เจ้าของร้านพิศวง - บทที่ 46 อาชีพเก่าของหลินเจี๋ย
บทที่ 46 : อาชีพเก่าของหลินเจี๋ย
ออร่าของท่านหญิงซิลเวอร์!
เอลฟ์แห่งกลุ่มไอริสทุกตนย่อมไม่มีทางเข้าใจผิดเมื่อรู้สึกได้ว่าร่างกายพวกเขากำลังสั่นระริก
บนชั้นสองของร้านหนังสือซอมซ่อนี้ หากให้เดาน่าจะแถว ๆ ห้องนอน เหมือนจะมีออร่าแดนนิมิตของแม่มดบรรพกาลอยู่
นั่นหมายความว่าแดนนิมิตแห่งแม่มดผู้ควบคุมเหมันต์ ซิลเวอร์ถูกฝังไว้ที่นี่และกำลังคอยเฝ้ามองใครสักคน
แน่นอนว่าคนเดียวที่กำลังถูกจับตามองคือเจ้าของร้านหนังสือหนุ่มซึ่งยืนอยู่ตรงหน้าเธอนั่นแหละ!
เขาใช่ ‘ผู้ซึ่งดาราอำนวยพร’ จากคำทำนายหรือเปล่า?
ความคิดฟุ้งซ่านหมุนวนอยู่ในสมองของเธอ
หญิงสาวแค่มายังร้านหนังสือแห่งนี้ เพียงเพราะสงสัยในคำพูดของนักล่าคนนั้นจึงมาลองของเฉย ๆ ก็เท่านั้น ทว่าตั้งแต่ที่เหยียบย่างเข้ามา ดูเหมือนผลลัพธ์ทุกอย่างจะถูกวางเอาไว้เรียบร้อยแล้วตั้งแต่แรก
ความบังเอิญนั้นเป็นแค่โชคชะตาที่ไม่อาจหลีกเลี่ยง
หรือว่านี่จะเป็นโชคชะตาที่ท่านหญิงซิลเวอร์กำหนดเอาไว้?
โดริสดูจะเข้าใจเจตจำนงและการชี้นำของผู้ยิ่งใหญ่คนนี้แล้ว
เธอนำทางโดริสมาสู่ผู้ได้รับคำอำนวยพรตรงหน้า และนั่นหมายความว่าท่านหญิงซิลเวอร์กำลังคิดจะสร้างพันธสัญญากับกลุ่มไอริสขึ้นมาใหม่อีกครั้ง
ทว่าโดริสเองก็เข้าใจว่าท่านหญิงซิลเวอร์ยังไม่ได้ฟันธงกับทางเลือกนั้นไปเสียทีเดียว
หากไม่ใช่เช่นนั้น เธอก็แค่ทำให้แดนนิมิตมีตัวตนในที่อยู่อาศัยของกลุ่มไอริสก็พอ ไม่จำเป็นต้องทำอะไรยุ่งยากแบบนี้หรอก
นี่จึงบ่งชี้ว่าท่านหญิงซิลเวอร์กำลังรอดู
ตอนนี้ ในฐานะที่เธอเป็น ‘ผู้ได้รับการเจิม’ และเป็นตัวแทนของกลุ่มไอริสทั้งหมด จึงเป็นไปได้ที่โดริสจะถูกจับตามองและเป็นตัวแปรในการตัดสินใจของท่านหญิง
หากหญิงสาวสร้างพันธสัญญาใหม่ได้อย่างราบรื่นและนำข่าวดีกลับไป กลุ่มไอริสก็จะกลับมารุ่งเรืองได้อีกครั้ง
ในขณะเดียวกัน หากเธอล้มเหลวก็จะกลายเป็นคนบาปที่ทำให้กลุ่มล่มสลาย
เธอต้องดำเนินการให้ดี
โดริสทำให้ตนใจเย็นลงและพยายามไม่เปิดเผยความอ่อนแอใด ๆ
หญิงสาวยังคงยิ้มอ่อนโยนพร้อมสวมบทผู้เป็นมิตรให้ได้มากที่สุด “เรื่องเป็นเช่นนี้…ตัวข้าได้ยินเรื่องร้านหนังสือนี้จากจี้จือซู่มา นางกล่าวไว้ว่านางได้รับความช่วยเหลือจนทำให้นางจัดการปัญหาของนางได้อย่างสำเร็จลุล่วง และถึงขั้นยกยอว่าท่านเป็นถึงพระเจ้าจริง ๆ”
