เจ้าของร้านพิศวง - บทที่ 354 เขาจะกินคน
บทที่ 354 : เขาจะกินคน
บทที่ 354 : เขาจะกินคน
“อะไรเนี่ย…?!”
ม่านตาของคนทั้งสามที่กำลังเตรียมกินมื้อเช้าต่างหดตัว ร่างของพวกเขาสั่นระริก และพวกเขาก็พากันเงยหน้ามองเหนือภัตตาคารอย่างหวาดกลัว
จุดรับประทานอาหารเช้าของคฤหาสน์เป็นภัตตาคารแบบบิลท์อิน ย่อมจะมีราคาที่แพงหูฉี่ โดมโค้งด้านบนตกแต่งด้วยกระจกสีแบบโปร่งแสงทั้งชิ้นซึ่งแต่เดิมถูกใช้เพื่อตกแต่งและเป็นช่องรับแสง
ในตอนนี้ เมื่อมองผ่านกระจกสีเหล่านี้ไปกลับเห็นเป็นเงาขนาดยักษ์ที่ขยายตัวบนอากาศอย่างชัดเจน
เส้นแสงเจิดจ้านับไม่ถ้วนล่องลอยอย่างอลหม่านราวกับเส้นหนวดหรือริบบิ้น ประกอบเป็นภาพที่ดูคล้าย ๆ ปีกผีเสื้อ ซึ่งนานไปก็ยิ่งดูเหมือนว่ามันกำลังจะขยับ
เส้นแสงเหล่านั้นไหลไปตามกำแพง ขยายไปทั่วกระจก และเลื้อยไปตามช่องแตกมิติรอบ ๆ และบางเส้นยังแตะปลายจมูกของเฟจตรง ๆ ด้วย
ชายเร่ร่อนตัวแข็งทื่อจ้องมองเส้นแสงแปลก ๆ เหล่านี้ด้วยใบหน้าชุ่มเหงื่อ เขารู้สึกเหมือนตาฝาด แต่ก็ไม่รู้ต้องทำอย่างไร
แน่นอนว่านอกจากสัมผัสต่าง ๆ แล้ว สัญชาตญาณของผู้มีพลังเหนือธรรมชาติเองก็ดีเยี่ยม
ชาร์ล็อตต์ เกร็ก และเฟจยังพอทำเนา แต่แรงกดดันนั้นไปกระตุ้นเลือดอสูรในร่างกายของจี้จือซู่ ทำให้ดวงตาของเธอกลายเป็นสีส้มทองเย็นชาอย่างสัตว์ป่า และเธอก็ส่งเสียงขู่ออกมาเบา ๆ
แม้ว่าเธอจะควบคุมเลือดอสูรในตัวของเธอได้ แต่เห็นได้ชัดว่าการปล่อยให้สัญชาตญาณดิบของเธอทำงานดูจะปลอดภัยกว่าในตอนนี้
“เสี่ยวซู่…เกิด…เกิดอะไรขึ้น?”
