เจ้าของร้านพิศวง - บทที่ 341 นี่ก็เป็นแผนของเขาด้วยเหรอ!
บทที่ 341 : นี่ก็เป็นแผนของเขาด้วยเหรอ?!
เฮ้อ ดูเหมือนว่านักศึกษาเกร็กจะยังไม่ตระหนักว่าคำถามที่เขาถามหลินเจี๋ยถูกตีกลับไปให้วุ่นวายใจเสียเองแล้ว…
หลินเจี๋ยยิ้มอย่างใจเย็น มองเด็กหนุ่มหยิบอุปกรณ์สื่อสารขึ้นมาแล้วพูดคุยด้วยเสียงเบา ๆ
เพื่อนตัวน้อย คิดจะมาสู้กับผม คุณยังเด็กเกินไปครับ!
แต่อารมณ์ของเกร็กในตอนนี้ก็ยากจะอธิบายได้ เขาทำได้เพียงหายใจเข้าลึก ๆ ระงับความหงุดหงิดและหวาดวิตก แล้วรับโทรศัพท์จากหัวหน้าหน่วยรบวินสตันด้วยจิตใจที่สงบที่สุด “สวัสดีครับ…”
แต่เขาไม่คิดเลยว่าฝ่ายตรงข้ามจะกระวนกระวายกว่าเขาอีก วินสตันที่ขึ้นชื่อด้านความมั่นคงพูดกับเขาด้วยเสียงที่เกือบจะตะโกน “อัศวินฝึกหัดเกร็กยืนยันด้วย! ตอนนี้คุณเข้าร่วมงานเลี้ยงวันเกิดของจี้จือซู่ในคฤหาสน์ A16 อยู่หรือเปล่า?”
“ใช่ครับ”
เกร็กตอบอย่างรวดเร็ว “เพราะหน่วยข่าวกรองไม่ได้มอบหมายงานใด ๆ ในตอนนี้ ผมจึงถูกขอให้เข้าร่วมงานเลี้ยงของบริษัทโรลล์ในฐานะลูกคนเล็กของตระกูลครับ…”
นี่เองก็เป็นเหตุผลที่ทำให้เขาบ่นอุบใส่อุปกรณ์สื่อสารอย่างขุ่นเคืองก่อนหน้านี้
เนื่องจากเกิดสงครามระหว่างหอพิธีกรรมต้องห้ามและนิกายกลืนศพกะทันหัน บทบาทของหน่วยข่าวกรองในตอนนี้จึงมีน้อยนิด ปกติแล้วข่าวกรองจะต้องถูกเก็บก่อนเกิดศึก และเจ้าหน้าที่หน่วยข่าวกรองก็ไม่ได้แข็งแกร่งขนาดจะลงสนามรบได้เสียด้วย
หลายคนถูกย้ายไปช่วยงานหน่วยโลจิสติกส์ที่กำลังตึงเครียดอย่างหนักชั่วคราว ส่วนคนอื่น ๆ ก็อาจถูกปล่อยไว้เฉย ๆ อย่างเกร็กเป็นต้น
ดังนั้นเขาจึงถูกมอบหมายให้เข้าร่วมงานเลี้ยงหรูของสามัญชนที่น่าเบื่อสุด ๆ จากที่บ้านเพื่อฆ่าเวลา…
“ผมไม่ได้ขอเหตุผลจากคุณ!” วินสตันขัดจังหวะ “ตอนนี้คุณมีงานแล้ว งานด่วนด้วย! สภาผู้อาวุโสออกภารกิจให้คุณโดยตรงเลย!”
“ฟังชัด ๆ นะ” น้ำเสียงของเขาเคร่งเครียดอย่างมาก “ในขณะนี้ วัตถุรองของแฟ้มระดับ I หมายเลข 0113 ที่ต้องสงสัยว่าอยู่เหนือกว่าระดับเหนือนภา เจ้าของร้านหนังสือไร้ชื่อที่ชื่อหลินเจี๋ยได้ออกมาจากบริเวณเฝ้าระวังของหอพิธีกรรมต้องห้ามเมื่อสามชั่วโมงก่อนเพื่อเข้าร่วมงานเลี้ยงในคฤหาสน์ A16 นี้”
“แต่เพราะหอพิธีกรรมทำสงครามกับนิกายกลืนศพอยู่ในตอนนี้ เจ้าหน้าที่แทบทุกนายจึงอยู่ในสนามรบ ตอนนี้จึงมีแค่คุณคนเดียวที่เป็นเจ้าหน้าที่ของเราในคฤหาสน์ A16”
“ดังนั้น จึงมีแค่คุณเท่านั้นที่สามารถสานต่อภารกิจการเฝ้าระวังได้ คุณเข้าใจใช่ไหม?”
