เจ้าของร้านพิศวง - บทที่ 334 โทษประหาร
บทที่ 334 : โทษประหาร
เงาร่างดำมืดที่โค้งคำนับอย่างสง่างามนั้นลึกล้ำและดูเข้ากับความจริงไม่ได้ราวกับภาพลวงตาจากฟองสบู่ซึ่ง ‘ระเบิดปุ้ง’ หายไปในพริบตา
แต่เสียงร้องไห้คร่ำครวญของคนรับใช้และภาพความยุ่งเหยิงรอบกายนั้นไม่ใช่ของปลอมแน่นอน
เพล้ง!
จอห์นใจลอย ปล่อยแก้วไวน์ในมือร่วงลงไปแตกที่พื้นดังเพล้งจนตัวเองสะดุ้ง
จากนั้นเขาก็ตระหนักถึงปัญหาร้ายแรงราวกับตื่นจากฝัน หัวใจของเขาพลันร่วงลงไปลึกในก้นเหว
ตาย? ตายอย่างนั้นเหรอ?!
สังหรณ์ร้ายเปลี่ยนเป็นความหนาวเยือกในอากาศที่ปกคลุมไปทั่วร่างของเขา
สีหน้าของเขาเปลี่ยนกะทันหัน เขารีบพุ่งเข้าไปคว้าคอเสื้อของคนรับใช้ไว้แน่น ใบหน้าของเขาดุดันในขณะที่คำรามเสียงต่ำด้วยร่างอันสั่นเทา “อะไรตายแล้ว เกิดอะไรขึ้น?! บอกฉันให้ชัดเจนที!!!”
ใบหน้าของคนรับใช้เต็มไปด้วยน้ำมูกและน้ำตา คอของเขาถูกรั้งทำให้ยากจะหายใจออก ใบหน้าของเขาแดงก่ำมากขึ้นทีละนิดขณะที่พูดอย่างยากลำบาก “พวกนายท่าน เขา…พวกเขากำลังทำ…พิธีสัญญาทาส…แล้วจู่ ๆ รอบ ๆ ก็มืดสนิทไปวูบหนึ่ง พิธีกรรมถูกขัดจังหวะ จากนั้นบ้านทั้งหลังก็พังลงมา แล้วไฟก็ไหม้ มันเร็วมาก เร็วเกินไป…ผมไม่รู้อะไรเลย ได้แต่กระเสือกกระสนหนีออกมานี่แหละครับ…”
แววตาของจอห์นที่จ้องคนรับใช้ของเขาดูราวสัตว์ร้ายที่พร้อมขย้ำคนตรงหน้า เขาพูดลอดไรฟัน “นายหนีออกมาเหรอ?”
คนรับใช้ตกใจกลัวแล้วส่ายหัวอย่างหมดมาด “เปล่า เปล่าครับ ผมไม่ได้หนี…นายท่านให้ผมมาหานายน้อยเพื่อแจ้งข่าวครับ…”
จอห์นกระชับมือบีบคอแน่นขึ้นอีก สีหน้าของเขายิ่งน่ากลัว “บอกฉันว่าพวกเขาตายแล้วน่ะเหรอ? ในเมื่อนายบอกว่าไม่รู้อะไรเลย แล้วนายรู้ได้อย่างไรว่าพวกเขาตายแล้ว? ไร้สาระ อย่าพูดให้คนเขาตกใจสิ!”
ในใจผู้ดีหนุ่มนิ่งสงบอย่างเกินจินตนาการ กระทั่งในตอนนี้ที่มีข่าวการตายของสมาชิกครอบครัวของเขาทั้งหมด เขาก็ยังไม่สามารถปล่อยให้เรื่องแบบนี้มาตัดสินชีวิตคนได้จนกว่าจะปิดฝาโลงศพ!
เขาต้อง…ให้เวลาตัวเองเพื่อหาทางออก
ไม่เช่นนั้น จอห์นนึกถึงการคาดเดาที่แล่นผ่านใจของเขาเมื่อครู่และสิ่งที่ตนพูดออกไป เขาจะตายด้วย
“อ…เอ่อ…” คนรับใช้พบว่าในขณะที่ผู้ดีหนุ่มตรงหน้ากำลังพูด เขาก็กำลังร่ายมนตราพิเศษประจำตระกูลเฟร็ดอยู่!
เขากำลังถูกเล็งสังหาร!
รูม่านตาของคนรับใช้หดตัวอย่างรวดเร็ว เขาดิ้นรนอยากจะตะโกน แต่ก็พบว่าเขาไม่อาจขยับตัวหรือทำเสียงใด ๆ ได้อีกแล้ว
พลังชีวิตของเขาถูกสูบออกจากร่างอย่างรวดเร็ว ใบหน้าของคนรับใช้ดูขาวซีด แล้วไม่นานรูม่านตาของเขาก็คลายตัว
หมับ!
