เจ้าของร้านพิศวง - บทที่ 318 เขาออกจากร้านหนังสือแล้ว!
บทที่ 318 : เขาออกจากร้านหนังสือแล้ว!
บทที่ 318 : เขาออกจากร้านหนังสือแล้ว!
เมื่อเกล็ดหิมะแรกโปรยลงมาจากฟ้า หลินเจี๋ยก็จัดร้านหนังสือของเขาเสร็จแล้ว
เนื่องจากในบัตรเชิญระบุไว้ว่างานเลี้ยงวันเกิดจะถูกจัดขึ้นเป็นเวลาสามวันเต็ม ที่พักและอาหารของแขกจะถูกจัดเตรียมโดยเจ้าภาพ ซึ่งก็คือจี้ป๋อหนง
หลินเจี๋ยเคยถามจี้จือซู่ถึงรายละเอียดที่เกี่ยวข้องของงานเลี้ยงนี้จึงรู้ว่าผู้เข้าร่วมงานมีจำนวนมากกว่าหนึ่งพันสองร้อยคน
จากคำอธิบายของเธอ คนเหล่านี้ล้วนแต่เป็นคนดังจากหลายวงการ และอาจจะมีกระทั่งรัฐบาลของเมืองนอร์ซินที่แท้จริงจากเขตกลางมาเข้าร่วมด้วย
ดังนั้นการกินนอนแบบปกติสามัญจึงไม่น่าจะถูก เขาจินตนาการได้เลยว่างานเลี้ยงในครั้งนี้จะหรูหราฟุ่มเฟือยมากแน่ ๆ…จี้ป๋อหนงเป็นเจ้าของเครือบริษัทพัฒนาทรัพยากรโรลล์ ดังนั้นการทุ่มทุนมหาศาลเช่นนี้จึงเป็นเรื่องธรรมดามาก
หลินเจี๋ยรู้สึกว่าในเมื่อเขาได้รับบัตรเชิญนี้ด้วยการใช้ทักษะ ‘การต้มซุปไก่เยียวยาจิตใจ’ ของตน ชายหนุ่มย่อมไม่ปล่อยโอกาสกินอยู่ฟรี ๆ สามวันเต็มแบบนี้ไปได้ ไม่สิ ในเมื่อนี่คือคำเชิญด้วยตนเองของคุณหนูจี้ เขาจะเรียกตัวเองว่าฉวยโอกาสกินฟรีอยู่ฟรีได้อย่างไร?
นี่เรียกได้ว่าเป็นการแลกเปลี่ยนอย่างเท่าเทียม ใช้เงินเพื่อแลกกับบริการเสริมที่ไม่ต้องออกแรง…
กล่าวโดยสรุปก็คือ หลินเจี๋ยจะออกไปข้างนอกเป็นเวลาสามวันเต็ม ในระหว่างนี้ ร้านหนังสือก็ย่อมต้องเปิดทำธุรกิจเช่นเคย
ดังนั้น ภารกิจดูแลร้านหนังสือย่อมตกเป็นของผู้ช่วยอย่างมูเอน
หลินเจี๋ยได้บอกเรื่องทั้งหมดที่มูเอนพึงระวังอย่างจริงจังแล้ว และตอนนี้เขาก็กำลังให้คำแนะนำสุดท้ายก่อนจะออกเดินทาง
แม้ว่าการพูดแบบนี้จะดูจุกจิกจู้จี้ไปหน่อย แต่หลังจากย้ายโลกมาหลายปี นี่เพิ่งจะเป็นครั้งแรกที่เขาจะออกไปไหนนาน ๆ และย่อมต้องให้ความสำคัญอย่างมาก…
ปกติแล้วเขาก็มักจะออกไปซื้อวัตถุดิบอาหารหรือของใช้จำเป็นอื่น ๆ แถว ๆ บ้าน การเดินทางที่ยาวนานที่สุดของเขาก็ได้รับความช่วยเหลือจากเจ้าดำในการเคลื่อนย้ายไปที่หน้าบ้านเฒ่าไวลด์ตรง ๆ ไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่เขาจะไม่อยู่ในร้านหนังสือสามวันเต็มเลย นี่เป็นประสบการณ์ที่แปลกใหม่มากสำหรับหลินเจี๋ยผู้อุดอู้อยู่แต่ในร้านหนังสือสามปีเต็ม
“หนังสือบนชั้นตรงนี้เรียงตามหมวดหมู่ไว้แล้ว จากซ้ายไปขวานะครับ ปรัชญา ศาสนา การทหาร เศรษฐศาสตร์ วัฒนธรรม วิทยาศาสตร์ ศิลปะและดาราศาสตร์…”
มีแค่หลินเจี๋ยเท่านั้นที่สามารถสุ่มวางหนังสือไว้บนชั้นต่าง ๆ หรือจัดเรียงหนังสือบนชั้นตามลักษณะการใช้งานได้ตามใจคิด
ดังนั้นในตอนนี้เขาจึงทำได้เพียงเรียงหนังสือบนชั้นตามหมวดหมู่ไว้ชั่วคราว และวางหนังสือที่เหมาะสมไว้ในแต่ละชั้น เพื่อให้มูเอนค้นหาและขายได้ง่าย ๆ
แน่นอนว่าหลินเจี๋ยมักจะเปลี่ยนชุดหนังสือหลังจากขายไปได้สักพัก แต่เขาไม่ได้เปลี่ยนหนังสือบนชั้นมาสักพักแล้ว มูเอนที่ทำความสะอาดชั้นหนังสือเป็นประจำน่าจะพอคุ้นชื่อพวกมันอยู่บ้าง ดังนั้นจึงน่าจะรู้ว่าควรขายอย่างไร
“ถ้ามีใครจะมาซื้อ ให้ยึดราคาที่ป้ายเป็นหลักนะครับ อย่ารับการต่อราคาเชียว”
“เราไม่รับการต่อราคานะครับ!”
