เจ้าของร้านพิศวง - บทที่ 447 เร้ด
บทที่ 447 : เร้ด
“ดึงฮู้ดของนายลง” เร้ดเก็บมีดกระดูกของเธอ กระซิบกับหลินเจี๋ยเบา ๆ
หลินเจี๋ยทำตามที่เธอต้องการ ยกมือขึ้นลดฮู้ดของเขาลง ขณะที่มองไปยังสังคมเรือนกระจกรอบ ๆ
สภาพความเป็นอยู่ที่นี่ดูย่ำแย่มากกว่าที่หลินเจี๋ยเห็นในทีแรกอีก
มีห้องเล็ก ๆ จากซีเมนต์สร้างอยู่เรียงกันเหมือนรังผึ้งบนผนัง และมีแค่เต็นท์บางแห่งที่สร้างจากพลาสติกกันน้ำ
และยังมีกลิ่นศพรุนแรงมาก…
หลินเจี๋ยขมวดคิ้วเล็กน้อย จากนั้นก็ได้ยินเร้ดเอ่ยถามจากข้างหลังว่า “นายอยู่ในเมืองเขตล่างมานานแค่ไหนแล้ว?”
หลินเจี๋ยตอบทันทีอย่างเชื่อฟัง “ตามเวลาของนอร์ซิน ผมเพิ่งมาได้ห้าชั่วโมง”
ได้ยินดังนี้ เร้ดก็กล่าวยิ้ม ๆ ทันที “ส่งของกินทั้งหมดในตัวนายออกมา!”
หลินเจี๋ยยกมือขึ้นทันทีเมื่อได้ยินเช่นนั้น เผยให้เห็นมือว่าง ๆ และตอบว่า “ขอโทษด้วยจริง ๆ ครับ ผมไม่ได้เอามันมาด้วย”
“โกหก!” เร้ดเบิกตากลมโตออกกว้าง นัยน์ตาสัตว์ร้ายของเธอดูไม่มีพิษสงเท่าไร
“ไม่มีจริง ๆ ครับ” หลินเจี๋ยกล่าวอย่างข้องใจ
เร้ดขมวดคิ้ว โกรธเคืองเล็กน้อย เธออุตส่าห์ปล้นคนจากเขตบนได้แล้วแท้ ๆ แต่กระทั่งอาหารยังไม่มี
เมื่อเห็นว่าเขาดูไม่เหมือนกำลังโกหก เธอจึงพึมพำอย่างขุ่นเคือง “ได้ยินมาว่าคนจากเขตบนเหม็นขี้หน้ากันเองสุด ๆ และมักปล้นกันเอง…เจ้าหมอนี่ดูเอ๋อ ๆ คงไม่ใช่ว่าโดนเพื่อนปล้นไปหมดแล้วหรอกนะ?”
หลินเจี๋ยมองเร้ดอย่างขบขันเล็กน้อย…
“งั้นนายก็ไม่ได้กินอะไรมานานแล้วล่ะสิท่า?” เร้ดถามอย่างลังเลหลังจากพึมพำกับตนเอง
หลินเจี๋ยพยักหน้าอย่างจริงจังโดยไม่ลังเล
“นอกจากผมจะหิวแล้ว” หลินเจี๋ยกล่าวอย่างจริงจัง “ถ้าผมยังไม่ได้กินอะไรอีกในหนึ่งชั่วโมงข้างหน้า ผมคงตายแน่ ๆ”
“ตายเหรอ?!” เร้ดเบิกตากว้าง ดูกลัวเล็กน้อย
“ยายของฉันกำลังไปแลกเปลี่ยนอาหาร ถ้าทุกอย่างไปได้สวย คืนนี้ยายจะกลับมา” เร้ดผลักหลินเจี๋ยเข้าไปในกระท่อม ในนั้นมีเตียงสองหลังและตู้หลังหนึ่ง
“พอถึงเวลา ฉันยังพอแบ่งให้นายได้นิดหน่อย แต่จำไว้นะว่าฉันแค่ไม่อยากให้นายอดตาย”
กระท่อมหลังนี้เล็กเสียจนแค่กลับหลังหันก็อาจชนของร่วงหล่นได้มากมาย พื้นเต็มไปด้วยน้ำโคลน มีแค่เสาสองสามต้นปักอยู่บนพื้นเป็นหลักค้ำยัน และเหม็นกลิ่นปัสสาวะ