มือข้างหนึ่งยื่นเข้ามาคว้าแขนของจอห์นไว้แล้วบีบด้วยแรงที่มากเสียจนกระดูกลั่นเอี๊ยด
จอห์นหันไปมองแล้วก็พบกับดวงตาสีเทาเหล็กอันเย็นชาของนางเอกประจำงานเลี้ยงในคืนนี้ จากนั้นก็ได้ยินเสียง ‘ปุ’ ทึบ ๆ
เขาก้มลงมอง แล้วก็เห็นเรียวแขนขาวกับกำปั้นหนัก ๆ พุ่งเข้ามาพร้อมสายลมหวีดหวิว พริบตาต่อมา มัดกล้ามก็ปูดโปนขึ้นมาบนแขนแล้วแซมด้วยเส้นขนสีเงิน จากนั้นก็ตามมาด้วยความเจ็บปวดเกินบรรยายที่ช่องท้องของเขา ทำให้มือของเขาปล่อยมือให้คนรับใช้ร่วงลงข้างลำตัวในทันที
“อุ…อ่อก!”
จอห์นเสียการทรงตัวลงไปกลิ้งกับพื้น สีหน้าของเขาบิดเบี้ยวจนดูราวกับตัวหนอนแมลง และร่างกายส่วนล่างของเขาก็กระตุกไม่หยุดเช่นกัน
จี้จือซู่ทอดสายตาลงมอง ถอนหมัดของเธอแล้วถอยไปสองก้าวเพื่ออยู่ให้ห่างจากภาพน่าสังเวชนี้
ถ้าเจ้าของร้านหลินไม่หยุดเธอไว้ หมัดนี้คงพุ่งเข้าหน้าเจ้าหมอนี่ไปได้สักครู่หนึ่งแล้ว
แต่นี่ก็พอแล้วเช่นกัน…เธอควบคุมหมัดของเธอได้ดีมาก ดูจากภายนอกแล้วก็ไม่ได้มีแผลเลือดออกอะไรมากมาย แต่ที่จริงแล้วเครื่องในหลักส่วนต่าง ๆ ในท้องของจอห์นล้วนแต่ถูกบิดจนแหลกเละไปแล้ว
นักเวทที่ไม่มีโอกาสได้ร่ายมนตราก็อ่อนแอไม่ต่างจากคนธรรมดาทั่วไป
จี้จือซู่ในตอนนี้สามารถควบคุมการใช้กำลังของตนเองได้อย่างสมบูรณ์แบบแล้ว นี่ไม่ใช่แรงที่ใช้แล้วจบ แต่เป็นแรงที่แพร่กระจายเป็นระยะยาว อันดับแรกก็ทำลายอวัยวะภายในเสียก่อน จากนั้นก็ขยี้ให้แหลกเป็นโคลน
พูดอีกนัยก็คือ นี่คือหมัดที่จะทำให้เครื่องในปั่นป่วนจนเจ็บสาหัสไปอีกเป็นชั่วโมง ๆ
เจ็บจนจอห์นตายนั่นแหละ
แต่ในระหว่างช่วงเวลานี้ จี้จือซู่จะใช้ ‘เจตจำนงแห่งเหล็กกล้า’ กับจอห์นเพื่อช่วยให้เขามีสติอยู่เสมอ
ล่วงเกินเจ้าของร้านหลินแล้วคิดจะหนีเหรอ?