หลินเจี๋ยย้ำประเด็นนี้แล้วชี้ไปที่ชั้นหนังสืออีกฝั่งหนึ่ง “หากมีคนมายืมหนังสือ ก็ให้พวกเขาไปเลือกจากชั้นนี้ได้ครับ มัดจำเล่มละสิบดอลลาร์ หนึ่งคนยืมได้มากที่สุดสามเล่ม อย่าลืมข้อมูลทั้งหมดที่ต้องถามด้วยนะครับ…จำได้ไหมเอ่ยว่าต้องขออะไรบ้าง?”
มูเอนพยักหน้า “จำได้ค่ะ ชื่อ เลขบัตรประจำตัว ที่อยู่ และช่องทางการติดต่อค่ะ”
“ดีมากครับ”
หลินเจี๋ยพยักหน้าอย่างพอใจแล้วพูดกระตุ้น “ถ้าคุณเจอปัญหาอะไร ให้รายงานตำรวจก่อนเลยนะครับ ถึงผมจะรู้ว่าคุณต่อสู้ได้ แต่คุณใช้กำลังตัวเองมาแก้ทุกอย่างไม่ได้หรอกครับ เราต้องเรียนรู้ที่จะใช้สมองและพยายามรักษาตัวเองไว้ก่อนนะ”
มูเอนพยักหน้าอย่างจริงจัง
จากนั้นเธอก็ครุ่นคิด เอียงคอเล็กน้อยแล้วถาม “ถ้าเกิดว่าบางเรื่องสามารถใช้กำลังตัวเองแก้ได้ล่ะคะ?”
หลินเจี๋ยนิ่งไป
แง่คิดของเพื่อนตัวน้อยคนนี้เจ้าเล่ห์จริง ๆ!
หลินเจี๋ยตีหน้าจริงจัง เขาวางมือขยี้ผมมูเอนแบบกดน้ำหนักแล้วพูดอย่างเคืองเล็กน้อย “ต่อให้แก้ได้ก็แจ้งตำรวจก่อนครับ ถ้าคุณไม่กลัวฟ้ากลัวดินแบบนี้ ขืนเป็นอะไรขึ้นมา ผมจะหาผู้ช่วยคนที่สองได้จากไหนล่ะ”
มูเอนถูกยีหัวจนเละเทะ แต่ดวงตาของเธอมองหลินเจี๋ยอย่างเป็นประกายแล้วพึมพำ “ฉันเป็นผู้ช่วยที่หาที่ไหนไม่ได้อีกแล้วใช่ไหมล่ะคะ?”
หลินเจี๋ยเสียอารมณ์กับความสามารถในการหาคำสำคัญของมูเอนแล้วถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้ จากนั้นก็ลูบผมเธอเบา ๆ แล้วพูดว่า “ใช่ครับ หาที่ไหนไม่ได้แล้ว คุณดูสิ ผมยากจนขนาดนี้จะไปมีปัญญาหาคนอื่นมาได้อย่างไรล่ะ”
มูเอนพยักหน้าอย่างจริงจัง “นั่นสินะคะ”
“…”
หลินเจี๋ยถอนหายใจอีกครั้งและพูดในใจว่าเจ้านายที่เต็มใจจะให้ที่พักกับเธอแบบนี้ก็มีคนเดียวในโลกเหมือนกันนะ
เขาพูดต่อว่า “เอาล่ะ เหมือนคุณจะรู้ทุกอย่างที่จำเป็นต้องใส่ใจแล้ว อ้อ ใช่ อย่าลืมให้อาหารแมวนะครับ”
หลินเจี๋ยผายมือเรียก แล้วเจ้าขาวก็กระโดดเข้ามาในอ้อมแขนของเขาทันที
เขาตบพุงของมันสองทีเบา ๆ แล้วส่งเจ้าแมวอ้วนให้มูเอนพลางบ่นว่า “เจ้านี่ชักจะอ้วนขึ้นทุกทีแล้ว ผมสงสัยจริง ๆ ว่าครั้งล่าสุดที่มันไปไล่จับนกพิราบ มันจะไปจับมากินทั้งรังแทน…อร่อยเลยไหมล่ะนั่น”
มูเอนหยิกหูเจ้าแมวอย่างที่มองตากันก็รู้ใจ
ครั้งก่อนก็เป็นครั้งที่เธอบุกรังศัตรูอีกด้วย…เจ้าของร้านหลินคงไม่ได้บอกอ้อม ๆ ว่าเธออ้วนขึ้นหรอกใช่ไหม? บางทีหลังจากเปลี่ยนรากฐานเป็นศิลานักปราชญ์ชิ้นใหม่ เธอก็อาจจะกินมากขึ้นนิดหน่อยจริง ๆ