กลับกัน ในฐานะคนธรรมดา ปฏิกิริยาของจี้ป๋อหนงจึงไม่รุนแรงเท่า เขาทำเพียงเรียกชื่อลูกสาวของเขาด้วยเสียงสั่น ๆ มือกุมหัวอยู่ใต้กรงเล็บหมาป่า
จี้จือซู่พยายามสุดความสามารถที่จะเคลื่อนจิตผ่านดอกกุหลาบซึ่งส่วนใหญ่ระเบิดตายไปแล้วเพื่อตรวจสอบสภาพของเจ้าของร้านหลินในตอนนี้ ก่อนที่จะพูดอย่างจริงจังด้วยสีหน้าเหลือเชื่อ “ไม่เป็นไรหรอกค่ะ คนระดับเหนือนภาคนนี้ดูเหมือนจะเล็งเป้าไปที่เจ้าของร้านหลินนะคะ…”
ไม่เพียงแค่พวกเธอ แต่ผู้มีพลังเหนือธรรมชาติทุกคนที่ปะปนกับผู้คนอยู่ในคฤหาสน์ต่างรู้สึกกลัวอย่างสุดขีดขึ้นมาพร้อมกัน อึดอัดหายใจไม่ออกราวกับมีคนบีบคอพวกเขาอยู่
แต่สิ่งที่น่ากลัวที่สุดคือ พวกเขากลัวมากขนาดนี้ แต่กลับไม่สามารถทำได้กระทั่งจะหนี คนทั้งหมดที่ถูกแรงกดดันนี้ครอบคลุมจะมีความคิดและการกระทำที่เชื่องช้าและไม่ปะติดปะต่ออย่างมาก พวกเขาทำได้เพียงมองการกระทำของตนหยุดลง และถูกความกลัวที่ยืดเวลาออกไปอย่างไม่จบสิ้นด้วยความทรมาน
แรงกดดันระดับเหนือนภาที่แข็งแกร่งอย่างไม่น่าเชื่อนี้สามารถทำให้ผู้มีพลังเหนือธรรมชาติที่สัมผัสไวสุด ๆ บางคนหัวระเบิดตายท่ามกลางเสียงกรีดร้องได้
ท่ามกลางเลือดเนื้อที่กระจุยกระจาย หนอนแมลงนับไม่ถ้วนที่ดิ้นยุกยิกปรากฏให้เห็นลาง ๆ
ส่วนเรื่องที่เกิดความตื่นตระหนกหรือเสียงกรีดร้องขึ้นทั่วคฤหาสน์รุนแรงแค่ไหนนั้น ตอนนี้มันไร้ความหมาย
“ระดับเหนือนภาที่ไม่เคยเห็น เป็นไปไม่ได้…เป็นไปไม่ได้น่า! แล้วตอนนี้เขาก็ขยายเขตแดนเหนือคฤหาสน์หมดแล้วด้วย! แล้วในเมื่อเกิดเขตแดนมิติเวลาที่ลึกลับสุด ๆ แบบนี้ขึ้นมา ทำไมหอพิธีกรรมต้องห้ามถึงไม่มีปฏิกิริยาเลยล่ะ?!”
เกร็กหน้าซีดเพราะความกลัว และในขณะเดียวกัน เขาที่อยู่ภายใต้แรงกดดันก็หันหัวอย่างยากลำบากไปมองหลินเจี๋ยที่นั่งอยู่ข้าง ๆ
แต่ในตอนนี้ เจ้าของร้านหลินดูเหมือนจะไม่รู้อะไรเลย เขายังคงก้มหน้าก้มตาครุ่นคิดว่าจะตัดเค้กอย่างไรดี?
แต่เกร็กเชื่อว่าทุกอย่างต้องไม่ได้ง่ายอย่างที่เห็นภายนอกแน่นอน!
ความคิดของเขาลนลานเล็กน้อยจากแรงสั่นสะเทือนด้วยความกลัว แต่เขาก็ยังพยายามสุดชีวิตที่จะคงสติไว้ และอดรู้สึกงุนงงไม่ได้
อย่าบอกนะว่าพลังทำลายล้างของระดับเหนือนภาคนนี้ไม่ได้ด้อยกว่าฝั่งอาจารย์ที่สนามรบเลย? ไม่กลัวทำให้เจ้าปีศาจนี่โกรธหรือไงฟะ?!
ในแฟ้มข้อมูลของหอพิธีกรรมต้องห้าม ไม่มีระดับเหนือนภารายใดมีลักษณะตรงกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้าเขาเลย
แต่รอบข้างก็ไม่ได้มีรอยแตกแดนนิมิต ซึ่งหมายความว่าระดับเหนือนภาคนนี้ไม่ใช่สัตว์มายาจากแดนนิมิต แต่มีตัวตนอยู่ในโลกมาตลอด
เป็นเพราะว่าหอพิธีกรรมต้องห้ามไม่ได้สังเกตเห็นมัน หรือเพราะระดับเหนือนภาคนนี้แข็งแกร่งมากกันแน่?
หรือว่า…?!
