เจ้าของร้านพิศวง - บทที่ 65 คำพูดต่อไปก็คือ
บทที่ 65 : คำพูดต่อไปก็คือ
แต่ก แต่ก
เสียงของส้นรองเท้าส้นสูงกระทบพื้น ปนเปกลืนไปกับสายฝน
หญิงสาวกางร่มยืนอยู่ท่ามกลางสายฝนด้วยท่วงท่าสง่างาม เธอเป็นคนสวย ผิวขาว เรือนผมสีเงินยวงเป็นลอน และดวงตาลึกล้ำอันเย้ายวน
เธออยู่ในเสื้อสตรีสีขาว กระโปรงทรงเอสีม่วง ถุงน่องลายลูกไม้สีดำ และส้นสูงสีดำช่วยเสริมความเซ็กซี่เข้าไปอีก
แคโรไลน์ยกร่มขึ้นพลางมองสำรวจร้านหนังสือตรงหน้าเธอ แล้วสูดลมหายใจรับอากาศอันเย็นชื้นเข้าปอด
นี่แหละคือเป้าหมายการประเมินในครั้งนี้
โซนระดับ S 0113
ร้านหนังสือที่ดูปกติธรรมดา แต่อดีตอัศวินแห่งแสง อับราฮัม โจเซฟกลับเขียนมันลงไปในแฟ้มคดีล่าสุดด้วยตัวเอง
อีกอย่าง รายงานนั้นถูกส่งมาหลังจากรวมข่าวกรองที่กระจัดกระจาย
ร้านหนังสือนี้มีอิทธิพลอย่างมากในเหตุการณ์กระจกมนตรา แถมยังเร่งการล่มสลายของหมาป่าขาวกับลัทธิสีชาดแบบอ้อม ๆ
อีกทั้งเจ้าของร้านหนังสือยังทำให้โจเซฟตัดสินใจที่จะมอบดาบปีศาจให้อีกต่างหาก
ดาบปีศาจแคนเดลาเป็นวัตถุจากขุมนรกที่แม้แต่ระดับจุดจบอารยธรรมยังต้องหวั่นเกรง
ไม่ว่าคนนั้นจะแข็งแกร่งแค่ไหน ก็เลี่ยงการกัดกร่อนจิตใจและจิตวิญญาณของดาบปีศาจไปไม่พ้น ก่อนจะนำไปสู่จุดจบของคนคนนั้นในที่สุด
ตั้งแต่หอพิธีกรรมต้องห้ามได้ครอบครองอาร์ติแฟกต์นี้ พวกเขาจะเลือกอัศวินแห่งแสงผู้เป็นเลิศที่สุดมาเป็นนายของแคนเดลา เพื่อมั่นใจว่าดาบปีศาจนี้จะอยู่เย็นเป็นสุขไปพักหนึ่ง และถูกใช้ในทางที่ดี
แต่อัศวินแห่งแสงต่างทยอยล้มหายตายจากกันไป หอพิธีกรรมต้องห้ามจึงรู้สึกอับจนหนทางต่อคำสาปของดาบปีศาจ พวกเขาจึงปล่อยให้โจเซฟทำตามใจเพื่อให้อุดทางตันนั้นไว้ชั่วคราว
ทว่าการยื่นคำร้องโอนย้ายเจ้าของของโจเซฟนั้น สร้างความตื่นตกใจแก่เหล่าเบื้องบนของหอพิธีกรรมต้องห้ามเป็นอย่างมาก
นี่คือบันทึกคำขอแรกของเจ้าของร้านหนังสือ
และเขาดันต้องการดาบปีศาจเสียอย่างนั้น
จากรายงานของโจเซฟ หนังสือที่เจ้าของร้านให้มา มีพลังในการยับยั้งดาบปีศาจอยู่
นั่นหมายความว่าเจ้าของร้านหนังสือมีความสามารถในการอยู่ร่วมกับดาบปีศาจมากกว่าเขา
ส่วนสาเหตุที่เขาต้องการมัน เป็นเพราะว่าเขาเห็นความเจ็บปวดของโจเซฟและอยากยื่นมือไปช่วยเหลือนั่นเอง