หลินเจี๋ยแอบตกใจอย่างบอกไม่ถูก เขาไม่เคยนึกมาก่อนว่าจี้จือซู่จะยกเขาขึ้นหิ้งเสียปานนั้น
แต่สำหรับเด็กเหล่านั้น การเผชิญหน้ากับความสัมพันธ์ร้าวฉาน โดยเฉพาะประสบการณ์ที่ถูกไอ้สวะแบบนั้นทิ้งไป ย่อมไม่ต่างกับการตกนรกสักเท่าใดนัก
ยิ่งไปกว่านั้น การจะพบร้านหนังสือท่ามกลางฝนตกหนัก แถมยังได้เจอกับไลฟ์โค้ชคอยชี้ไปยังเส้นทางที่ถูกต้องก็ไม่ต่างกับพล็อตหนังสักเรื่องเลยสักนิด
การที่จี้จือซู่จะเกิดความรู้สึกได้พึ่งพาและความเคารพต่อหลินเจี๋ยนั้นย่อมหลีกเลี่ยงไม่ได้อยู่แล้ว
แต่ความเคารพแบบไอดอลนี่ไม่ใช่สิ่งที่หลินเจี๋ยต้องการสักเท่าไร ชายหนุ่มจึงตัดสินใจว่าเมื่อพบกันครั้งหน้า ต้องสอนคุณหนูผู้ร่ำรวยคนนั้นถึงความสำคัญในการคิดเพื่อตัวเอง
การมองโลกอย่างมีหลักการและอยู่ในความเป็นจริงคือสภาพจิตใจอันพร้อมสมบูรณ์ต่างหาก
การพึ่งพาคนอื่นมากเกินไปไม่ใช่เรื่องดี
หลินเจี๋ยส่ายหัวกลั้วหัวเราะ “พระเจ้าเลยหรือครับ ผมไม่ได้เลิศเลออะไรขนาดนั้นหรอกนะ นั่นก็เวอร์เกินไป ผมเป็นแค่คนธรรมดาเปิดร้านหนังสือ และเธออาจจะพึ่งพาผมมากไปสักหน่อยเท่านั้นเอง”
ความรู้สึกของโดริสต่อเจ้าของร้านหนังสือได้เปลี่ยนไปแบบหมดจด
ตอนแรกหญิงสาวคาดเดาเอาจากคำพูดของจี้จือซู่ว่าคนคนนี้อวดอ้างตนว่าเป็นพระผู้เป็นเจ้า
แต่ดูจากรูปการณ์ตอนนี้ เจ้าของร้านหนังสือคนนี้ความจริงแล้วถ่อมตนมาก เป็นจี้จือซู่ต่างหากที่มองเขาเป็นพระเจ้าหลังจากได้รับการดูแล
ทว่า…
ในเมื่อเขาเป็นคนสนิทของท่านหญิงซิลเวอร์ หากจะบอกว่าเขาสามารถทัดเทียมได้กับพระผู้เป็นเจ้าจริง ๆ ก็ไม่ผิดเลยสักนิดเดียว
“ท่านก็ถ่อมตัวเกินไป” โดริสเอ่ยขึ้น “นางพรรณนาถึงความเคารพต่อท่านไว้ดีมาก หลังจากที่นางทราบถึงสถานการณ์ของกลุ่มของข้าและตัวข้า นางก็แนะนำให้ข้ามาที่นี่เพื่อหารือวิธีการแก้ปัญหาเลยทีเดียว”
‘กลุ่ม?’ หลินเจี๋ยแอบชะงักไปเล็กน้อย ก่อนจะถึงบางอ้อหลังจากขบคิดตามในหัว
ในเมื่อครอบครัวของจี้จือซู่ร่ำรวยมาก การเกลือกกลั้วอยู่ในกลุ่มแบบนี้ย่อมเป็นเรื่องเข้าใจได้
ในนอร์ซินนี้ นอกจากเขตตอนบนที่คนปกติอยู่กัน และเขตตอนล่างที่เหล่าผู้ติดเชื้ออาศัยอยู่ ยังคงมีเขตกลางสำหรับผู้มีอิทธิพลและอำนาจอาศัยอยู่ตรงนั้น