ถึงแม้ว่าเจ้าของร้านหลินจะลงโทษเขาด้วยตนเองแล้ว แต่ในฐานะสาวกของเจ้าของร้านหลิน เธอต้องกระตือรือร้นที่จะแสดงจุดยืนที่ดีด้วย
ในขณะเดียวกัน เธอก็หยิบผ้าเช็ดหน้ามาเช็ดมือแล้วพูดยิ้ม ๆ “ดูเหมือนว่าคุณจอห์นจะเสียใจจนคุมตัวเองไม่ได้นะคะ พาเขาไปพักสักครู่ก่อนแล้วส่งเขากลับบ้านไปดูสถานการณ์เถอะค่ะ เราแจ้งตำรวจเกี่ยวกับเรื่องของตระกูลเฟร็ดแล้วและกรมตำรวจเขตกลางจะจัดการกับสถานการณ์นี้เอง ทุกท่านอย่าห่วงไปเลยนะคะ”
รอบข้างมีเพียงเสียงซุบซิบและการล้อเลียนอย่างขบขันเบา ๆ ให้ได้ยิน
จอห์นที่ได้รับการพยุงขึ้นรู้สึกถึงความเจ็บปวดสาหัส ความอุ่นชื้นและกลิ่นไม่พึงประสงค์ที่ออกมาจากร่างกายท่อนล่างของเขาเอง รวมถึงสายตาของแขกรอบ ๆ ที่จ้องตรงมาที่เขาซึ่งถูกลากออกไปตลอดทาง
พวกเขากำลังมองอยู่…
เขาถูกลากออกไปอย่างหมดศักดิ์ศรี ไร้การปิดบังใด ๆ เปิดเผยด้านน่าอายทั้งหมดของเขาออกมา
นี่คือการทรมานที่สาหัสที่สุดสำหรับเขาผู้เย่อหยิ่งและถือในศักดิ์แห่งผู้ดีของตนเสมอมา
“อา…”
จอห์นครวญครางอย่างอ่อนแรงและสิ้นหวัง
เมื่อจอห์นลืมตาขึ้นมา เขาก็เห็นสายตาของคนรอบ ๆ ที่มองมายังเขา และเมื่อหลับตา ความเจ็บปวดบนร่างกายของเขาก็จะถูกขยายขึ้น ได้ยินแม้แต่เสียงกระดูกที่หักเสียบเข้าไปในเครื่องในของเขาทีละนิด
เขาถูกลากไปยังคฤหาสน์ตระกูลเฟร็ดพร้อม ๆ กับความเจ็บสาหัสนี้
เปลวเพลิงยังคงปลิวไหวอย่างริบหรี่
คฤหาสน์ที่เคยโอ่อ่าอลังการซึ่งครั้งหนึ่งเป็นที่พักอาศัยของตระกูลขนาดใหญ่ในโซน A และเป็นสิ่งพิสูจน์ฐานะทางสังคมที่สูงส่งกว่าใครของจอห์น พื้นที่ซึ่งคนธรรมดาไม่อาจจินตนาการถึงได้…บัดนี้เหลือเพียงซากปรักหักพังดำเกรียมในกองเพลิง
“เอ่อ…อ่า…”
จอห์นเบิกตากว้าง แล้วก็เห็นซากศพที่คุกเข่าอยู่บนพื้น
นี่คือสมาชิกทุกคนของตระกูลนักเวทมนตร์ดำที่ทั้งเก่าแก่และทรงพลังที่อยู่บนเวทีอันน่าภาคภูมิของเขา
เขาถูกโยนลงไปกองกับพื้น กระเสือกกระสนอย่างยากลำบากไปข้างหน้า สีหน้าของเขาสิ้นหวังโดยสมบูรณ์
ทุกสิ่งที่เขามีต่างถูกทำลายไปทีละอย่าง
ข่ายมนตร์สำหรับทำพิธีสัญญาทาสยังคงหลงเหลือให้เห็นที่พื้น พิธีกรรมที่โหดร้ายนี้เริ่มจากการตัดลิ้นทาส ควักลูกตา ทำลายแก้วหูของทาสจนไม่สามารถพูด มองเห็น หรือได้ยินอะไรได้ ทำได้เพียงรับคำสั่งจากเจ้านายในใจ กลายเป็นสัตว์เลี้ยงไปอย่างสมบูรณ์เท่านั้น
นี่คือสิ่งที่ตระกูลเฟร็ดโปรดปราน เป็นส่วนสำคัญและบันเทิงใจในวงการค้าทาสที่พวกเขาหลงใหล
ส่วนทาสผู้ ‘สมัครใจ’ เหล่านี้ก็มาจากเขตสลัมในเขตบน…
ในตอนนี้ พิธีสัญญาทาสถูกขัดจังหวะโดยการแทรกแซงจากพลังที่ไม่อาจอธิบายได้ ทำให้มนตร์ดำถูกตีกลับเข้าตัวผู้ร่ายอย่างสมบูรณ์
ทุกผลลัพธ์ของมันบังเกิดกับร่างของสมาชิกตระกูลเฟร็ดทุกคน
ใบหน้าของทุกศพที่คุกเข่าอยู่ในกองเพลิงมีรูโบ๋ขนาดใหญ่สามรู ดูราวกับภาพจำลองของนรกชวนสั่นประสาท แต่เหล่าทาสที่สวมตรวนซึ่งรอดชีวิตจากโศกอนาฏกรรมกอดกันสะอื้นไห้
แล้วภาพในสายตาของจอห์นก็ถูกหยุดไว้ในช่วงเวลานี้ตลอดไป
—