เจ้าของร้านพิศวง - บทที่ 414 โปรดไปดื่มชา
บทที่ 414 : โปรดไปดื่มชา
หอพิธีกรรมต้องห้ามไม่ใช่องค์กรอย่างเป็นทางการเหมือนกับสมาคมแห่งสัจธรรม
ในทั่วนอร์ซิน ยกเว้นเพียงสำนักงานกลาง ไม่มีใครสามารถเป็นเจ้าหน้าที่ทางการได้
ทว่าทัศนคติของสำนักงานกลางต่อหอพิธีกรรมต้องห้ามและสมาคมแห่งสัจธรรมนั้นต่างเป็นการสนับสนุน ขอเพียงการกระทำของพวกเขาหนุนส่งการพัฒนาของนอร์ซิน และเต็มใจจะให้สำนักงานกลางใช้พลังที่พวกตนพัฒนามาเมื่อไรก็ได้ที่ต้องการ ถ้าอย่างนั้นพวกเขาก็อยู่ได้
นี่ยังแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงการถดถอยของสำนักงานกลางในขณะนี้ด้วย
ผู้มีพลังเหนือธรรมชาติมีสิทธิ์ในการตัดสินใจเลือกทางเดินของตน หลังจากผ่านการประเมิน ไม่ว่าพวกเขาจะเป็นคนป่าหรือมีภูมิหลังชาติผู้ดี พวกเขาก็สามารถไปทำงานในสำนักงานกลางเพื่อปกป้องนอร์ซินได้
แน่นอนว่าหากเห็นด้วยกับหลักการและเป้าหมายของสมาคมแห่งสัจธรรมหรือหอพิธีกรรมต้องห้าม คน ๆ นั้นก็สามารถเลือกองค์กรอื่น ๆ อย่างสมาคมแห่งสัจธรรมหรือหอพิธีกรรมต้องห้ามได้เช่นกัน
หอพิธีกรรมต้องห้ามคือองค์กรที่ใหญ่ที่สุดนอดเหนือจากสำนักงานกลาง องค์กรนี้ประกาศเป้าหมายและจุดประสงค์ต่อโลกภายนอก ไม่สิ ทั้งภายนอกและภายในพบว่า พวกเหล่าอัศวินขออุทิศตนปกป้องนอร์ซินอันเป็นบ้านเกิดเมืองนอน
เกร็กไม่ใช่ผู้สูงศักดิ์มาแต่เกิด จากตำนานเล่าขาน การทดสอบของสำนักงานกลางไม่ได้ถูกจัดมาหลายร้อยปีแล้ว สำนักงานกลางถูกกัดกร่อนโดยเหล่าผู้ดีมาช้านาน ดังนั้นเกร็กผู้เยี่ยมยอดจึงเลือกหอพิธีกรรมต้องห้ามมาแต่แรกเริ่ม เป้าหมายของเขาเองก็คือตำแหน่งอันทรงเกียรติและโบราณ…อัศวิน
เกร็กอ่านข้อมูลของวิเวียน แต่เดิมก็แค่เพราะสันดานรักข่าวซุบซิบของมนุษย์ เขาอยากรู้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างวิเวียนและโจเซฟเป็นอย่างไร และความรู้สึกลับ ๆ ของตัวตนในตำราเหล่านี้เป็นเช่นไร
แต่จากนั้นก็ได้เห็นว่า…ข้อมูลหาย?
ในฐานะองค์กรใหญ่ที่สุดซึ่งได้รับการยอมรับอย่างเป็นทางการในนอร์ซิน หอพิธีกรรมต้องห้ามมีบุคลากรมากมายและระบบใหญ่ยักษ์ งานทุกงานในทุกวันจะถูกเจ้าหน้าที่พิเศษจดบันทึกอย่างชัดเจนเสมอ มันจะหายได้อย่างไร?
ยิ่งกว่านั้น นี่ยังเป็นตารางเวรที่เราเคยถูกจัดไว้อีกต่างหาก…
เกร็กขมวดคิ้วอย่างเคลือบแคลง เขาเอนตัวอย่างแรงลงบนโซฟาหนัง ทว่าความตึงเครียดไม่ได้ผ่อนคลายลงเลย
หรืออัศวินแห่งแสงวิเวียนจะสืบเรื่องสาเหตุการตายของอัศวินแห่งแสงดาเลียเหมือนกัน?
มีใครสักคนจงใจลบตารางงานในตอนนั้น!