ความคิดของเกร็กแตกเป็นเสี่ยง ๆ ดวงตาของเขายังคงมองหลินเจี๋ย แต่ความคิดของเขาไม่ปะติดปะต่อกันแล้ว
ทุกคนในภัตตาคารก็เป็นเหมือนเกร็ก
ตอนนี้พวกเขาหยุดค้างอยู่กับที่เหมือนกับแมลงที่อยู่ในอำพัน
ในขณะเดียวกัน ที่เหนือโดมหลังคาภัตตาคารถูกปีกผีเสื้อที่สร้างจากเส้นแสงนับไม่ถ้วนขนาดยักษ์ ‘แทรกซึม’ เข้ามาหมดแล้ว
อานาเอลที่ลอยอยู่เหนือห้องอาหารรู้สึกได้ว่าทั้งคฤหาสน์อยู่ภายใต้การควบคุมของเธอแล้ว และอดไม่ได้ที่จะหรี่ตาลงยิ้มอย่างพึงพอใจ
ไม่มีใครหนีกฏแห่งเวลาได้ นี่คือความภาคภูมิใจสูงสุดของเธอในฐานะระดับเหนือนภา และถ้าประชันแนวคิดของเขตแดนระหว่างระดับเหนือนภาด้วยกัน เธอก็จะไม่เสียเปรียบใด ๆ
จากมุมมองของเธอ หลินเจี๋ยที่กำลังถือมีดและส้อม ก้มหน้าก้มตาจดจ่อเตรียมตัดเค้กก็หยุดลงเช่นกัน
“เอาล่ะ ถึงกาลพิพากษาทุกสิ่งแล้ว”
ร่างสตรีเปลือยครึ่งท่อนฉายขึ้นบนหลังคาภัตตาคาร สีหน้าของเธอเฉยเมยและเย่อหยิ่ง เมื่อรวมกับเส้นแสงที่ปลิวไสว เธอก็ดูราวกับผีเสื้อขนาดยักษ์ที่สวยงาม
อานาเอลร่อนลงที่เบื้องหลังของหลินเจี๋ย เผยรอยยิ้มแล้วยื่นมือออกไปกำช้า ๆ
ทุกคนต่างสัมผัสถึงแรงกดดันที่เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ มิติและเวลาบิดเบี้ยว เส้นไหมที่ปกคลุมทั่วคฤหาสน์บีบตัวเข้ามาด้านในอย่างรวดเร็ว แม้แต่กระดูกของพวกเขาก็ส่งเสียงกรอบแกรบราวกับถูกบดจนป่น
เธอกำลังบีบเวลาไปข้างหน้าอย่างไม่รู้จบ…
ขอเพียงทำสำเร็จ ทุกอย่างในคฤหาสน์นี้จะเหลือเพียงเถ้าถ่านปลิวหายไปในธารเวลาอันยาวไกล ไม่เหลือแม้แต่เศษเสี้ยว
เกร็กและชาร์ล็อตหยุดนิ่ง รู้สึกเหมือนหัวใจของพวกเขาถูกฉีกเป็นชิ้น ๆ และพยายามอย่างสุดความสามารถที่จะดิ้นให้หลุด แต่ก็ล้มเหลว
จี้จือซู่กลั้นหายใจโดยไม่รู้ตัว
ในเวลาหน้าสิ่วหน้าขวานแบบนี้ เฟจมองไปที่ภัตตาคารที่ถูกปกคลุมด้วยไหมเรืองแสงจำนวนนับไม่ถ้วน แล้วความคิดที่ไม่สมกับกาลเทศะก็แล่นเข้ามาในใจ
มัน…ดูเหมือนจะ…ไหล…ลง…
อานาเอลพลันเห็นชายหนุ่มผมดำที่ดูจะไม่รู้เรื่องรู้ราวขยับตัว
เขาลังเลอยู่ครู่หนึ่งว่าจะตัดที่มุมไหนดี จากนั้นก็ขมวดคิ้วแล้วตัดสินใจจนได้ เขาเลยยกมีดสีเงินยาวของเขาขึ้นนิด ๆ แล้วตัดลงไป
ตรวนแห่งกาลเวลาไร้ผลต่อเขา
ลาก…เส้น…
สีหน้าเย่อหยิ่งของอานาเอลชะงักค้าง
เธอแสดงสีหน้าแปลกใจ แต่จากนั้นก็สงบลง เพราะถึงอย่างไรเขาก็เป็นระดับเหนือนภาที่สามารถทำให้มิคาเอลกลัวได้ ถ้าไร้ความสามารถก็คงไม่สมเหตุสมผล ดังนั้นเขาจึงปลดตรวนเวลาได้อย่างรวดเร็ว
อานาเอลตัดสินใจเร่งการไหลของเวลาอีกครั้ง เธอกำมือแน่นจนมือที่เป็นภาพฉายเกือบจะมีตัวตนขึ้นมา
แต่อำนาจบางอย่างก็หยุดเธอไว้…!
