เจ้าของร้านพิศวง - บทที่ 60 กระดานหมากรุกของผู้ยิ่งใหญ่
บทที่ 60 : กระดานหมากรุกของผู้ยิ่งใหญ่
แม้ว่าหลินเจี๋ยจะแค่มอบคำชี้แนะเพื่อสนับสนุนความคิดของลูกค้าเท่านั้น แต่เขาก็มองว่าการเดินไปในเส้นทางใหม่ถือว่าเป็นความคิดที่ดีเหมือนกัน
ในเมื่อลูกค้าคนนี้ถูกเหยียบย่ำในบริษัทถึงขั้นเขามองตัวเองเป็นเครื่องมือใช้แล้วทิ้ง นั่นแสดงว่าแผลใจที่ได้รับถือว่ารุนแรงมาก ดังนั้นการเดินไปทางอื่นและออกไปจากที่นั่นถือว่าเป็นทางเลือกที่ดีกว่า
ทว่าการเปลี่ยนอาชีพของคนวัยกลางถือว่าเป็นเรื่องยาก มันไม่ได้ไขว่คว้ามาง่าย ๆ เพียงแค่มีปณิธานเท่านั้น
แต่ยังต้องมีเส้นสายและเงินด้วย
ที่สำคัญที่สุด ลูกค้าคนนี้ต้องไม่มีห่วงอะไรในอนาคตอีก
แต่การที่เขาตัดสินใจอย่างรวดเร็วทั้งที่รู้ว่ามัน ‘เสี่ยงมาก’ ย่อมแปลว่าลูกค้าคนนี้ยังมีความกล้าอยู่บ้าง
เพื่อเสริมความมั่นใจว่าลูกค้าคนนี้จะไม่ออกไปเร็วเหมือนที่เขาเข้ามา หลินเจี๋ยรู้สึกว่าควรมีหลักประกันไว้สักหน่อยจะดีที่สุด
โชคดีที่คุณหนูจี้น่าจะช่วยอะไรได้บ้าง อย่างน้อยที่สุดก็รับประกันได้ว่าลูกค้าตรงหน้าหลินเจี๋ยจะไม่ว่างงาน
พ่อของจี้จือซู่เป็นเจ้าของบริษัทพัฒนาทรัพยากรโรลล์ บริษัทยักษ์ใหญ่ซึ่งผูกขาดทรัพยากรและสิ่งของต่าง ๆ ในเมืองเขตตอนล่าง อีกทั้งยังมีส่วนเกี่ยวข้องกับนอร์ซินในเกือบทุกแง่มุม
อิทธิพลของบริษัทนี้ต่อนอร์ซินถือว่าเหลือเชื่อเลยทีเดียว
เป็นบริษัทที่ครอบคลุมทุกอุตสาหกรรม ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้า อาหาร อาคาร การขนส่ง หรือแม้แต่การค้าขายอื่น ๆ หากมีคนขุดค้นดูสักหน่อย จะพบว่าย่อมมีส่วนเกี่ยวข้องกับบริษัทนี้ อย่างน้อยที่สุดก็ไม่เคยมีอะไรแบบนี้มาก่อนในโลกเก่าเขา
แม้ว่าหลินเจี๋ยจะเป็นแค่คนนอกที่มาโลกนี้ได้แค่สามปี แต่เขากลับมีประสบการณ์เกี่ยวกับอิทธิพลของบริษัทโรลล์อย่างลึกซึ้ง
หลินเจี๋ยจะพบโลโก้ของบริษัทพัฒนาทรัพยากรโรลล์ไปแล้วกว่าครึ่งร้าน ในทุกครั้งที่ออกไปซื้ออาหารหรือวัตถุดิบ
ขนาดซีดีกับเครื่องเล่นที่วางขายในร้านเครื่องเสียงข้างบ้านยังผลิตโดยบริษัทในเครือโรลล์เลย
เผลอ ๆ เนื้อหาในซีดีพวกนี้อาจสร้างขึ้นโดยศิลปินจากอุตสาหกรรมบันเทิงที่โรลล์คุมบังเหียนอีกทีด้วยซ้ำ
หลินเจี๋ยเคยค้นประวัติศาสตร์ของบริษัทนี้เพราะความอยากรู้อยากเห็น แล้วพบว่าโรลล์อยู่มานานมาก ถึงขั้นมีกองทัพคอยเฝ้าเขตตอนล่างเพื่อการก่อตั้งของมันเลยทีเดียว
ประวัติศาสตร์บางช่วงชวนสับสน และบันทึกหลายอย่างก็ไม่น่าเชื่อถือแล้วในปัจจุบัน หัวหน้าของบริษัทพัฒนาทรัพยากรโรลล์ถูกสับเปลี่ยนก็หลายรุ่นจนแม้แต่แผนกภายในอาจไม่เข้าใจระบบอย่างถ่องแท้ด้วยซ้ำ
เอาเป็นว่า โรลล์มาผูกขาดได้เพราะโครงสร้างของนอร์ซินนั่นแหละ
