เจ้าของร้านพิศวง - บทที่ 351 ทางหนีของไวลด์
บทที่ 351 : ทางหนีของไวลด์
บทที่ 351 : ทางหนีของไวลด์
“เกล็ดหิมะ…ไม่สิ ต้องเรียกคุณว่าชาร์ล็อตต์สินะ ไม่เจอกันนานเลยครับ ไม่คิดเลยว่าจะได้มาเจอกันที่นี่ บังเอิญจริง ๆ ครับ”
หลินเจี๋ยแปลกใจเล็กน้อย ไม่คิดเลยว่าจะมาเจอคนรู้จักที่งานเลี้ยงนี้ได้
แม้ว่าพวกเขาจะเพิ่งเจอกันมาครั้งเดียว แต่ก็ถือว่าเป็นคนรู้จักได้แล้ว เพราะถึงอย่างไรเขาก็เคยสอนหนังสือให้ผู้ช่วยที่เฒ่าไวลด์พามาหาอยู่ครั้งหนึ่ง
ดังคำกล่าวที่ว่า เป็นอาจารย์หนึ่งวัน แต่เป็นพ่อชั่วชีวิต…แค่ก ๆ ไม่ได้หมายความว่าเขาต้องเป็นพ่อชาวบ้านจริง ๆ แต่ความจริงก็เป็นความจริง และมิตรภาพของศิษย์กับอาจารย์ก็ลึกล้ำมากเช่นกัน
…ในขณะเดียวกัน ชายหนุ่มก็เพิ่งหยอกเล่นกับเกร็กไปหยก ๆ ว่าอยากเห็นเขากับผู้ช่วยของเฒ่าไวลด์มาเจอหน้ากัน แล้วตื่นมาก็เจอกันเลย
ปากพระร่วงจริง ๆ
เขาหันไปมองเกร็กที่อยู่ด้านข้างกำลังประชันสายตากับเฟจอยู่ก็หันมาแสดงสีหน้าตื่นตระหนก
แม้ว่าความบังเอิญนี้จะควรค่าให้ตกใจมาก ๆ ก็เถอะ แต่จริง ๆ แล้วนี่ก็ไม่ใช่เรื่องของเขา
หลินเจี๋ยยักไหล่ แสดงให้เห็นว่าเขาเองก็ช่วยไม่ได้กับความปากพระร่วงของตัวเอง
เกร็กชาชินกับการตีหน้าซื่อของเจ้าปีศาจนี่แล้ว ต่อให้ดูเหมือนบังเอิญแค่ไหน เขาก็ยังแน่ใจว่าเขาจงใจชัด ๆ!
แต่ตอนนี้สิ่งสำคัญที่สุดไม่ใช่การมาครุ่นคิดเรื่องความชั่วถึงกึ๋นของเจ้าปีศาจ แต่ต้องไตร่ตรองว่าจะเผชิญหน้ากับผู้ช่วยของไวลด์ที่อยู่ห่างออกไปแค่เมตรเดียวตอนนี้อย่างไรดี…
แต่เกร็กรู้สึกว่าเขาค่อนข้างสงบอารมณ์ได้เป็นอย่างดี
แม้ว่าเขาจะได้รู้ถึงตัวตนที่แท้จริงของ ‘เกล็ดหิมะ’ โดยบังเอิญจากปากเจ้าของร้านหลินก็ตาม
ใช่แล้ว…ใบหน้าของผู้ช่วยแต่ละคนของไวลด์ล้วนถูกซ่อนไว้ใต้หน้ากาก แถมยังสืบย้อนหลังไม่ได้จนถึงตอนนี้เลย
เพราะถึงอย่างไร พวกเขาก็โผล่มาอย่างกะทันหันมาก ไม่มีร่องรอยให้ติดตาม แถมไวลด์ยังเป็นเจ้าแห่งการเล่นซ่อนหาที่หลบสายตาหอพิธีกรรมต้องห้ามมาได้สองปีเต็ม ๆ การค้นหาพวกเขาย่อมยากเย็นราวขึ้นสวรรค์
อย่างน้อย ๆ หากไม่มีทรัพยากรบุคคลเพียงพอ การจะหาพวกเขาให้เจอในเวลาสั้น ๆ ก็เป็นไปไม่ได้เลย
แต่ตราบใดที่เขาคิดว่าตัวเองเป็นเบี้ยสำคัญในมือเจ้าของร้านหลิน และเป็นแหล่งความบันเทิงของเขา…เขาก็โล่งใจอย่างไม่คาดคิด
ตราบใดที่เขายังมีประโยชน์ การถูกทิ้งจะไม่เกิดขึ้นง่าย ๆ อย่างมากก็แค่โดนใช้งาน ไม่มีอันตรายใด ๆ ให้ถึงตาย
เกร็กรักษาความตื่นตัวเอาไว้ในใจ เริ่มสงสัยว่าสภาพจิตใจของตัวเองผิดปกติแล้วหรือเปล่า? แต่ความระมัดระวังตัวของเกร็กดูจะไร้ประโยชน์ไปแล้วในตอนนี้
ในสายตาของชาร์ล็อตต์ไม่มีคนอื่นอยู่เลย หลังจากจับชายกระโปรงถอนสายบัวต่ำ ๆ ให้หลินเจี๋ย เธอก็พูดเบา ๆ ด้วยใบหน้าที่แดงเรื่อ “ฉันก็ไม่คิดว่าจะได้พบคุณที่นี่เหมือนกันค่ะ”