หลินเจี๋ยเหลือบมองเตียงกระดานไม้ ผ้าปูเตียงถูกย้อมดำและซ้อนเป็นชั้น ๆ และมีชั้นกรวดนอนก้นแก้วน้ำที่หัวเตียง
หลินเจี๋ยนั่งลงบนเตียง มองเร้ดอย่างระมัดระวัง
ใบหน้ากลมโตสีแดงมีเส้นหนวดสั้น ๆ ป้อม ๆ ที่ส่วนคาง เธอแตกต่างจากคนอื่น ๆ ตรงที่เส้นหนวดที่คางของเธอมักแกว่งไปมาอย่างตื่นเต้น
“นายมองฉันอยู่เหรอ?” เร้ดถามตาโต ท่าทางเขินเล็กน้อย
แม้ว่าหลินเจี๋ยจะเกิดมาในครอบครัวธรรมดา แต่จากมาตรฐานความสวยงามในเมืองเขตล่าง เขาย่อมอยู่ในระดับบน ๆ และรูปลักษณ์ของเขาก็ไม่ได้ถูกหมอกสีเทาทำให้แปดเปื้อนอีกด้วย
เร้ดเขินเล็กน้อยเมื่อถูกใบหน้าอันสง่างามนั้นจับจ้อง
“แปลกจัง ทำไมคุณเป็นสีแดงล่ะ?” หลินเจี๋ยถามอย่างฉงน “ผมคิดว่าคนส่วนใหญ่เป็นสีเขียวซะอีก”
“ฮึ” เร้ดเชิดหน้าอย่างภาคภูมิ “เพราะฉันเกิดใกล้เหมืองคริสตัลสีแดงไง แม่ฉันกินคริสตัลสีแดงไปเยอะก่อนจะคลอดฉันออกมา ฉันเลยเป็นสีแดง และเพราะงี้ถึงได้ชื่อเร้ด”
หลินเจี๋ยพยักหน้าแล้วถามต่อ “พ่อแม่คุณล่ะ?”
เร้ดนิ่งไปครู่หนึ่ง และตอบว่า “พ่อฉันตายเพราะอุโมงค์ถล่ม แม่ฉันกินแร่คริสตัลมากเกินไป ส่วนปู่ ย่าแล้วก็ตากลายเป็นหมอกสีเทากันหมดแล้ว ฉันเลยอยู่กับยาย…เฮ้! อย่าพยายามหลอกล่อฉันนะ นายเป็นเชลย!”
กลายเป็นหมอกสีเทา…ให้ความหมายเหมือนความตายในเมืองเขตล่าง ผู้คนที่นี่เชื่อกันว่าพวกเขาเกิดจากหมอกสีเทาพร้อมกับความผิดบาป และเมื่อตายก็จะกลายเป็นหมอกสีเทา
นี่คือผลของการล้างสมองจากเหล่าผู้นำในเมืองเขตบน
พวกเขาถือว่าสัตว์ร้ายในเมืองเขตล่างเป็นปีศาจเหมือนกับหมอกสีเทา ต้องใช้ชีวิตเป็นทาสในนรก ไม่เห็นแสงเดือนแสงตะวันไปจนตาย…
ช่างเลวร้ายที่นิยามนี้ได้รับการยอมรับโดยผู้คนส่วนมากในเขตล่าง
หลินเจี๋ยเมินเสียงบ่นของเธอและกล่าวต่อยิ้ม ๆ
“ทำไมคุณถึงมาทำเหมืองหินที่นี่ล่ะ? พวกคุณที่ถูกหมอกสีเทาแข็งแกร่งมากนี่นา ทะลวงขึ้นสู่พื้นผิวก็ได้แท้ ๆ”
ในขณะที่หลินเจี๋ยพูด เขาดูเหมือนจะแค่พูดส่งเดช แต่หลังจากที่เร้ดเข้าใจสิ่งที่เขาพูด เธอก็เบิกตากลม ๆ ออกกว้างและปรามาสดังลั่นทันที
“อ๊ะ! ไหงมีคนบื้ออย่างนายได้นะ?! หุบปากเลย เดี๋ยวแม่มดแห่งพฤกษาได้ยินเข้า”
หลินเจี๋ยพูดไม่ออก…แม่มดแห่งพฤกษาในตอนนี้คือซิลเวอร์เพื่อนสนิทเราเอง เธอได้ยินจะเป็นไรไป
ก๊อก ๆ!!
