เจ้าของร้านพิศวง - บทที่ 333 คุณควรกลับบ้านไปนะ
บทที่ 333 : คุณควรกลับบ้านไปนะ
วิธีจัดประเภทอีกแบบหนึ่ง?
นี่ก็เป็นอีกวิธีในการพูดเหมือนอย่างเสรีภาพและความเท่าเทียมอะไรนั่น เอาแต่พูดพล่ามกรอกหูอยู่ได้ พวกสามัญชนพวกนี้ไม่รู้จักจบจักสิ้นจริง ๆ!
เมื่อไรพวกเขาจะเข้าใจสักทีนะ ว่าทุกคนในนอร์ซินถูกกำหนดเส้นทางชีวิตด้วยอักษรและตัวเลขบนถนนทุกสายไว้หมดแล้ว?
ไม่ว่าจะพยายามแค่ไหน สุดท้ายพวกเขาก็จะถูกผู้มีระดับสูงกว่าเหยียบย่ำเหมือนเป็นแค่แมลงเล็กจ้อยไร้ทางสู้ตัวหนึ่ง…!
จอห์นหลุดหัวเราะอย่างไม่ตั้งใจ เขาอยากใช้คำพูดถากถางอีกฝ่ายให้เข้าใจความจริงที่โหดร้ายมากกว่านี้
แต่เมื่อเขาสบเข้ากับดวงตาสีดำสนิทที่ไร้รอยยิ้มคู่นั้นเข้า คำพูดของเขาก็ค้างอยู่เพียงในคอ
พ่อหนุ่มชนชั้นสูงลนลานในใจโดยไร้เหตุผล…
แม้ว่าห้องโถงจะสว่างไสวเจิดจ้าด้วยแสงไฟ แต่ในพริบตานี้ เขากลับรู้สึกเหมือนกับว่าตนถูกโอบล้อมด้วยหมอกหนาสีดำไม่รู้จบ และกระทั่งทัศนวิสัยของเขาเองยังมืดไปทันที
หมอกสีดำเหล่านั้นยุ่งเหยิง เคลื่อนไหวตลอดเวลา และเหมือนกับมีใครกำลังแอบมองเขาจากภายในหมอกนั้นด้วย
สายตาคู่นั้นไม่มีเจตนาร้าย ราวกับเป็นดวงตาของทารกที่เบิกขึ้นมามองโลกอย่างอยากรู้อยากเห็นเท่านั้น
เป็นความอยากรู้อยากเห็นที่รุนแรงเสียจนทำให้ร่างของเขาหนาวสะท้าน…
แต่เพียงพริบตาเดียว ภาพลวงตานั้นก็หายไป ราวกับว่าคนที่จ้องมองมาคนนั้นแค่เดินผ่านมาแล้วทอดตามองทิวทัศน์ใกล้เคียงในชั่ววูบหนึ่ง
จอห์นตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็ได้สติแล้วเห็นว่าแขกเหรื่อที่รายล้อมเขาอยู่กำลังกระซิบกระซาบกัน
ทันใดนั้น ชายผู้ดีก็ตระหนักว่าเมื่อครู่เขาอ้าปากจะพูด แต่แล้วก็หยุดลงอย่างลังเล การแสดงออกนี้ของเขาโง่เง่าเอาเสียมาก ๆ แต่เขาก็ไม่รู้ว่าเมื่อครู่นี้เกิดอะไรขึ้นกันแน่ เขาจึงทำได้เพียงพูดออกไปอย่างโกรธเคืองและไร้การไตร่ตรอง “การจัดประเภท? หรือที่ผมพูดไปจะไม่ชัดเจนพอครับ? ด้วยความเคารพนะ คุณไม่ควรอยู่ที่นี่จริง ๆ…ถ้าไม่ใช่เพราะคุณหนูจี้ คุณคงไม่มีทางได้เห็นภาพโซน A ทั้งชีวิตเลยก็ได้มั้ง? ผมไม่คิดว่าผมควรพูดเรื่องบัตรเชิญของคุณมากไปกว่านี้นะ…”
หลินเจี๋ยทุบฝ่ามือแล้วพูดขัดจังหวะ “อ้อ พูดถึงบัตรเชิญ…มันก็จริงนะครับที่ผมเข้ามาในงานนี้ด้วยทางลัด แต่นี่เป็นงานเลี้ยงของคุณหนูจี้ เธออยากชวนใครก็เป็นความคิดของเธอครับ ไม่มีอะไรที่ต้องมาคอยพินิจ มีแต่ว่าเธอจะชอบหรือไม่เท่านั้น…”
จอห์นมองการแสดงออกอย่างชอบธรรมของอีกฝ่ายแล้วพูดอย่างตกตะลึง “นี่คุณ…”
“โธ่” หลินเจี๋ยส่ายหน้าถอนหายใจ นี่คงเป็นสาเหตุที่ทำไมจี้จือซู่ถึงถูกพวกเดนมนุษย์หลอกในตอนแรกล่ะสิ
ในสภาพแวดล้อมที่มีแต่พวกผู้ชายแบบนี้ที่คิดจะฮุบทั้งสมบัติของเธอและเครือข่ายบริษัทโรลล์ พอมาเจอผู้ชายอบอุ่นในทางตรงข้ามเข้า เธอก็เลยหลงเข้าได้ง่าย ๆ
หลินเจี๋ยพยักหน้า ลูบคางแล้วพูดต่อ “หรือพูดอีกอย่างก็คือ คนที่คุณหนูจี้ไม่ชอบ ก็ไม่ควรมาปรากฏตัวในงานเลี้ยงวันเกิดครั้งนี้ครับ”
จอห์นไม่เข้าใจสิ่งที่ชายคนนี้พูดออกมาเลย จากนั้นก็ขมวดคิ้ว “ที่ผมพูดไป คุณคงไม่เก็บไปคิดจริง ๆ…”
หลินเจี๋ยพูดอย่างจริงจังด้วยน้ำเสียงเป็นธรรมชาติ “คุณจอห์น เฟร็ดครับ…ผมรู้สึกว่าคุณควรกลับบ้านไปนะ ออกจากตรงนี้เลี้ยวซ้ายจะเป็นประตู ผมไม่บอกทางกลับบ้านให้นะครับ เพราะคุณน่าจะจำวิธีได้”
จอห์นมองซ้ายมองขวาอย่างงุนงง “ผม? กลับบ้าน? คุณจริงจังหรือเปล่าครับเนี่ย?”