เธอซ่อนความตื่นเต้นไว้ไม่ได้ มือทั้งสองสั่นไปหมดแล้ว
ในฐานะผู้ช่วยของไวลด์ที่ทำงานให้กับเจ้าของร้านหนังสือ…หรือก็คือลูกน้อง เธอเป็นคนเดียวที่ไม่ได้เข้าร่วมการต่อสู้ในซอยหกสิบเจ็ดในครั้งนี้
เหตุผลนั้นก็ง่ายมาก
ในฐานะบุคคลผู้ขึ้นชื่อเรื่องเจ้าเล่ห์แสนกล ไวลด์จะเว้นทางหนีไว้ให้ตัวเองเสมอ
กระทั่งในสงครามกับศัตรูเก่าอย่างโจเซฟ ภายใต้สมมติฐานว่าเขาจะใช้พลังได้อย่างเต็มที่ เขายังให้ชาร์ล็อตต์เตรียมเวทมนตร์เคลื่อนย้ายเพื่อช่วยเขาให้หนีได้ทุกเวลา
เขายังคงระมัดระวังตัวอย่างเคย
และชาร์ล็อตต์ก็ได้เข้าร่วมงานเลี้ยงผู้ดีตามสถานะของเธอในนามของคนธรรมดาตามแผน
งานเลี้ยงวันเกิดของจี้จือซู่ก็เช่นกัน
แต่ก็เพราะการเตรียมคาถาเคลื่อนย้ายของชาร์ล็อตต์ต้องใช้เวลามาก เธอจึงพลาดงานเลี้ยงช่วงแรกไป และเข้าร่วมงานได้เริ่มตั้งแต่อาหารเช้าของวันที่สองแทน
เธอไม่คิดเลยว่าจะได้มาพบพระเจ้าของเธอที่นี่!
ทุกการกระทำของพวกเธออยู่ในสายตาของพระเจ้าจริง ๆ ถ้าอย่างนั้น…การที่ท่านผู้รอบรู้มาที่นี่ด้วยตนเองจะเป็นเพราะเขารับรู้จุดจบบางอย่างก่อนแล้ว?
ไม่ได้…จะคาดเดาเจตนาของพระเจ้าไม่ได้ พวกเธอทำได้เพียงทำตามความประสงค์ของพระเจ้า ต่อให้เป็นคำสั่งของไวลด์ ความสำคัญก็ยังไม่สูงเท่านี้
จากนี้ไป…ภารกิจของเธออาจเปลี่ยนได้
ชาร์ล็อตต์หายใจถี่รัว และเมื่อคิดว่าเธออาจจะโชคดีพอได้รับใช้พระเจ้า หัวใจของเธอก็เต้นแรงจนรั้งแทบไม่อยู่ เธอจ้องมองหลินเจี๋ยด้วยสายตาเร่าร้อนราวจะย่างเขา “คุณมีสิ่งใดให้รับใช้ไหมคะ? โปรดสั่งมาได้ตามใจเลยค่ะ”
สีหน้าและคำพูดของเธอ กอปรกับใบหน้าแดงก่ำ มองจากมุมมองทั่วไปจะดูเหมือนตกหลุมรัก
แต่ถ้ามองดี ๆ จะค้นพบว่าแววตาของเธอไม่ได้มีความรัก แต่ใกล้จะนับได้ว่าเป็นศรัทธา
เป็นความศรัทธาอย่างคลั่งไคล้เหมือนคนที่เห็นพระเจ้าของตนจุติลงมา จนแทบรอไม่ไหวที่จะเข้าไปจุมพิตพื้นดินแทบเท้าอย่างเลื่อมใส
แต่เพราะข้อจำกัดของสถานการณ์ เธอจึงไม่สามารถคุกเข่าลงจุมพิตพื้นแทบเท้าหลินเจี๋ยเพื่อแสดงความภักดีต่อหน้าสาธารณชนได้ ดังนั้นการแสดงออกและการใช้คำพูดของเธอจึงดูไม่ต่างจากสาวน้อยที่ได้พบคนรัก
ห่างออกไปไม่ไกล ผู้ดีบางคนที่เคยรายล้อมชาร์ล็อตก็แสดงสีหน้าตะลึงงัน
ไม่น่าเชื่อเลย…ที่เด็กสาวผู้ขึ้นชื่อด้านความถือตัวดั่งบุปผาที่ไกลเกินเอื้อมจะแสดงสีหน้าท่าทางเช่นนี้กับเพศตรงข้ามอย่างตรงไปตรงมา ถ้าจะบรรยายว่าพวกเขาทำหน้าเหมือนเห็นผีก็คงได้
ทันใดนั้น บางคนในกลุ่มพวกเขาก็จำชายหนุ่มผู้มีใบหน้าเป็นมิตรคนนี้ได้ เมื่อคืนนี้เขาได้รับเชิญเป็นคู่เต้นรำคนแรกของจี้จือซู่ และคาดว่ามีส่วนในการสังหารหมู่ตระกูลเฟร็ด
“นี่ไม่ใช่ระดับทั่วไปแล้ว…!”
