เจ้าของร้านพิศวง - บทที่ 267 ค...คุณ ค...ค...คุณหนู!!
บทที่ 267 : ค…คุณ ค…ค…คุณหนู!!
“คาเฟ่หนัง… มันเรียกว่าคาเฟ่หนังสือใช่ไหม? เป็นการรวมกันระหว่างร้านหนังสือกับคาเฟ่ จากสโลแกนที่ว่ามาแล้วธุรกิจของคาเฟ่หนังสือก็ดูรุ่งเรืองจริง ๆ”
ธีโอดอร์พึมพำกับตนเองอย่างอิจฉาพลางมองสิ่งปลูกสร้างที่อีกฟากของถนน
เขาเห็นได้ว่าในคาเฟ่หนังสือนั้นเต็มไปด้วยคน มีบางคนกำลังอ่านหนังสืออย่างเงียบ ๆ ในขณะที่บางคนกำลังสนทนาอย่างออกรส เหนือไปกว่านั้น เครื่องดื่มที่สังเกตได้ว่าเป็นเอกลักษณ์อย่างหนึ่งก็สามารถเห็นได้บนโต๊ะทุกโต๊ะในคาเฟ่หนังสือ
ลูกค้าทุกคนมีรอยยิ้มสงบสุขบนใบหน้า และบรรยากาศก็ดูสงบเงียบและกลมเกลียว
ว่ากันว่าคาเฟ่หนังสือแห่งนั้นได้คิดสูตรเครื่องดื่มที่ไม่เหมือนใครออกมา และตั้งชื่อว่า ‘ชานมไข่มุก’
การเปิดตัวครั้งแรกของมันดึงดูดลูกค้าจำนวนมากเข้ามาจนทำเอาขายหมดเกลี้ยง ลูกค้าหลายคนที่มาจากทั่วสารทิศยังพลาดที่จะได้ซื้อไปลองสักแก้ว
ทว่าเมื่ออุปทานมีน้อยกว่าอุปสงค์ มันก็กลายเป็นของล้ำค่า และความจริงที่ว่ามีเงินก็ซื้อเครื่องดื่มแปลกใหม่นี้ไม่ได้ก็ทำให้มันมีชื่อเสียงแม้จะมีเพียงน้อยคนที่ได้ลิ้มลองก็ตามที แต่ก็มีเสียงเลื่องลือมากมายว่าชานมไข่มุกนี้อร่อยมาก
นั่นทำให้คนยิ่งอยากลอง
ธีโอดอร์จับจ้องไปที่ผู้คนที่เคลื่อนไหวอยู่ในคาเฟ่หนังสือแล้วพูดเสริมออกมา “มันผิดปกติหน่อย ๆ นะ”
หม่าหนานที่ยืนอยู่ข้าง ๆ เขาโยนก้นบุหรี่ที่ติดไฟลงบนพื้นแล้วขยี้ด้วยส้นรองเท้าหนังอย่างแรง แล้วจากนั้นก็ถามขึ้นพลางกระชับเสื้อแจ็กเก็ตหนังของเขา “ผิดปกติยังไง?”
เขาชี้ไปที่อาคารที่สร้างเสร็จแล้วข้างหลังเขา “อีกไม่นานที่นี่จะมีชีวิตชีวาขึ้นภายใต้อิทธิพลของบริษัทพัฒนาทรัพยากรโรลล์ของเรา”
น้ำเสียงของหม่าหนานดูภาคภูมิ เพราะเขาคือผู้รับผิดชอบโครงการนี้ที่คุณหนูเป็นคนแต่งตั้งด้วยตนเอง
เขาเป็นชาวเหนือที่มีรูปลักษณ์แบบชาวเหนือตามมาตรฐาน ผมดำ ตาสีน้ำตาล ดูพื้น ๆ ดาษ ๆ ดังนั้นเขาจึงไว้หนวดเคราเพื่อทำให้รูปลักษณ์ของเขาจืดจางลงอีกหนึ่งระดับ
เขาติดตามจี้ป๋อหนงมานานแล้ว แม้จะไม่ได้เป็นคนสนิทหรือลูกน้องมือขวาตัวจริง แต่เขาก็เป็นผู้มีความสามารถที่จะดูแลเพียงโครงการสำคัญเท่านั้น
ดังนั้น ในความคิดเห็นของเขาแล้ว ถึงที่นี่จะดูห่างไกล แต่ที่จริงแล้วที่นี่เป็นสถานที่ที่มีศักยภาพมาก
และร้านหนังสือนั้นก็เป็นหลักฐานที่พิสูจน์จุดนี้ได้
ธีโอดอร์ที่อยู่ฝั่งตรงข้ามเป็นเพียงหนึ่งในนักธุรกิจต๊อกต๋อยที่มาสอบถามราคาค่าเช่าของร้านในวันนี้เท่านั้นเอง
เพราะเขาทำธุรกิจร้านหนังสือมือสองที่มีชื่อเสียงค่อนข้างมาก เขาจึงให้ความสนใจเพื่อนร่วมสายงาน
ธีโอดอร์ส่ายหน้าแล้วพูดยิ้ม ๆ “บางทีผมอาจจะอ่อนไหวเกินไปก็ได้ แต่ผมรู้สึกเหมือนว่าลูกค้าพวกนั้นจะไม่ได้กำลังอ่านหนังสืออยู่ แต่ดูคล้าย ๆ ว่า…”
เขาลังเล ดูเหมือนจะกำลังพยายามหาคำที่จะสื่อความหมายตรงที่สุดมาเป็นคำบรรยาย แล้วสุดท้ายก็พูดออกมา “เหมือนกำลังภาวนา…ฮ่า ๆ ผมว่าผมคงฟุ้งซ่านเกินไปแล้วแหง ๆ”
ธีโอดอร์อดหัวเราะไม่ได้ แม้แต่ตัวเขาเองก็ยังรู้สึกเพ้อเจ้อ
นี่เป็นแค่คาเฟ่หนังสือ ไม่ใช่โบสถ์สักหน่อย จะมาสวดภาวนาอะไรกัน หรือถ้ามาสวดมนตร์กันจริง ๆ งั้นสวดให้เทพเจ้าชานมเหรอ?