มือที่สร้างจากเงามืดโอบข้ามบ่าของเธอจากด้านหลังแล้ววางลงบนกำปั้นของเธออย่างนุ่มนวล จากนั้นก็แงะนิ้วของเธอให้เปิดออกอย่างช้า ๆ แต่หยุดยั้งไม่ได้
เกร็กที่จ้องมองหลินเจี๋ยอยู่ตลอดเวลาสั่นเทาอย่างรุนแรง แล้วเขาก็เห็นว่าเงาที่อยู่ใต้ร่างของบุคคลระดับเหนือนภาเบื้องหลังหลินเจี๋ยที่จู่ ๆ ก็เปลี่ยนเป็นเงาร่างสีดำสนิทที่คลุมเครือ
นั่นมันอะไร…?!
มันยืน ‘กอด’ อานาเอลจากข้างหลังของเธอด้วยท่วงท่าที่สนิทชิดเชื้อสุด ๆ มันคว้าแขนที่มีเพียงข้างเดียวของเธอไว้ แล้ววางคางของมันลงที่บ่าของเธอ
น้ำผึ้ง…
มีดในมือหลินเจี๋ยผ่าลงไปตรงกลางเค้กน้ำผึ้งแล้วเฉือนมันทีละนิด แยกเค้กนุ่ม ๆ ที่แทรกด้วยน้ำผึ้งเหนียว ๆ และหอมหวานออกจากกัน
และแขนอีกข้างของเงาร่างดำมืดนั้นก็วางบนปากของอานาเอล บีบกรามเธอให้อ้าปากอย่างหยาบกระด้าง จากนั้นก็ฝังนิ้วเข้าไปในเลือดเนื้อจำแลงของเธอ แล้วทั้งคู่ก็ขยับมือข้างหนึ่งของพวกตนพร้อมกันภายใต้สีหน้าที่ดูกหวาดกลัวมากขึ้นเรื่อย ๆ ของอานาเอล…
เพื่อฉีกร่างและปีกของผีเสื้อออกจากกัน
“อะไร…?”
สีหน้าของอานาเอลบิดเบี้ยวโดยสมบูรณ์ และร่างของเธอก็ถูกฉีกกระชากจากกันเงียบ ๆ จากจุดศูนย์กลาง
ดวงตาของเกร็กกระตุก แล้วหัวใจของเขาก็สั่นไหว
แต่สิ่งที่น่ากลัวยิ่งกว่านั้นก็คือ หลังจากเขาเห็นเจ้าของร้านหลินตัดเค้ก เขาก็ใช้ส้อมเขี่ยน้ำผึ้งเอาเข้าปาก
อานาเอลมองแผ่นหลังของหลินเจี๋ยอย่างสยดสยอง อยากจะส่ายหน้าอย่างหวาดกลัว แต่เธอไม่มีหัวที่สมบูรณ์อีกต่อไปแล้ว ดังนั้นตอนนี้เธอจึงทำได้แค่ตัวสั่นงันงก
เงาร่างสีดำสนิทเอียงคอ มันจัดตำแหน่งหัวแล้วอ้าปากออก… ถ้าการที่มันแยกตัวออกจากกลางศีรษะโดยสมบูรณ์ เผยให้เห็นหลุมขนาดใหญ่ที่กว้างพอจะครอบอานาเอลได้ทั้งตัว นับได้ว่าเป็นการอ้าปากน่ะนะ
แล้วมันก็กัดลงไป