เขตตอนบนของนอร์ซินเป็นเมืองประดิษฐ์สร้างจากเหล็กและอยู่แยกออกจากพื้นโดยสิ้นเชิง
หากมองจากมุมบน เขตตอนบนก็เหมือนกับทรงกลมขนาดมหึมาอันหนึ่ง
ผืนดินของนอร์ซินมีขนาดพอกันกับมลรัฐหนึ่งในจีนโบราณ ถนนที่ใกล้กับเขตกลางจะมีชื่อเป็นของตัวเอง ในขณะที่ถนนหนทางที่เหลือจะถูกตั้งด้วยตัวอักษรหรือตัวเลข
ถนนซอย 23 ที่ร้านหนังสือของหลินเจี๋ยตั้งอยู่ ถูกตั้งชื่อด้วยตัวเลขซึ่งยังถือว่าใกล้กับเขตกลางอยู่
ถัดจากนั้นก็ยังมีเขตตอนล่างซึ่งหมายถึง ‘ใต้ดิน’ และ ‘เขตเปลี่ยนภาคพื้นดิน’
ด้วยโครงสร้างแบบนี้ จึงเห็นได้ชัดว่าเขตตอนบนเต็มไปด้วยสิ่งที่มนุษย์สร้าง ซึ่งไม่มีทรัพยากรทางธรรมชาติเลยสักอย่าง
ทรัพยากรธรรมชาติทั้งหมดอยู่ในเขตตอนล่าง
เขตตอนล่างเองก็เป็นสถานที่ซึ่งเหล่าผู้อยู่อาศัยจะได้พบกับอาณาเขตของอาซีร์ กำแพงสายหมอก รวมไปถึงโรคระบาดแปลก ๆ ที่ติดไปสู่รุ่นลูก
หลายพันปีมานี้พวกเขาถูกสั่งกักตัว ทำให้ระบบต่าง ๆ ในเขตตอนล่างและบนพื้นดินแตกต่างกัน
นั่นทำให้โบสถ์แห่งโรคระบาดถือกำเนิดขึ้นจากเขตตอนล่าง และยังคงความศรัทธาได้จากที่นั่น
อีกทั้งยังสร้างความห่างเหินกันระหว่างเขตตอนล่างและภาคพื้นดินโดยสิ้นเชิง
ด้วยเหตุนั้น จึงเกิดองค์กรเฉพาะทางในเขตต่าง ๆ เพื่อช่วยเหมืองบนพื้นดินขุดหาทรัพยากรในเขตตอนล่าง
เวลาผ่านไป การแข่งขันและการรวมตัวเกิดขึ้นกับองค์กรเหล่านี้ จนในที่สุดก็เกิดเป็นบริษัทใหญ่ขึ้นมา ซึ่งก็คือบริษัทพัฒนาทรัพยากรโรลล์นั่นเอง
ตอนนี้มีเพียงบริษัทนี้เท่านั้นที่มีสิทธิขาดในการเคลื่อนไหวอิสระและทำงานในเขตตอนล่าง
บริษัททรัพยากรอื่นต้องได้รับอนุญาตจากเขตตอนกลางก่อน จึงจะสามารถไปเก็บทรัพยากรจากเขตตอนล่างได้
แน่นอนว่าผู้คนจากเขตตอนบนยังสามารถไปเที่ยวชมเขตตอนล่างได้ แค่ต้องผ่านการอนุมัติหลายขั้นตอนและเหตุผลที่เพียงพอ
ปกติแล้ว คนที่ลงมามักจะเป็นนักข่าวหรือนักวิชาการ และพวกเขาต้องผ่านข้อตกลงอันแสนยุ่งยากก่อนจะเริ่มงานอีกต่างหาก
เอาเป็นว่า บริษัทพัฒนาทรัพยากรโรลล์ถือว่าเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ และในเมื่อจี้จือซู่เป็นลูกสาวเพียงคนเดียวของเจ้าของบริษัทนี้ แล้วยังเป็นหญิงสาวชนชั้นสูงอีก การจัดหางานสำหรับเธอคงง่ายเสียยิ่งกว่าอะไรดี
“ผมว่าเธอน่าจะช่วยคุณได้นะครับ”
หลินเจี๋ยเห็นว่าลูกค้าตรงหน้าเขาดูจะข้องใจเรื่องที่คุณหนูคนนั้นเป็นเพื่อนร่วมงาน เขาจึงอธิบาย “เธอมีปัญหาบางอย่างเมื่อไม่นานมานี้ และคำชี้แนะของผมมีประโยชน์ในการแก้ปัญหาน่ะครับ เธอยืมหนังสือผมไปและใกล้ถึงเวลาคืนแล้ว ผมมั่นใจว่าในอีกไม่กี่วันเธอจะกลับมาคืน”
ดวงตาของแอคเกอร์แมนหรี่ลงหลังจากเข้าใจทุกสิ่งในที่สุด
“มิน่าล่ะ…มิน่าล่ะ…” เขาพึมพำ
‘ช่วยอธิบายได้เยอะเลย!’