เกร็กดูเหมือนแตะถูกยอดภูเขาน้ำแข็ง ความมุทะลุถูกจุดปะทุขึ้นในใจ เขาย้อนนึกถึงตารางงานที่เขาจัดไว้ในวันหนึ่งเมื่อสิบปีก่อน…
เขาวางมือลงบนคีย์บอร์ด หน้าจอสีฟ้าทอแสงกระทบใบหน้า ในฐานะอัศวินแห่งแสง สิทธิ์ของเขานับว่าสูงมากแล้ว และเขาก็เริ่มคิดเกี่ยวกับเนื้อหาในเอกสารที่เขาจัดในตอนนั้นจากความทรงจำ
จำได้ว่าตอนนั้นมีคนอยู่เวรดึกคนหนึ่งชื่อเร็ทท์…
เมื่อพบชื่อเร็ทท์ เกร็กก็รีบค้นหาทันที และใบหน้าคุ้นเคยอันเป็นที่นิยมก็ปรากฏบนจอทันที ทว่าภาพนั้นเพิ่งแสดง ข้อความข้าง ๆ รูปก็ปรากฏขึ้นว่า…
สละชีวิต!
เกร็กกลืนน้ำลาย บุคลากรแนวหลังไม่ควรไปอยู่ที่ทัพหน้า จะตายง่าย ๆ ได้อย่างไร?
เกร็กคว้าเบาะแสและเริ่มค้นหาชื่อสมาชิกหน่วยโลจิสติกส์ที่ตายและจากไปในช่วงทศวรรษที่ผ่านมาทันที
สิบคนตาย สิบเจ็ดคนลาออก…
ทุกคนที่ตายมาจากเมื่อสิบปีก่อนทั้งสิ้น!!
เกร็กเบิกตากว้าง รีบเรียกข้อมูลจำลองตารางงานของปีปัจจุบันอีกครั้ง…ตายหมดทุกคน!
สมาชิกทั้งสิบของหน่วยโลจิสติกส์ที่ตายไปต่างเข้าร่วมภารกิจที่ดาเลียเสียชีวิต ภารกิจนั้นแสดงให้เห็นว่าการตายของดาเลียเกิดจากการขาดบุคลากรหน่วยโลจิสติกส์ แต่กลับมีสมาชิกหน่วยโลจิสติกส์โผล่ไปร่วมภารกิจดังกล่าวถึงสิบคนโดยไม่มีใครขาดงาน
ครู่หนึ่ง…ปลายนิ้วของเกร็กเริ่มสั่นเทาเมื่อกระทบกับคีย์บอร์ด
เหตุการณ์นี้ไม่มีทางเกิดโดยบังเอิญ ต้องมีใครสักคนก่อขึ้น ในหมู่สมาชิกทั้งสิบของหน่วยโลจิสติกส์มีส่วนข้อมูลสมาชิกในครอบครัวผู้เสียสละซึ่งได้รับสินไหมทดแทน ทว่าไม่มีใครเลยที่ถูกระบุสาเหตุการตายปกติ
เกร็กอ่านข้อมูลการตายของสมาชิกทั้งสิบและเตรียมการสืบเรื่องต่อ แต่ก็พบว่าข้อมูลขาดหายไปอย่างจริงจัง สมาชิกที่ควรจะตายเพราะมะเร็งปอดกลับไม่มีใบรับรองแพทย์ของหมอในโรงพยาบาลใด ๆ และไม่ปรากฏบันทึกการเข้ารักษาของคนไข้เลย
คนทั้งสิบนี้ถูกฆ่า และพวกเขาก็เป็นอัศวินของหอพิธีกรรมต้องห้ามผู้มีจิตใจเปี่ยมยุติธรรม ไม่มีใครอยากฆ่าพวกเขาหรอก และคาดว่าคงมีเหตุผลเดียวที่จะฆ่าพวกเขา…
เกร็กวางเมาส์ลงบนภาพประจำตัวของผู้หญิงผมแดงคนหนึ่ง – อัศวินแห่งแสงดาเลีย
ศัตรูจะมีก็เพียงในหอพิธีกรรมต้องห้าม แสดงให้เห็นว่าดาเลียรู้ความลับบางอย่างหรือมีเหตุผลที่ต้องตาย เพื่อให้เธอตายอย่างสมบูรณ์แบบ เธอกระทั่งสังหารอัศวินสิบคนจากหน่วยโลจิสติกส์
มือของเกร็กอ่อนแรง มีใครสักคนปิดฟ้าด้วยฝ่ามือ สังหารอัศวินแห่งแสงคนหนึ่งในหอพิธีกรรมต้องห้ามโดยไม่มีใครล่วงรู้…
เดี๋ยวนะ เราลืมเรื่องนี้ และทุกการค้นข้อมูลจะถูกบันทึกเหมือนกับของอัศวินแห่งแสงวิเวียน ดังนั้น การกระทำของเราถูกเจอแล้วหรือเปล่า?