หัวใจของพวกเขาสับสนอลหม่าน “เจ้าหมอนี่ต้องมีปัญหาใหญ่แหง ๆ!”
อีกด้านหนึ่ง หลินเจี๋ยอดมุมปากกระตุกไม่ได้ เหมือนเขาจะดวงนารีดีแปลก ๆ หรือเปล่าหนอช่วงนี้? สาว ๆ เหล่านี้ดูจะ…อบอุ่นกับเขาเป็นพิเศษ?
อย่าว่าแต่คุณหนูจี้ แต่นักเรียนที่รู้จักกันอย่างผิวเผินคนนี้ก็ด้วยเหรอ?
สีหน้าท่าทาง คำพูดแบบนี้มันแปลก ๆ นะ?
“…ไม่ขนาดนั้นหรอกครับ” หลินเจี๋ยส่ายหน้าแล้วบ่น “มันอาจดูเหมือนผมเป็นนายจ้างใจดำอย่างไรชอบกล แต่ผมมีเรื่องที่อยากขอรบกวนคุณอยู่จริง ๆ ครับ”
ดวงตาของชาร์ล็อตต์เป็นประกาย เธอรีบพยักหน้าด้วยท่าทีเหมือนสุนัขกระดิกหาง “ว่ามาเลยค่ะ”
ม่านตาของเกร็กหดตัว เขาระแวดระวังตัวอย่างสุดขีดทันที ใบหน้าพลันตึงเครียด ในที่สุดก็ลงมือแล้วสินะ?
หลินเจี๋ยว่า “เอ่อ…เทียบกันแล้ว คุณดูเหมือนจะเข้าใจอะไร ๆ ที่นี่ดีกว่าเรา มีอาหารเช้าแนะนำไหมครับ?”
เกร็กชะงักกับที่ “…”
เฟจพ่นเสียงหัวเราะออกมาเบา ๆ
ชาร์ล็อตต์ถอนสายบัวอย่างนอบน้อมเหมือนก่อน “เป็นเกียรติที่ได้รับใช้ค่ะ ฉันคิดว่าเค้กน้ำผึ้งและชาดำที่นี่น่าลองที่สุดแล้วค่ะ…”
เธอผายมือด้วยรอยยิ้ม แล้วหลินเจี๋ยก็พยักหน้าออกเดินนำ
ชาร์ล็อตต์เดินตามไป ก่อนจะหันมามองเกร็ก แล้วเลียริมฝีปากเผยให้เห็นรอยสักสีดำที่น่าสะพรึงกลัวที่ลิ้นของเธอ แล้วข่มขู่ด้วยคลื่นกระแทกวิญญาณซึ่งเป็นทักษะเฉพาะของนักเวทมนตร์ดำ
“นักเวทมนตร์ดำเอ๋ย กลับหอพิธีกรรมต้องห้ามไปซะ ก่อนที่พระเจ้าจะประกาศผลแห่งชัยชนะ ความตายจะติดตามตัวเจ้าไป”
—
ที่มุมไหนสักแห่งในคฤหาสน์ กฎของมิติและเวลาถูกบิดเบือน ทำให้เกิดรอยแตกของมิติขึ้นในเวลาสั้น ๆ
พืชพรรณที่อยู่โดยรอบพากันเหี่ยวเฉาพร้อม ๆ กันในเสี้ยววินาที ก่อนที่จะสลายไปเป็นอากาศธาตุ
แขนเพรียวบางสุขภาพดีสีบรอนซ์โผล่ออกมาข้างหนึ่ง ตามด้วยร่างเปลือยครึ่งท่อนบนของหญิงผิวสีเดียวกันปรากฏขึ้นจากการทับซ้อนของมิติและเวลา
เธอมีร่างกายเพียงครึ่งท่อน ครึ่งล่างถูกตัดออกโดยใครบางคน ไม่มีเลือดเนื้อ มีเพียงแสงสว่างที่ดูลวงตาเชื่อมอยู่อย่างซับซ้อนนับไม่ถ้วนเหมือนเส้นด้าย
เรือนผมยาวที่ดูเหมือนโลหะของเธอปลิวไสวไปบนอากาศ รูม่านตาสีเขียวขึ้นสนิมมองความวุ่นวายตรงหน้า
ถ้ามิคาเอลอยู่ที่นี่ เขาจะรู้ทันทีว่านี่คือหนึ่งในเทวดาที่เขารอพบอยู่…อานาเอล!