“งานใหม่ของคุณคือหาเขาให้เจอ แล้วติดตามการเคลื่อนไหวของเขา รายงานสถานการณ์ตามเวลาจริง และถ้าจำเป็นก็ให้เข้าไปเจรจาได้ในระดับหนึ่ง แต่คุณต้องกระทำตัวตามคำแนะนำของหอพิธีกรรม ต้องไม่กระทำการสุ่มสี่สุ่มห้าเด็ดขาด เข้าใจไหม?”
เกร็กมองหลินเจี๋ยที่นั่งจิบชาอยู่ตรงข้ามเขาแล้วอ้าปากพะงาบ ๆ อย่างกะทันหัน ไม่รู้จะตอบอย่างไร
ที่ปลายสาย เมื่อวินสตันเห็นว่าอุปกรณ์สื่อสารเงียบไปนาน เขาก็ขมวดคิ้วแน่นแล้วกล่าวว่า “เกิดอะไรขึ้น อัศวินฝึกหัดเกร็ก? ตอบผมเดี๋ยวนี้เลย ผมขอย้ำว่างานของคุณคือตามหาเจ้าของร้านหนังสือในงานเลี้ยง ติดตามและเจรจากับเขาอย่างเหมาะสมครับ”
“จากแฟ้มข้อมูลของคุณ ผมรู้ว่าคุณกับเจ้าของร้านหนังสือเคยเผชิญหน้ากันมาก่อน คุณน่าจะจำลักษณะหน้าตาของเขาได้ คุณมีตำแหน่งเป็นนักสืบประจำหอพิธีกรรมต้องห้ามมาก่อน การหาตัวเขาจึงไม่น่าอยาก แต่ก็ต้องให้ความสำคัญในการซ่อนตัวด้วยนะครับ”
“ภารกิจครั้งนี้สำคัญและอันตราย ความเป็นความตายของโจเซฟอาจารย์ของคุณขึ้นอยู่กับมัน กรุณาจริงจังกับมันด้วย ถ้ามีความจำเป็นเร่งด่วน หอพิธีกรรมจะช่วยเหลือคุณอย่างสุดความสามารถ เข้าใจไหม?”
“ถ้าเข้าใจแล้ว โปรดตอบทันที”
เกร็กว่า “ผมเข้าใจครับ แต่ว่า…”
วินสตันขึ้นเสียงอย่างเย็นชาเล็กน้อย “แต่อะไร? อัศวินฝึกหัด คุณไม่มีสิทธิ์แสดงความคิดเห็นนะ นี่เป็นงานบังคับ ถ้าคุณอยากปฏิเสธ อันดับแรกก็ขอให้คิดถึงครอบครัวของคุณก่อนนะ ต่อหน้าหอพิธีกรรมต้องห้าม ต่อให้เป็นตระกูลนักเวทชั้นสูงก็ยังดูเล็กกว่ามากอยู่นะครับ”
เขาเข้าใจได้ว่าคนที่ได้รับภารกิจนี้คงกลัวอยู่ลึก ๆ ในใจ
การเผชิญหน้าแรงกดดันของตัวตนที่สูงส่งเกินระดับเหนือนภาไม่ต่างอะไรกับการเผชิญหน้ากับนรก ความตายเกาะกุมใกล้ชิดเหมือนเงา
แต่สำหรับหอพิธีกรรมต้องห้าม นี่ก็เหมือนเป็นการพนันที่เทหมดหน้าตักอย่างไม่สามารถปฏิเสธได้
“เปล่าครับ ผมไม่ได้อยากจะปฏิเสธ และผมยินดีทำงานมาก ๆ เลยล่ะ แต่ผมขอรายงานสถานการณ์ก่อน…”
เกร็กชะงัก ปรับอารมณ์ กระแอมสองครั้งแล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่นิ่งสงบที่สุดเท่าที่จะทำได้ “…อันที่จริง เขานั่งอยู่ตรงข้ามกับผมนี่แหละครับ”
“…”
“…”
วินสตันเงียบไปหลายวินาที แล้วเขาก็สูดหายใจเฮือก “นั่งตรงข้าม?”
เกร็กตอบ “อื้อ!”
วินสตันถามอีก “ใกล้แค่ไหน?”
เกร็กเหลือบมองหลินเจี๋ยที่ดูจะกำลังมองดูของตกแต่งในห้อง แล้วพูดเบา ๆ อย่างมีชั้นเชิงว่า “เอ… มีโต๊ะคั่นตัวนึง ก็ใกล้มากเลยนะครับ”
ไม่ใช่ว่าพวกเขาเจอกันแล้วเหรอ?!
