เจ้าของร้านพิศวง - บทที่ 88 เทวรูปดินหมายเลข 277
หมายเลข 277 ไม่มีชื่อ
‘เทวรูปดิน S277’ คือหมายเลขของเธอ และมันถูกสักไว้บนต้นคอพร้อมกับบาร์โค้ดดิจิตอล
ตัวทดลองหมายเลข 277 กำเนิดขึ้นมาจากโปรเจกต์เทวรูปดินมนุษย์เทียมล็อตสอง มีใจความสำคัญเบื้องหลังหมายเลขนี้อยู่
ตั้งแต่ที่แผนนี้ถูกริเริ่มขึ้นมาโดยแผนกช่างกลของสมาคมแห่งสัจธรรม การทดลองทั้งหมดแล้วมีจำนวนสามล็อตและอีก 3,050 หมายเลข
ล็อตแรกมีทั้งหมด 50 นำหน้าด้วยอักษร F ในขณะที่ 1,000 ในล็อตสองนำหน้าด้วยอักษร S ส่วนล็อตสามมีทั้งหมด 2,000 นำหน้าด้วยอักษร T
หมายเลข 277 ถือเป็นหนึ่งในผลผลิตอันล้มเหลว
ทว่าหมายเลข 277 ก็ไม่ได้หดหู่ใจแต่อย่างใด เพราะในบรรดาตัวทดลอง 3,050 ตัว ทุกคนก็ถือว่าล้มเหลวเหมือนกันหมด
นาน ๆ ครั้ง ผ่านแคปซูลแก้วใสนี้ เธอจะได้ยินนักวิจัยเสื้อโค้ตสีขาวพร่ำบ่นเมื่อเดินผ่านไป
“การทดลองนี่เริ่มเข้มข้นจนพวกเราต้องเก็บข้อมูลตั้งแต่เช้าจรดค่ำแล้วนะ เบื้องบนดูจะไม่มอบงบวิจัยเพิ่มอีก การทดลองนี่ก็ดูไม่คืบหน้าเอาซะเลยให้ตายสิ
“เฮ้อ… แล้วพวกเราดันทำได้แค่อุดอู้ในห้องแล็บนี่ เพราะกฎป้องกันการแพร่งพรายอีก เบื่อจะตายแล้วเนี่ย”
เพื่อนร่วมงานด้านข้างถามขึ้น “ไม่คืบหน้าจริงดิ? ฉันเพิ่งจัดแจงข้อมูลความสัมพันธ์กับอีเธอร์ไปเอง ไม่ใช่ว่ามันทะลุ 200% แล้วหรือไง?”
นักวิจัยคนนั้นใช้ข้อนิ้วเคาะไปยังภาชนะแก้วพลางเหลือบมองเงาพร่าเลือนข้างในของเหลว “อืม… เจ้านี่แหละที่เป็นตัวทดลองที่ดีที่สุดแถมยังมีความสัมพันธ์กับอีเธอร์สูงถึง 200% แต่นะ ความเข้มข้นของศิลานักปราชญ์ในร่างกายกับเลือดมันสูงไปน่ะสิ เธอก็เลยมีชีวิตอยู่ได้แค่ปีเดียวเท่านั้นแหละ”
“ปีนึง… ผ่านไปปีนึงแล้วจะเกิดอะไรขึ้นล่ะ”
ตูม!
นักวิจัยคนแรกทำไม้ทำมือท่าทางระเบิดให้ดู แล้วอธิบายกลั้วหัวเราะ “พลังของศิลานักปราชญ์น่ะทดแทนกันไม่ได้ และความสัมพันธ์กับอีเธอร์จะค่อย ๆ หายไป สุดท้ายแล้วพวกตัวทดลองนี่จะควบคุมการไหลเวียนของอีเธอร์ไม่ได้ แล้วก็จะตัวพองเป็นลูกโป่ง… นั่นแหละสาเหตุว่าทำไมล็อตนี้ถึงต้องรีบถูกทำลายเมื่อล็อตถัดมาผลลัพธ์ออกแล้ว
“ไม่กี่วันนี้แหละ ตัวทดลองล็อตแรกก็จะถูกทำลายละ”
ดังนั้นหมายเลข 227 จึงรู้ว่าเธอมีชีวิตอยู่ได้แค่ปีเดียว
แก้วและของเหลวคือสองสิ่งคั่นกลางซึ่งทำให้ทุกอย่างดูบิดเบี้ยวไปหมด ไม่ว่าจะเป็นผู้คนเดินผ่านไปมาหรือแม้แต่แสงกะพริบของไฟ
วันคืนผันผ่าน…
แสงไฟในห้องทดลองทั้งหมดถูกดับลงนอกจากแสงแฟลชเพื่อบอกเส้นทาง และพื้นที่รอบด้านก็เงียบลงไป หมายเลข 277 เอื้อมมือไปแตะผนังแคปซูล
นิ้วเรียวบางของเธอเอื้อมมือไปแตะภาพสะท้อนจาง ๆ จากแก้วโปร่งใส มันได้สร้างรอยนิ้วเป็นวงรีเอาไว้… เธอไม่มีรอยนิ้วมือ
ความแข็งและเย็นเฉียบของแก้วนั้นช่างดูราวกับนิยาย ไม่เหมือนกับความรู้สึกของของเหลวไหลเวียนและเข็มฉีดยาฉีดเข้ามาในตัวเลยสักนิด