หลินเจี๋ยพยักหน้า…
สีหน้าของจอห์นแปลกไปแล้วหัวเราะออกมาเสียงดัง “ฮะ ๆ ฮ่า ๆๆๆ…ผมค้นพบแล้วว่าผมมองคุณผิดไปนิดหน่อย คุณแตกต่างจากคนอื่น คุณน่าสนใจกว่าคนทั่วไปจริง ๆ”
เขามองจี้จือซู่ ชี้ขมับของตัวเองเหมือนบอกใบ้แล้วถามว่า “คุณหนูจี้ คุณแน่ใจนะครับว่าแขกท่านนี้ไม่มีส่วนไหนผิดปกติ?”
ไม่ว่าจี้จือซู่จะแน่ใจหรือไม่ จอห์นก็เริ่มสงสัยแล้วว่าเจ้าหมอนี่ที่จนตอนนี้ก็ยังไม่ขานชื่อจะมีบางอย่างขาด ๆ เกิน ๆ ในสมอง
แต่สีหน้าของจี้จือซู่กลับไม่ใช่ความอับอายหรือกระอักกระอ่วนอย่างที่คิด ท่าทีของเธอกลับเคร่งขรึม
เธออ้าปากพูดอย่างยากลำบาก “คุณหลินคะ…คุณ…”
เพราะหลินเจี๋ยจะยกมือขึ้นหยุดเธอไว้ก่อนหน้านี้ เธอจึงมีลางสังหรณ์ว่าเจ้าของร้านหลินจะจัดการปัญหานี้ด้วยตัวเอง และไม่ยอมให้เธอลงมือ
แต่เมื่อพิจารณาจากสัญญาณต่าง ๆ จนตอนนี้แล้ว ความร้ายแรงของเรื่องนี้ดูจะเกินกว่าที่คาดเดาไว้
สิ่งที่เธอไม่มั่นใจที่สุดคือ เธอคาดเดาไม่ได้ว่าเจ้าของร้านหลินโกรธอยู่ในตอนนี้ หรือแค่เล่นสนุกสนองความต้องการของตัวเองกันแน่…
“…เกือบลืมไปเลย”
หลินเจี๋ยหันไปมองจี้จือซู่แล้วกระแอมสองสามทีอย่างเก้อ ๆ เขาไม่รู้จะสรรหาคำพูดอย่างไรดี
จะให้พูดว่า ‘ที่จริงแล้วผมเป็นผู้มีพลังเหนือธรรมชาติน่ะ’ เหรอ?
‘ผมอายมากที่ซ่อนความจริงจากคุณมาโดยตลอด แต่เราสองคนอาจไม่เหมือนกัน ดูสิ ผมใช้เวทมนตร์ได้’ บลา ๆๆ…
ไม่ว่าจะมองในแง่ไหน มันก็ดูชวนกระอักกระอ่วนเป็นบ้าเลยครับ!
“อ่า ลืมไปเถอะครับ… ผมจะอธิบายให้คุณฟังอีกทีนะ” หลินเจี๋ยเผยรอยยิ้มอบอุ่นเพื่อปลอบใจจี้จือซู่ที่ดูอารมณ์เสีย “สั้น ๆ เลยนะครับ ผมจะไม่ทำให้คุณหนูจี้ลำบากใจ อย่างไรเสียก็อย่าลืมแจ้งความนะครับ”
จี้จือซู่มองรอยยิ้ม ‘มั่นใจ’ ของเขาแล้วรู้สึกไม่สบายใจขึ้นมา “แจ้งความเหรอคะ?”