ถึงอย่างนั้น ผู้อาวุโสต่างไม่สามารถมอบดาบปีศาจไปให้เพราะคำพูดของโจเซฟอย่างเดียว โดยเฉพาะเมื่อหอพิธีกรรมต้องห้ามยังไม่รู้ข้อมูลเป็นชิ้นเป็นอันเกี่ยวกับเจ้าของร้านหนังสือคนนี้เลยสักอย่าง
สุดท้ายแล้ว หลังการปรึกษาหารือในหมู่เหล่าอาวุโสและเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในช่วงนี้แล้ว ได้ข้อตกลงว่าควรมีการประเมินอย่างใกล้ชิด คอยเฝ้าสังเกตเพื่อล้วงลึกถึงตัวตน นิสัย เจตนา และความสามารถของเจ้าของร้านหนังสือให้ได้
ลูซี่ แคโรไลน์ พนักงานพิเศษผู้ที่เบื้องบนของหอพิธีกรรมต้องห้ามส่งมา เธอเป็นรองหัวหน้าแผนกโลจิสติกส์ เป็นอัศวินระดับภัยพิบัติ และยังเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการประเมินโดยเฉพาะ
ด้วยความที่เป็นลูกเสี้ยวฮาร์ปี้ผู้มาพร้อมกับพรสวรรค์แรกเกิดในการควบคุมจิตใจ แคโรไลน์จึงบ่งชี้ดีและเลวได้อย่างชำนิชำนาญ
แน่นอนว่าในฐานะรองหัวหน้าแผนกโลจิสติกส์ อาชีพทางการของเธอคือตามเช็ดตามเก็บกวาดงานที่หอพิธีกรรมต้องห้ามและองค์กรอื่น ๆ เหลือทิ้งไว้ รวมไปถึงจัดการความสัมพันธ์กับสาธารณะด้วย
ในสายตาชาวเมืองทั่วไปในนอร์ซิน สิ่งมีชีวิตทรงพลังเป็นแค่นิทานปรัมปราเท่านั้น แคโรไลน์และคนอื่น ๆ ต้องงัดทุกกลยุทธ์มาใช้เพื่อปิดบังความจริงและรีบแก้ไขสถานการณ์ทุกอย่างที่จะเป็นการเปิดเผยตัวตนของพวกเขา
แคโรไลน์อาจไม่ใช่นักประเมินที่มีฝีมือโดดเด่นที่สุดในหอพิธีกรรมต้องห้าม แต่เธอถูกยอมรับอย่างไร้ข้อกังขาว่าเป็นคนที่สุขุมที่สุดแล้ว
นี่จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมเธอจึงได้รับภารกิจสุดสำคัญและโหดหินนี้มา
ไม่ใช่ทุกคนที่จะได้โอกาสในการจับตามองและประเมินสิ่งมีชีวิตระดับ S หรอกนะ
หญิงสาวทวนภารกิจนี้ในใจอีกครั้ง ในฐานะตัวแทนหอพิธีกรรมต้องห้าม เธอจะพูดคุยกับเจ้าของร้านหนังสือโดยสวมบทเป็นลูกค้า และจดแฟ้มคดีโซนระดับ S 0113 ให้สุดฝีมือเพื่อเป็นข้อมูลเสริมให้กับเบื้องบนในการตัดสินใจ
แคโรไลน์สูดลมหายใจเข้าเต็มปอด จัดแจงตัวเอง และเหยียบย่างเข้าไปในร้านหนังสือ
“ยินดีต้อนรับครับ”
เสียงของเจ้าของร้านดังขึ้นมาจากด้านหลังเคาน์เตอร์
แม้ว่าแคโรไลน์จะเตรียมตัวเตรียมใจมาก่อนแล้ว เธอก็อดไม่ได้ที่จะวิตกขึ้นมาอีก จนเริ่มหายใจถี่ขึ้นมา
‘ระดับ S…ตัวตนอันน่าสะพรึงที่เขาลือกันว่าน็อกโจเซฟจนสลบโดยไม่แม้แต่จะขยับนิ้ว’
ตึกตัก ตึกตัก!