ดวงตาของวินสตันแทบถลน แม้ว่าเขาจะเคยผ่านศึกมานับครั้งไม่ถ้วน แต่ความกดดันตุ้ม ๆ ต่อม ๆ เหล่านั้นไม่เคยพุ่งสูงเท่านี้มาก่อน หัวใจของเขาแทบจะหยุดเต้น
พวกเขาวางแผนอย่างรอบคอบมาตั้งนานกว่าจะกล้าติดต่อเจ้าหน้าที่คนเดียวของหอพิธีกรรมต้องห้ามที่อยู่ในงานเลี้ยง แต่สุดท้ายอีกฝ่ายกลับตอบมาว่านายใหญ่มาเคาะประตูบ้านถึงที่แล้ว!
ใจเย็น…ใจเย็นไว้!
วินสตันสูดหายใจลึก ๆ ในเมื่อเจ้าของร้านหนังสือนั่งอยู่ตรงข้ามกัน ก็อธิบายได้ว่า…เขาทราบการกระทำของพวกเขาดีอยู่แล้ว
ยิ่งกว่านั้น เกร็กยังเป็นเจ้าหน้าที่คนเดียวเท่านั้นที่พวกเขาจะสามารถติดต่อได้ในงานเลี้ยงนี้อีกด้วย
หรือว่า นี่ก็เป็นแผนของเขาด้วยเหรอ?!
เริ่มจากการเสี้ยมให้โจเซฟกับไวลด์ปะทะกัน เกิดเป็นสงครามระหว่างหอพิธีกรรมต้องห้ามกับนิกายกลืนศพ ไปจนถึงการเข้าร่วมงานเลี้ยงที่คาดไม่ถึง แต่จนตอนนี้ดูเหมือนจะเกี่ยวพันกันอย่างใกล้ชิด
นี่คือผู้ ‘แข็งแกร่งและรอบรู้ทุกด้าน’ ตามคำร่ำลือหรือเปล่า…ถ้าเป็นแบบนั้น เราก็คงทำได้แค่กัดฟันไปตายเอาดาบหน้า
วินสตันเปลี่ยนแผนชั่วคราวแล้วกล่าวว่า “ฟังนะอัศวินฝึกหัด ตอนนี้โจเซฟกับไวลด์สู้กันแล้ว สถานการณ์ตอนนี้แย่มาก เพราะเมลิสซ่า ลูกสาวของโจเซฟถูกเจ้าหน้าที่ที่วิถีแห่งดาบอัคคีควบคุมหลอกให้เข้าร่วมปฏิบัติการปิดล้อมฐานที่มั่นของนิกายกลืนศพ ถึงตอนนี้สถานการณ์จะไม่ได้อันตรายถึงชีวิต แต่ตราบใดที่เธออยู่ในสนามรบ มันก็เท่ากับเธอกลายเป็นตัวประกันของฝ่ายตรงข้าม โจเซฟ…กำลังเสียเปรียบมาตลอด”
“ความแค้นที่ฝังลึกในใจไวลด์ลึกล้ำมาก ตอนนี้เขาบ้าไปแล้ว ผ่านไปหลายปี เขาโหดเหี้ยมและเจ้าแผนการมากกว่าในอดีตมาก โจเซฟมีพันธะในใจ แต่สำหรับไวลด์ ทุกคนเป็นแค่เครื่องมือ ดังนั้น เราจึงต้องหาตัวช่วยอื่นมาแก้สถานการณ์”
เกร็กกำอุปกรณ์สื่อสารในมือของเขาแน่นขึ้น นึกถึงสิ่งที่หลินเจี๋ยพูดเมื่อครู่ชัด ๆ แล้วหัวใจหล่นวูบ…
ไม่ว่าไวลด์จะแข็งแกร่งแค่ไหน แต่เขาก็อยู่ในระดับภัยพิบัติไม่ใช่เหรอ? หอพิธีกรรมต้องห้ามเคยต่อสู้กับองค์กรระดับเหนือนภามาแล้ว แต่ทำไมพวกเขาจึงสนับสนุนคุณโจเซฟไม่ได้ล่ะ?
วินสตันเหมือนจะรู้ว่าเขาคิดอะไรอยู่ แล้วพูดขึ้นว่า “น่าเสียดายมาก ๆ ที่หอพิธีกรรมต้องห้ามไม่สามารถจัดการเรื่องนี้ได้ ถึงมันจะไม่น่าเชื่อสุด ๆ… แต่ก่อนหน้านี้ราวสิบนาที ซึ่งเป็นช่วงสองสามนาทีแรกที่ผมตัดสินใจโทรหาคุณ เราตรวจพบบางอย่างที่กลางสนามรบ…”
“เราพบปฏิกิริยาอีเธอร์ระดับเหนือนภาสองจุด”
—