คุ้นเคยบนแมวขาว
ในตอนที่เกิดเหตุที่โบสถ์แห่งจุดสูงสุดขึ้น แอนดรูว์ยังถูกจับกักบริเวณอยู่เลย เขาจึงไม่ได้เข้าไปมีส่วนร่วมในเรื่องนี้ และเขาก็ไม่มีโอกาสได้เห็นเทพจอมปลอมผู้ชั่วร้ายในที่เกิดเหตุด้วย
เหตุผลที่เขารู้สึกคุ้นเคยนั้นเป็นเพราะเขาเคยเข้าไปในห้องชั้นในมาก่อน และออร่าในนั้นก็เหมือนกับเจ้าแมวนี่เปี๊ยบ
“ตอนที่เราสัมผัสออร่านี่ได้…มันมาจากหนึ่งในสามอุปกรณ์เวทมนตร์ศักดิ์สิทธิ์ที่ประดิษฐานอยู่ในห้องชั้นใน เปลบุตรแห่งจันทรา”
แอนดรูว์จ้องไปที่แมวขาว เป็นไปได้ไหมว่า…นี่คือเปลบุตรแห่งจันทรา แต่เห็นได้ชัดว่ามันมีสติอยู่ หรือว่าเจ้าของร้านหลินกำลังเลี้ยงเทพด้วยตัวเขาเอง
จากนั้นก็ให้มันมาช่วยทำชานมไข่มุก…ไม่สิ ถึงมันจะเป็นชานมสำหรับเจ้าของร้านหลิน แต่เจ้าสิ่งเล็ก ๆ เหล่านี้มีไว้สำหรับการเลือกลูกน้องที่เชื่อใจได้ ดังนั้นเขาจึงใช้มันเพื่อรับรองความภักดีของพวกเขาแน่ ๆ
เขาอดกลืนน้ำลายไม่ได้
“เอื๊อก”
กลืน ‘ไข่มุก’ ลงไปแล้ว…
แอนดรูว์ดูเหมือนท้องผูก บีบคอตัวเอง จากนั้นก็ปล่อยมือแล้วไอสองครั้ง
แล้วสีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปในทันที การดิ้นรนครั้งสุดท้ายหายไปอย่างไร้ร่องรอย แล้วเปลี่ยนเป็นความสงบ
แอนดรูว์ยกแก้วชาขึ้น โบกมือให้มูเอนแล้วพูดขึ้นว่า “ขอโทษนะครับ ผมขอซื้อชานมเพิ่มได้ไหม? ผมรู้สึกว่ามันอร่อยมากแล้วอยากซื้อกลับไปให้พวกเพื่อนร่วมงานได้ลองด้วยครับ”