แม้ว่าเขาจะเป็นนักล่าเดี่ยว เขาก็ยังเข้าใจสภาพของนอร์ซินในปัจจุบันอยู่
จุดเริ่มต้นที่กลุ่มนักล่าหมาป่าขาวไปร่วมมือกับนักเวทมนตร์ดำของลัทธิสีชาดเกิดขึ้นเมื่อเฮริส ‘หมาป่าขาว’ พ่ายแพ้ให้กับกลุ่มนักล่าจี้จือซู่ ‘แมงมุม’
สุดท้ายเฮริสต้องฆ่ารองหัวหน้าคาจิ และหนีออกมาด้วยตัวเอง
หลังจากนั้น เขาได้รวบรวมพลังของตนและทำงานร่วมกับลัทธิสีชาดในที่สุด
ทว่าเหตุผลที่หมาป่าขาวพ่ายแพ้นั้น คือการที่จู่ ๆ จี้จือซู่ซึ่งถูกไล่ล่า กลับแข็งแกร่งขึ้นในช่วงเวลาอันสั้น
นี่เป็นปริศนาพิศวงซึ่งผู้คนทั้งหลายต่างแก้ไม่ออก แต่ในตอนนี้แอคเกอร์แมนได้รู้เสียทีว่าจี้จือซู่ได้รับการช่วยเหลือจากเจ้าของร้านหนังสือคนนี้นี่เอง!
‘มิน่าล่ะ ทุกอย่างที่เขาบอกฉัน หรือว่า…เขาอยากให้นักล่าที่ปกติกระจายตัวและโดดเดี่ยวมารวมตัวกัน ตั้งเป็นองค์กรซึ่งประมือกับสมาคมแห่งสัจธรรมและหอพิธีกรรมต้องห้ามงั้นเหรอ!?’
‘อา ถ้าเป็นแบบนั้นจริง นี่จะกลายเป็นประวัติศาสตร์หน้าใหม่สำหรับนักล่าอย่างเรา ๆ เลยนี่นา’
‘โครงสร้างของนอร์ซินจะเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิงเชียวนะ!’
หัวใจของแอคเกอร์แมนกำลังสั่นระรัว ในขณะเดียวกันเขาก็มีความประหม่าอันลึกล้ำต่อเจ้าของร้านหนังสือ เนื่องจากตนไม่อาจหยุดคิดได้เลยว่า
‘นี่สินะกระดานหมากรุกของผู้ยิ่งใหญ่! แล้วฉันก็โชคดีพอที่จะได้เป็นหมากบนกระดานเขาด้วย…’
ทว่าความข้องใจเล็ก ๆ ก็ผุดขึ้นมา “ผมขอยืมหนังสือสักหน่อยได้ไหม”
แอคเกอร์แมนเหลือบไปมองชั้นหนังสือ
รอยยิ้มของหลินเจี๋ยเบิกบานขึ้นไปอีก
‘ในที่สุด ป้ายยา…ไม่สิ ลงแรงไปตั้งครึ่งวัน ในที่สุดก็เข้าประเด็นหลักสักที’
“ผมกำลังจะพูดเลยครับ”
“ในเมื่อคุณยังไม่มีประสบการณ์ แถมยังเป็นครั้งแรกในการทำอะไรแบบนี้ ผมมองว่าคุณอาจจะเจอปัญหาหลายอย่างระหว่างทางได้น่ะครับ…หนังสือนี่จะช่วยคุณได้เยอะ และจะเป็นการดีถ้าคุณอ่านมันก่อน”
หลินเจี๋ยเอาหนังสือชื่อผู้ประกอบการไร้ต้นทุนออกมาจากชั้นหนังสือด้านหลังตน