หม่าหนานยิ้มตาม แล้วก็พูดว่า “การทำงานของคาเฟ่หนังสือนั้นน่าสนใจมาก บางทีคุณอาจจะเรียนรู้ก็ได้ เพราะร้านหนังสือธรรมดา ๆ ไม่ค่อยเป็นที่นิยมในทุกวันนี้ ผมได้ยินมาว่าธุรกิจล่าสุดของคุณก็ทุลักทุเลอยู่เอาเรื่องเลยนี่ อย่าทำเหมือนร้านหนังสือนั้นนะครับ ไม่งั้นจะไม่คุ้มค่าเช่าที่เปล่า ๆ”
เขาชี้ไปที่ร้านหนังสือซอมซ่อข้าง ๆ คาเฟ่หนังสือแล้วพูดติดตลก
สายตาของธีโอดอร์ก็เลื่อนไปที่นั่นด้วย แล้วเขาก็สังเกตเห็นว่าร้านหนังสือนั้นไม่มีป้ายร้าน กระทั่งลูกค้าที่มีอยู่แค่คนเดียวก็ออกมามือเปล่าแล้วยืนครุ่นคิดอยู่กับที่ จากนั้นก็เลี้ยวเดินเข้าไปในคาเฟ่หนังสือไปซื้อเครื่องดื่ม แล้วจากนั้นก็กลับออกมาอย่างพึงพอใจ
เห็นได้ชัดว่าเป็นธุรกิจที่ซบเซาขนานหนัก
“แน่นอนว่าไม่มีทางครับ ถึงธุรกิจขายหนังสือจะไม่ค่อยดี แต่ผมก็ยังมีลูกค้าประจำเก่า ๆ อยู่กลุ่มหนึ่ง แล้ว…ผมยังมีหนังสือโบราณที่สะสมไว้มาปล่อยขายด้วย ผมเชื่อว่าพวกผู้ดีกับพวกนักวิชาการต้องสนใจแน่ ๆ”
เขาพูดยิ้ม ๆ อย่างเหนือกว่า แต่ก็รู้สึกเศร้าใจระคนเห็นใจเพื่อนร่วมสายงานอยู่บ้าง
เหมือนอย่างที่หม่าหนานว่า ธุรกิจร้านหนังสือทุกวันนี้ถดถอย เมื่อคอมพิวเตอร์เริ่มเป็นที่นิยม การอ่านที่เก็บไว้บนหน้าจอก็เริ่มอุบัติมากขึ้นเรื่อย ๆ และสักวันในอนาคตผู้คนก็คงทิ้งหนังสือกันแล้ว
แต่ถึงอย่างนั้น เขาก็ยังอยากเปิดร้านหนังสือเหมือนแต่ก่อน
“นั่นก็ดีแล้วล่ะครับ” หม่าหนานยกมือขึ้นตบบ่าเขา “ภายใต้สัญญา ร้านของคุณจะอยู่ที่ชั้น 1 หมายเลข 16 นะครับ บริษัทพัฒนาทรัพยากรโรลล์จะเริ่มออกโฆษณาเชิญชวนเมื่อเปิดอาคาร โชคดีครับ”
ข้อตกลงเฉพาะและการแบ่งกำไรนั้นได้คุยกันจบไปแล้ว และตอนนี้มันก็เหลือเพียงการคุยเล่นเรื่อยเปื่อย
ใบหน้าของธีโอดอร์ปรากฏรอยยิ้มจริงใจ เขาลอบถอนหายใจโล่งอก
เพราะช่วงนี้ตัวเขาเพิ่งได้รับหนังสือที่ค่อนข้างพิเศษมาเล่มหนึ่ง จึงตกเป็นเป้าหมายของใครบางคนจนต้องทิ้งร้านเดิมมาพึ่งบริษัทพัฒนาทรัพยากรโรลล์
เขาหวังว่าคนพวกนั้นจะระวังตัวไม่ก่อคดีเพื่อไม่ให้คนไม่รู้อิโหน่อิเหน่บาดเจ็บไปด้วย…
การร่วมมือเป็นที่น่าพอใจ บรรยากาศก็ย่อมผ่อนคลาย
หม่าหนันจุดบุหรี่อีกครั้ง สูบมันเข้าไปแล้วพ่นควันออกมา จากนั้นก็พูดด้วยรอยยิ้มลึกลับ “ที่จริงแล้วผมก็ได้ยินข่าวลืออยู่ ว่ากันว่ามีคนเห็นคุณหนูมาเยือนร้านหนังสือนี่ แถมยังบอกอีกว่าเจ้าของร้านหนังสือมีเวทมนตร์และความสามารถลึกลับบางอย่าง…แต่ก็คงเป็นแค่เรื่องเล่าไร้สาระแหละนะ”