พวกกลุ่มชนชั้นขุนนางพร้อมขนบธรรมเนียมที่ถูกส่งต่อมาหลายชั่วอายุคนก็มาจากที่นั่นกันหมด
‘เฮ้อ…เป็นเพื่อนของจี้จือซู่นี่เอง คนรวยก็ต้องมีเพื่อนรวยนี่เนอะ มิน่าล่ะถึงคอสเพลย์ดีเยี่ยมระดับนั้นออกมาได้’
เช่นเดียวกับโจเซฟและแขนกลของเขา นี่ก็เป็นสิ่งที่คนธรรมดาจับจ่ายไม่ได้เหมือนกัน
แต่ก็นะ เฒ่าไวลด์แนะนำโจเซฟมา เมลิสซ่าก็มาเพราะโจเซฟด้วย ตอนนี้คุณหนูตรงหน้าเขาก็มายังร้านหนังสือนี้ด้วยคำแนะนำของจี้จือซู่เหมือนกัน
ท่าทางความสัมพันธ์กับลูกค้าที่หลินเจี๋ยเฝ้าประคบประหงมมาแสนนาน ในที่สุดก็ผลิดอกออกผลกับเขาบ้างเสียที ลูกค้าของเขากำลังโปรโมตและชื่นชมธุรกิจของเขาอยู่เชียวนะ!
‘นี่มันสุดยอดไปเล้ย!’
‘เฮ้อ แสดงว่าก่อนหน้านี้ไม่ได้ให้คำแนะนำมากพองั้นสิ’
หลินเจี๋ยกอดอกด้วยความเคยชินพลางมองตรงไปยังโดริส “แล้วคำถามคุณล่ะครับ” เขาถามออกมา
แม้ว่าเขาจะเอ่ยอย่างใจเย็นออกไปแบบนั้น แต่หลินเจี๋ยก็ยังตัดสินไม่ได้หรอกว่าจะช่วยได้หรือไม่
สุดท้ายแล้วการถามคำถามมันไม่เสียเงิน ดังนั้นเขาคงต้องขอภาพรวมที่ชัดกว่านี้ก่อนตัดสินใจว่าจะช่วยหรือไม่อย่างไร
ไม่ว่าจะเป็นความสัมพันธ์อันยุ่งเหยิง ปัญหาทางใจ ไปจนถึงปัญหาด้านการเรียน หลินเจี๋ยยินดีจะยื่นมือช่วยเหลืออยู่แล้ว
แต่ถ้ามาถามเรื่องปัญหาการแก้โจทย์เลข หลินเจี๋ยคงต้องขอโทษและปฏิเสธไปเสีย
ทางโดริสสัมผัสได้ถึงเจตนาของท่านหญิงซิลเวอร์ผ่านสายตาที่เต็มไปด้วยคำถามของเจ้าของร้านหนังสือ เธอรู้สึกเหมือนตนกำลังนั่งอยู่บนเบาะเข็มพลางตอบกลับอย่างระมัดระวัง “ตั้งแต่โบราณกาล กลุ่มของข้าได้ส่งต่อความรุ่งเรืองแห่งดอกไอริสตลอดมา แต่หลังจากพวกข้าห่างหายจากศรัทธาแห่งเราไป กลุ่มของข้าก็ค่อย ๆ ทรุดโทรมลงจนตอนนี้ไม่ต่างอะไรกับผู้เร่ร่อนปราศจากความฝัน ตอนนี้พวกข้าต้องการก่อร่างสร้างตัวให้ได้ดั่งกาลก่อน และทำให้ดอกไอริสผลิบานขึ้นอีกครั้งหนึ่ง”
ในเมื่อท่านหญิงซิลเวอร์ได้มอบสัญญาณมา และสร้างแดนนิมิตให้สถิตอยู่ที่นี่ นั่นอาจแปลว่าเธอได้มอบสิทธิในการตัดสินใจให้กับชายหนุ่มตรงหน้า
ตอนนี้ เจ้าของร้านหนังสือเบื้องหน้าโดริสนั้นมีอิทธิพลสูงสุด และหญิงสาวจำต้องทำให้ทุกข้อเรียกร้องของเขาเป็นจริง…
หลินเจี๋ยเลิกคิ้วขึ้น หืม? คำถามนี่มันเกี่ยวกับอาชีพของเขาเลยมิใช่หรือ?