เวรแล้ว!
เกร็กแอบสบถไม่น่าฟัง และทำลังจะปิดคอมพิวเตอร์กลับบ้านไปหาทางแก้ไข
“ก๊อก ๆ” จู่ ๆ ประตูก็มีเสียงเคาะ ทำให้เกร็กขนลุกซู่ทั่วตัว
เขาเหลือบมองเวลา วางนาฬิกาลงบนโต๊ะ นาฬิกาเพิ่งบอกเวลาสิบโมงครึ่งในช่วงเช้า ยังไม่ใช่เวลาทำงานของหอพิธีกรรมต้องห้าม
เมื่อความลนลานมาเยือน เขาค่อย ๆ ลุกขึ้น จากนั้นก็รีบพิมพ์คำสองสามคำบนคีย์บอร์ด ป้อนชื่อของอัศวินเปลวเพลิงศักดิ์สิทธิ์ไร้เทียมทานอีกคนหนึ่ง…เมลิสซ่า
ว่าแล้วเชียว ข้อมูลถูกขัดจังหวะ!
คนพวกนั้นเคลื่อนไหวเร็วเกินไปหรือเปล่า?
มิน่าล่ะถึงไม่มีใครตรวจเจอสาเหตุการตายของอัศวินดาเลียเลยสักคนในเวลาตั้งหลายปี
เกร็กขมวดคิ้ว ลุกจากที่ เดินไปเปิดประตู และพบชายเส้นผมเบาบางยืนอยู่ที่หน้าประตู ตัวสูงกว่าเกร็กราวครึ่งช่วงศีรษะ
เกร็กเหลือบมองตราที่หน้าอกของเขา ซึ่งแสดงท่าทีราวกับตนถูกจับได้แล้ว
นี่คือบุคคลสายตรงจากสภาผู้อาวุโส
เกร็กยิ้มอย่างขมขื่นในใจ เขายังคิดอยู่เลยว่าใครกันหนอจะมีอำนาจพอที่จะฆ่าอัศวินแห่งแสงจากหอพิธีกรรมต้องห้ามได้ พอคิดดูแล้ว เขาก็รู้ว่าไม่เหลืออะไรให้คาดเดาอีก
“มีอะไรหรือเปล่าครับ?” เกร็กถามอย่างรู้แกว
ชายคนนั้นเหลือบมองทางเดินอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดยิ้ม ๆ “พวกผู้อาวุโสอยากพบคุณเพื่อดื่มชายามกลางวันครับ”
“การสืบเรื่องความตายผิดปกติของอัศวินแห่งแสงดาเลียมีอะไรเกี่ยวกับพวกผู้อาวุโสหรือเปล่าครับ?”
“คุณพูดเรื่องอะไรอยู่ครับเนี่ย? ผมแค่มาที่นี่เพื่อถ่ายทอดคำสั่งของพวกผู้อาวุโสเท่านั้น ไม่รู้เรื่องอื่นหรอกครับ” ชายคนนั้นตอบอย่างใจเย็นราวกับเป็นหุ่นยนต์
เกร็กมองกลับไปที่คอมพิวเตอร์ที่ยังคงเปิดอยู่ ในระหว่างที่เขาเริ่มตรวจสอบสาเหตุการตายของอัศวินดาเลียและสมาชิกหน่วยโลจิสติกส์ เขาก็เริ่มสงสัยว่าการตายของดาเลียอาจเกิดขึ้นจากภายในหอพิธีกรรมต้องห้ามนับแต่นั้น และไม่ถึงครึ่งชั่วโมงก็มีคนมาเคาะประตูห้องเขาเสียแล้ว
เกร็กสูดหายใจลึก ๆ สภาผู้อาวุโสของหอพิธีกรรมต้องห้ามนั้นไม่เคยปรากฏสู่สายตาของเขาเลย เว้นแต่วันที่เขาได้รับแต่งตั้งเป็นอัศวินแห่งแสง
เขาหวังเหลือเกินว่าจะถูกเชิญไปแค่เพราะพวกเขาอยากบอกว่าเขาเข้าใจผิด และที่จริงแล้วมีเหตุผลอีกอย่างซึ่งสมเหตุสมผลอยู่เบื้องหลังการตายของดาเลีย…