ธีโอดอร์มองตาค้าง เขาคิดไม่ถึงว่าผู้รับผิดชอบโครงการจะขี้นินทากับเขาด้วย แล้วเขาก็ส่ายหน้า “บางทีเขาอาจจะอยากสร้างภาพลักษณ์เพื่อดึงลูกค้าก็ได้ครับ…มีคนใช้กลยุทธ์นี้อยู่บ่อย ๆ แต่ผมว่านี่เป็นแผนที่ไม่ดีเท่าไหร่ และการมาร้านหนังสือร้านนี้ก็เป็นทางตันแล้วล่ะครับ”
และนี่ยังไร้สาระเกินไปด้วย อย่าว่าแต่เวทมนตร์อิทธิฤทธิ์อะไรเลย แต่แรกเดิมที คุณหนูของบริษัทพัฒนาทรัพยากรโรลล์จะเข้ามาในที่แบบนี้ทำไม?
หม่าหนานหัวเราะ “ก็จริง จะเป็นไปได้ยังไง ฮ่า ๆๆ … แค่ก!”
หัวเราะไปครึ่งทาง จู่ ๆ เขาก็เหมือนจะสำลักราวอาหารติดคอ อ้าปากกว้าง ตาค้าง หน้าแดง สีหน้าดูเจ็บปวดมาก
ธีโอดอร์ตกใจและรีบยื่นมือออกไปช่วยเขา แต่เมื่อเห็นหม่าหนานจ้องบางอย่างตาค้าง เขาก็อดไม่ได้ที่จะมองตาม
และที่หน้าร้านหนังสือซอมซ่อนั้น รถยนต์สีดำที่ดูระดับสูงมากคันหนึ่งก็มาจอดอยู่
หัวใจของธีโอดอร์เต้นแรง พร้อม ๆ กับที่เขามีลางสังหรณ์แปลก ๆ
ในที่สุดหม่าหนานก็หายใจได้ ผู้รับผิดชอบโครงการคนนี้ตกตะลึงพรึงเพริด เมื่อมองไปที่คนที่ลงจากรถ จิตใจของเขาก็ว่างเปล่าไปชั่วครู่ แล้วเขาก็อุทานอย่างตกใจสุดขีด “ค…คุณ ค…ค…คุณหนู?!!!”
—
ในขณะนั้น หลินเจี๋ยก็กำลังครุ่นคิดว่าจะห่อศิลานักปราชญ์นี้อย่างไรให้ดูสวย ก่อนจะมอบมันให้ผู้ช่วยที่เก่งรอบด้านของเขาเป็นรางวัล
ที่หน้าร้านหนังสือ ลีมูซีนหรูสีดำคันหนึ่งแล่นมาหยุดที่ทางเข้า
คนขับวัยกลางคนในชุดสูทตะวันตกสีดำเรียบร้อยได้ลงจากรถก่อน จากนั้นเขาก็เดินไปทางด้านหลังและเปิดประตูรถ โค้งคำนับเล็กน้อยด้วยท่าทางสงบเงียบ จากนั้นก็วางมือข้างหนึ่งไว้ที่ด้านบนของประตูรถเพื่อป้องกันไม่ให้คนในรถหัวโขก แล้วอีกมือหนึ่งก็ผายออกเชื้อเชิญคนข้างในให้เดินออกมา
ขาเรียวสวยทั้งสองของจี้จือซู่แตะพื้นก่อน ส้นสูงสีดำทั้งสองของเธอตัดสีกับข้อเท้างามสีงาช้างของเธอ แล้วร่างสง่างามที่สวมชุดเดรสสีเดียวกัน ใบหน้างดงามนั้น และต่างหูสีแดงที่ข้างแก้มทั้งสองของเธอก็ปรากฏตามมา
เธอมองร้านหนังสือที่ไม่ได้มาเสียนานแล้วถอนหายใจยาว
ในขณะเดียวกัน คนขับก็เดินไปที่ท้ายรถ จากนั้นก็ลากกระเป๋าใบหนึ่งที่ทั้งใหญ่และหนักออกมา