คติชนวิทยา ซึ่งนั่นไม่ใช่สิ่งที่จะสรุปง่าย ๆ ว่าเป็นแค่ ‘ขนบธรรมเนียมประเพณี’ แต่อย่างใด
มันสื่อถึงเผ่าเล็กเผ่าน้อยซึ่งยืนหยัดอย่างยาวนาน หรือกลุ่มสังคมที่ก่อตัวขึ้นเป็นเวลานานจนสร้างขนบธรรมเนียมประเพณีและถ่ายทอดออกมาจากรุ่นสู่รุ่นต่างหาก
นั่นรวมไปถึงศิลปะ ความเชื่อ ครอบครัว ระบบปฏิทิน และอีกหลายต่อหลายอย่าง
กลุ่มของเธอน่าจะผ่านเหตุการณ์ไม่คาดฝันอย่างสงครามเมื่อนานมาแล้ว และความศรัทธาของพวกเขาก็ค่อย ๆ เลือนหายไป
การล้มเหลวในการกอบกู้ความสำคัญของตราประจำกลุ่มทำให้ขุนนางสูญเสียสถานะไป
หญิงสาวตรงหน้าเอ่ยออกมาเช่นนี้…
ย่อมหวังว่าหลินเจี๋ยจะค้นหาประวัติศาสตร์ของกลุ่มของเธอและตามหาความสำคัญของตราประจำตระกูลอีกครั้ง หรือพูดให้ถูก หญิงสาวต้องการมือโปรในการ ‘ปลอมแปลง’ ประวัติศาสตร์ของตระกูลให้ใกล้เคียงกับของจริงจนพวกเขายอมรับได้
หลังจากนั้นการก่อร่างสร้างตัวก็จะตามมาเอง
ทว่าสิ่งนี้ต้องการมือโปรที่เชื่อถือได้ ไม่อย่างนั้นหากมีคนเล็งเห็นว่ามีอะไรผิดแปลกไปละก็ มันจะกลายเป็นปัญหาเรื่องเกียรติยศในภายภาคหน้า
และนี่ก็ไม่ใช่แค่การเยียวยาระดับเล็กแล้วด้วย…
‘คงต้องคิดเงินเพิ่มแล้วสิ’
หลินเจี๋ยฉีกยิ้มการค้าสุดเปล่งประกาย “ไม่ใช่ปัญหาอะไรเลยครับ แต่ว่า…”
สีหน้าของโดริสเปลี่ยนไปหลังหลินเจี๋ยเอ่ยมาถึงกลางประโยค
ในตอนนั้นเอง แสงอาทิตย์เจิดจ้าชวนแสบตาจากด้านนอกพลันสาดส่องเข้ามาในร้านผ่านบานหน้าต่าง
“แต่ว่า…ดูเหมือนผมจะมีลูกค้าใหม่อีกแล้วน่ะสิครับ”