หลินเจี๋ยพยักหน้า “ครับ แจ้งความ บอกโจเซฟแล้วเตรียมช่วยคนได้เลย”
จอห์นมองทั้งสองที่เอาแต่คุยกันแล้วทนไม่ไหว เร่งเสียงพูดอย่างโกรธเคือง “คุณหนูจี้ อย่าบอกผมนะครับว่าเพื่อเจ้าสามัญชนคนนี้ คุณจะเป็นศัตรูกับตระกูลเฟร็ดได้โดยไม่ลังเล?”
“ไม่ค่ะ”
จี้จือซู่ส่ายหน้า ทว่าเธอก็พูดต่อโดยที่สีหน้ายินดียังไม่ทันได้โผล่บนใบหน้าจอห์นเลย “ฉันไม่เคยยืนข้างเดียวกับคุณมาแต่แรกอยู่แล้ว”
จอห์นหน้าเขียว เขารู้สึกว่าความอดทนของตนมาถึงขีดจำกัดแล้ว
ตั้งแต่เมื่อครู่จนตอนนี้ ถึงแม้ว่าเขาจะถากถางอีกฝ่ายด้วยสถานะทางสังคมที่สูงกว่า แต่ผลสุดท้ายกลับเป็น…เขากลายเป็นตัวตลกที่ถูกหยอกเล่นด้วยซ้ำ ๆ!
เกินทนแล้ว!
จอห์นกัดฟัน กำถ้วยในมือไว้แน่นแล้วเตรียมโจมตีทันที ในเมื่อบริษัทโรลล์ไม่แยกแยะชั่วดี เช่นนั้นเขาก็ไม่จำเป็นต้องไว้หน้าพวกคนธรรมดาพวกนี้อีก…
พวกเขาก็แค่มนุษย์ธรรมดาไม่กี่คนเอง!
ใช่แล้ว แม้แต่จี้จือซู่ เธอก็ยังอยู่แค่ระดับสัตว์ประหลาด เทียบอะไรกับตระกูลเฟร็ดไม่ได้เลย
ถึงแม้ว่าเราจะเคยได้ยินมาว่าเธอมีความสัมพันธ์บางอย่างกับเจ้าของร้านหนังสือลึกลับคนนั้น แล้วได้รับของขวัญบางอย่างมาก็เถอะ แต่ต่อมาเราก็แทบไม่ได้ยินข่าวอะไรเลย ก็นั่นสินะ คนใหญ่คนโตแบบนั้นจะคอยสนใจประคบประหงมมดตัวจ้อยพวกนี้ไปทำไมล่ะ?
อื้อ ใช่แล้ว…!
เมื่อจอห์นคิดมาถึงตรงนี้ หลังของเขาก็เหมือนถูกกระแสไฟฟ้าแล่นผ่านอย่างรุนแรงตามด้วยความหนาวเยือกในอากาศที่เข้ามาเกาะกุม ความคิดอันน่ากลัวปรากฏขึ้นราวกับหิ่งห้อยในความมืดที่บินเข้ามาใกล้จนได้ยินเสียงปีกกระพือทำให้หนังศีรษะของเขาชาวาบ
เจ้าของร้านหนังสือ…ลึกลับ?
“ผมก็แค่เจ้าของร้านหนังสือที่ไม่โด่งดังอะไร ไม่ควรค่าให้เอ่ยชื่อหรอกครับ จากฐานะแล้ว ผมกับทุกคนที่นี่ห่างกันเป็นโยชน์เลยล่ะ”
นี่คือคำพูดในตอนที่ชายหนุ่มธรรมดา ๆ ตรงหน้าเขาแนะนำตัวเองเมื่อครู่
ม่านตาของจอห์นหดตัวอย่างรุนแรง เขาเงยหน้าขึ้นทันทีแล้วเห็นคนใช้ของเขากระเสือกกระสนแหวกฝูงชนวิ่งปรี่เข้ามาหาเขา แล้วตะโกนปนหอบ “นายน้อยจอห์น เร็ว รีบกลับไปเร็วครับ…!”
จอห์นยื่นมือออกมาประคองเขาไว้ ความกลัวที่อธิบายไม่ถูกแพร่ออกไปเกาะกุมหัวใจของเขา ทำให้ริมฝีปากของเขาสั่นระริกจนพูดอะไรไม่ออก
คนรับใช้เงยหน้าขึ้น เผยให้เห็นใบหน้าบิดเบี้ยวเปรอะน้ำตา “มีบางอย่าง มีบางอย่างเกิดขึ้น…ทุกคน…ทั้งหมด…ตาย…”
จอห์นแทบไม่ได้ยินสิ่งที่คนรับใช้ของเขาพูดเลย เขาใช้ความพยายามทั้งหมดในการหันกลับไปมองหลินเจี๋ย ทว่าเขากลับมองไม่เห็นใบหน้าของชายหนุ่ม แต่เป็นเพียงเงาร่างดำเมี่ยมที่ปรากฏกลางฝูงชน โค้งคำนับแก่เขาอย่างสง่างาม