จู่ ๆ ใครบางคนก็เคาะท่อนไม้ซึ่งสอดอยู่ในประตูหน้ากระท่อม
เมื่อรวมกับ ‘คำพูดบ้า ๆ’ ของหลินเจี๋ยก่อนหน้านี้ เร้ดแทบสะดุ้งด้วยความช็อก…แม่มดแห่งพฤกษาได้ยินแล้วเหรอ?
“เร้ด!” เสียงใหญ่ ๆ ของผู้ชายคนหนึ่งดังขึ้นที่หน้าประตู
เร้ดเดินไปที่ประตูอย่างกระวนกระวายแล้วเลิกม่านออก มีชายร่างสูงในชุดคลุมสีดำยืนมองลงมาที่เธอ หนวดที่คางของเขายกขึ้นเล็กน้อย ดูเหมือนบุคคลระดับสูงในเมืองเขตล่าง
“ยายของแกถูกเหยียบตายระหว่างแลกอาหาร จากเดือนนี้เป็นต้นไป แกต้องใช้แร่มีค่าสี่ชิ้นเพื่อแลกอาหาร” พูดจบ ชายชุดดำก็เดินไปเคาะบ้านถัดไปโดยไม่แม้แต่จะชายตามอง
กระท่อมนี้แทบเรียกเป็นบ้านไม่ได้ หลินเจี๋ยได้ยินเสียงที่ประตูชัดเจน ก่อนจะจมในภวังค์ครุ่นคิด
เร้ดดูเหมือนจะได้ยินบางสิ่งที่ไม่น่าเชื่อ ก่อนที่ชายคนนั้นจะทันได้เดินไปไกล เธอก็พุ่งไปเกาะขาของเขาเหมือนดอกเห็ด สะอื้นถามด้วยแววตาสิ้นหวัง “ผู้จัดการ คุณบอกผิดหรือเปล่า? ยายของฉันจะตายได้อย่างไร?”
ชายคนนั้นไม่อยากแม้แต่จะอธิบาย เขาถีบเร้ดเข้าไปในหลุมซีเมนต์จนเปียกโคลนไปทั้งตัว เจ็บปวดเหมือนซี่โครงจะหัก
ชายคนนั้นบอกเธอ “ยายของแกน่ะจะสี่สิบอยู่แล้ว บ้าเอ๊ย น้อยคนจะอยู่ได้นานขนาดนั้นและทำเงินมหาศาล”
“แล้วก็…” ชายคนนั้นหันมามองเร้ด กล่าวเยาะเย้า “แกน่ะเก้าปีแล้วนี่?…โตแล้วนะ แต่พวกเขาก็ยังแจ้งขอส่วนแบ่งของเด็ก แถมยังให้ยายอย่างแม่เฒ่าเฉิงออกไปหาอาหารอีก”
“ไม่แปลกเหรอถ้าจะตาย?”
“ไม่ ไม่นะ!” เร้ดสำลักโคลนไปเต็มปาก เกือบจะเปื้อนโคลนไปทั้งตัว เธอร้องไห้จ้า “ยายบอกว่าฉันยังเด็ก และบอกอีกว่าไม่ให้เป็นผู้ใหญ่!”
“เร้ดจะไม่เป็นผู้ใหญ่!” เร้ดตะโกนปนสะอื้น
ผู้จัดการเมินเร้ดและปล่อยให้เธอคลุกโคลนร้องไห้ต่อไปคนเดียว จนกระทั่งหลินเจี๋ยเดินออกมาจากเต็นท์และมองเร้ดในโคลนอย่างเงียบ ๆ
หลินเจี๋ยยืนข้างเธอ รอให้อีกฝ่ายร้องไห้จนสลบไปในปลักโคลน จากนั้นก็อุ้มเธอขึ้นมา โยนกลับเข้าไปในเต็นท์