หลินเจี๋ยเปิดประตูร้านหนังสือ แล้วก็ค้นพบอย่างประหลาดใจว่ามีชั้นน้ำค้างแข็งบาง ๆ เกาะอยู่ที่พื้นแล้ว และบนถนนก็มีรอยเท้ามากมายของคนที่เดินผ่านไปมาประทับอยู่เต็มไปหมด…
ชายหนุ่มมองขึ้นไปบนฟ้า เห็นเกล็ดหิมะที่โปรยปรายลงมาหมุนวนในสายลมอย่างช้า ๆ บ่งบอกถึงการมาของฤดูหนาวอย่างเป็นทางการ
หลินเจี๋ยยกมือขึ้นรองเกล็ดหิมะ สัมผัสได้ถึงความหนาวเยือกบนฝ่ามือแล้วถอนหายใจในฐานะชาวใต้ “นี่หรือที่เรียกว่าฤดูหนาว…”
ถึงแม้ว่าเขาจะอยู่ในนอร์ซินมาสามปีแล้ว แต่ภูมิอากาศที่นี่ค่อนข้างอบอุ่น ในช่วงสามปีก่อนมีวันหิมะตกเพียงไม่กี่วันในช่วงที่หนาวที่สุดเท่านั้น แต่ปีนี้หิมะกลับตกตั้งแต่ต้นฤดูอย่างเกินคาด
“บางทีปีนี้หิมะอาจจะตกหนักก็ได้แฮะ”
หลินเจี๋ยพึมพำแล้วหันไปพูดกับมูเอนด้วยรอยยิ้ม “ถ้าอย่างนั้นผมไปแล้วนะครับ ในช่วงที่ผมไม่อยู่ ดูแลร้านหนังสือกับเจ้าขาวดี ๆ นะครับ”
มูเอนที่อุ้มเจ้าแมวขาวตัวอวบอ้วนพยักหน้าตอบ เธอยืนมองส่งเจ้าของร้านหลินที่แต่งตัวอย่างเป็นทางการกำลังเดินออกจากหน้าร้านหนังสือแล้วหายลับไปที่สุดถนน ทิ้งไว้เพียงรอยเท้า
—
โธมัส สมาชิกหอพิธีกรรมต้องห้ามแผนกโลจิสติกส์นั่งชงชาอย่างสบายใจอยู่ในบ้านที่หัวมุมอย่างเคย เขาให้ความสนใจกับร้านหนังสือลึกลับผ่านหน้าต่างอย่างใกล้ชิด…
นับแต่หอพิธีกรรมต้องห้ามสนใจในร้านหนังสือนี้ พวกเขาจึงตั้งกลุ่มในแผนกโลจิสติกส์ขึ้นมาเป็นการเฉพาะกิจเพื่อเฝ้ามองการเปลี่ยนแปลงของร้านหนังสือ
วันนี้เป็นวันที่โธมัสต้องอยู่เวร
เขาคิดอยู่เสมอว่านี่เป็นงานที่ง่าย เพราะเจ้าของร้านหนังสือมีตารางงานที่ตายตัวมากและแทบจะเรียกได้ว่าเอื่อยเฉื่อย…
เจ้าหมอนี่ไม่แม้กระทั่งจะออกมาจากร้านเลย!
“บางทีเราก็คิดนะว่า คนธรรมดาแบบนี้จะเป็นระดับเหนือนภาจริง ๆ เร้อ…”
โธมัสยกถ้วยชาขึ้นจิบพลางมองทางเข้าร้านหนังสืออย่างเคย
แล้วเขาก็เห็นชายหนุ่มผมดำสวมชุดสูทเดินออกมาจากร้านอย่างไม่คาดคิด เขากล่าวอำลาเด็กสาวที่เป็นผู้ช่วย แล้ว…เดินไปในทิศที่เขาไม่เคยไปมาก่อน!
“พรู่ด!”
โครม! เปรี้ยง!
โธมัสพ่นชาแล้วลุกขึ้นอย่างแรงจนโต๊ะล้ม แล้วเขาก็วิ่งโซเซออกไป
ขณะที่กำลังวิ่ง เขาก็ควักเครื่องมือสื่อสารออกมาแล้วตะโกนด้วยน้ำเสียงเกือบจะตื่นตระหนก “คำเตือน! เจ้าหน้าที่ทุกนายโปรดทราบ! โปรดทราบ! เขาออกจากร้านหนังสือแล้ว! ย้ำ เขาออกจากร้านหนังสือแล้ว!”