แคโรไลน์ได้ยินเสียงหัวใจเต้นรัวจนต้องหยิกมือตัวเอง หญิงสาวฉีกยิ้มหวานตามมารยาท สูดลมหายใจเข้าลึก ๆ และนั่งลงหน้าเคาน์เตอร์ หลังพยายามทำใจให้สงบ เธอก็มองไปยังเจ้าของร้านหนังสือพร้อมผงกหัวให้ “สวัสดีค่ะ”
หลินเจี๋ยวางหนังสือลง ตาจ้องไปยังสาวสวยผมสีเงินยวงด้วยความทึ่ง ‘นี่มัน…ไม่ได้โม้ใช่ไหมเนี่ย’ หลินเจี๋ยคิดในใจ
เขาไม่ได้คิดว่ารูปร่างหน้าตาแบบนี้สวยเลิศเลออะไรขนาดนั้น แต่ผมสีเงินยวงของสาวคนนี้ที่เพิ่งเข้ามาในร้านช่วยขับลุคเธอดีเกินไป จนทำให้รูปลักษณ์ภายนอกของเธองดงามจนน่าใจหาย
แค่ความงามนี้มันแรงเกินไปจนหลินเจี๋ยคิดว่าอีกฝ่ายไม่ควรมาอยู่ในร้านหนังสือโทรม ๆ นี้เลยสักนิด แต่ควรไปอยู่บนพรมแดงมากกว่า
และสิ่งที่หลินเจี๋ยให้ความสนใจมากที่สุดคือรอยยิ้มแสนจะเย้ายวนนั้น
องศารอยยิ้ม ท่าทาง และระดับความชำนาญนั่น…
แม้ว่าเพศสภาพที่เป็นหญิงของอีกฝ่ายจะสร้างความแตกต่างเล็กน้อย แต่ความรู้สึก…อันแสนคุ้นเคยที่ผุดขึ้นมาอัตโนมัติในใจหลินเจี๋ยเป็นของจริงแน่
เมื่อหลินเจี๋ยตระหนักขึ้นมา รอยยิ้ม ‘มืออาชีพ’ ก็เปล่งประกาย
‘คนคนนี้…’
‘เป็น ‘พวกเดียวกัน’ ล่ะสิ’
‘คำว่า ‘สวัสดีค่ะ’ อันเรียบง่ายนั่นเปิดโปงเธอหมดแล้วนะ’
‘ขายตรงเหรอ หรือว่าจะมาขอให้ทำแบบสอบถามดีล่ะ?’
‘หึ…’
หลินเจี๋ยแค่นเสียงในใจ เขาเห็นคนแบบนี้มามากนัก
เมื่อคนเหล่านี้มาเคาะประตู นอกจากจะเปลืองเวลาแล้วก็ยังไม่มีความคิดจะซื้อหรือยืมหนังสือด้วย
เอาเป็นว่า คนตรงหน้าเขาไม่ใช่ลูกค้าแน่
แถมนอกจากจะไม่ใช่ลูกค้าแล้ว เธออาจพยายามทำให้หลินเจี๋ยยอมจ่ายเงินด้วย
‘แต่สมญานามอาจารย์หลินไม่ได้มาเปล่า ๆ สักหน่อย’
‘ในเมื่อเธอกล้ามาเคาะประตูฉัน ต่อให้ไม่ได้มาเพื่อค้าขายแต่เป็นมาร์เกตติ้งระดับสูงก็เถอะ ฉันก็จะทำตัวเหมือนเธอเป็นลูกค้าของฉันอยู่ดี’
‘มาเล้ย!’
หลินเจี๋ยกอดอกพลางส่งสายตาหนักแน่นให้
‘ให้เดานะ คำพูดต่อไปก็คือ’
“ขอถามหน่อย”
“ขอถามหน่อยค่…”
แคโรไลน์นิ่งอึ้ง จ้องมองเจ้าของร้านหนังสือทั้งยังอ้าปากค้าง เขาเพิ่งจะพูดคำเดียวกันกับเธอพร้อมกันเมื่อครู่นี้เอง
‘ล่วงรู้อนาคตเหรอ!?’
เธอมองไปยังเจ้าของร้านหนังสือผู้เหมือนกำลังทำสีหน้าซุกซนอย่างไรอย่างนั้น
‘นี่มัน…คำเตือนตรง ๆ เหรอ? หัวหน้าโจเซฟคะ ไหนบอกว่าเขา ‘เป็นมิตร’ ไงล่ะคะ!’
หลินเจี๋ยเผยรอยยิ้มมั่นใจเมื่อเห็นความใจเย็นของหญิงสาวตรงหน้าแตกออกเป็นเสี่ยง ๆ สีหน้าท่าทางที่ไม่เปลี่ยนแปลงของเขากำลังบอกอีกฝ่ายว่า ‘ผมรู้ทันคุณนะ’
อย่างแรก กดดันอีกฝ่ายด้วยท่าทางเหนือกว่าและขัดจังหวะเธอซะ นี่จะทำให้เธอหัวหมุนจนคำพูดไม่มีผลอะไรเลย