หมายเลข 277 พลันบังเกิดความอยากรู้อยากเห็นและได้โน้มตัวพิงเข้ากับกระจก กวาดตามองทุกสิ่งเบื้องหน้าอย่างระมัดระวัง และพบว่าทุกอย่างเบื้องนอกนั้นเต็มไปด้วยสิ่งของอันหลากหลายและปริศนามากมาย
ผ่านไปสักพักเธอก็ดึงตัวเองกลับมา แก้วนี้ไม่อาจทนเรี่ยวแรงของเธอได้ และเริ่มจะส่งเสียงแหลมเมื่อใกล้สู่จุดแตกร้าว
ตั้งแต่วันนั้น หมายเลข 277 ก็เริ่มโหยหาราตรีกาล
เธอเห็นรายละเอียดหลายอย่างที่ตนไม่เคยเห็นมาก่อนพร้อมกับความคิดทั้งหลายต่างผุดขึ้นมาในหัว โสตประสาทและสายตาอันแหลมคมทำให้เธอเข้าถึงข้อมูลที่ต้องการได้ทันที
เธอรู้ตั้งแต่เวรตรวจตราไปจนถึงเวลาเปลี่ยนกะพนักงานในห้องทดลอง ผ่านเศษเสี้ยวข้อมูลที่หยิบมาจากการฟังบทสนทนา เธอก็รับรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นในห้องทดลองและโรงงานอื่นไปจนถึงรู้แผนที่ของเครื่องลูปทั้งหมด
เธอเองก็รู้…
ใครบางคนจะเริ่มแผนคืนนี้
เขาเป็นหนึ่งในนักวิชาการ หัวเราะร่ากับพวกเขาพลางแทรกแซงศิลานักปราชญ์ซึ่งระเบิดขึ้นแทบจะทันทีหลังจากนั้น
เสียงระเบิดตูมทำให้ทั้งอาคารสั่นไหวพร้อมกับเปลวเพลิงโหมกลืนทุกสิ่ง แคปซูลแก้วทั้งหมดในห้องแล็บแตกกระจายด้วยแรงระเบิดหลังจากนั้น ส่งผลให้เศษแก้วพุ่งไปทั่วทิศทาง
ตัวการได้รวบรวมแคปซูลที่ต้องการและเร่งรุดจากไป
หมายเลข 277 ลุกขึ้นมาจากพื้นพลางมองไปรอบตัวเธอ
ไฟโหมกระหน่ำไม่หยุด ความร้อนทำให้ปลายเส้นผมของเธอบิดงอ เธอสำลักและสั่นระริกเมื่อสัมผัสได้ถึงความเจ็บปวดอันรุนแรงที่ไม่เคยสัมผัสมาก่อนแล่นไปทั่วร่าง พร้อมกันนั้นก็ทำให้หัวใจของเธอเต้นไม่เป็นส่ำไปด้วย
เธอโซซัดโซเซไปข้างหน้า ร่างกายของเธอเปียกโชกไม่หยุด เรือนผมยาวประมาณเอวคลอเคลียไปทั่วตัว
เธอก้มลงมองสองมือ รวบรวมพลังอีเธอร์เพื่อทำให้ตัวเองแห้งลง แล้วจึงหยิบเสื้อและเข็มจากหนึ่งในศพนั้น
ฉ่า…
เธอล้มลงไปนอนพลางจ้องมองเพดานที่ใกล้ถล่มลงมาเต็มทน หลังจากนั้นจึงพลิกตัวไปนอนตะแคง ขดตัว แล้วเริ่มนับในใจ
หนึ่ง
สอง
สาม
โครม!
หน่วยติดอาวุธพังประตูเข้ามา
—
สายลมเย็นชื้นพัดผ่านใบหูของหมายเลข 277
กลิ่นคาวเลือดในอากาศถือว่าหนา แต่คนส่วนใหญ่คงรับรู้ได้แต่กลิ่นดินปะปนกับฝนและกลิ่นอื่นมากกว่า
เสื้อโค้ตสีขาวปลิวไสวไปตามแรงลมเมื่อเธอกระโดดโลดเต้นไปทั่วเมืองใหญ่นี้ ในขณะเดียวกันก็หลีกเลี่ยงผู้คนไปด้วยราวกับแมวที่ระมัดระวังตัว
แต่ท่ามกลางถนนอันอลหม่านทว่าเงียบงันนี้ หมายเลข 227 ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกหลงทาง และในขณะเดียวกัน อุณหภูมิร่างกายของเธอก็พุ่งขึ้นสูง
แสงระยิบระยับอันอ่อนโยนในถนนมืดมิดนี้ทำให้เธอหยุดฝีเท้าลง
ฟู่วว…
หมายเลข 227 กระโดดลงมาจากหลังคา
ร่างกายของเธอโงนเงน สายตาเองก็เริ่มจะพร่าเลือน ทันใดนั้นเองเธอก็รู้สึกเหมือนกับเห็นแผลตัดลึกบนหน้าอกของตน
ร่างกายของเธอยังต้องการการฉีดยาเหลวยังชีพเพื่อให้ร่างกายเสถียร แม้ว่าจะสามารถเดินเตร่ด้วยตัวเองได้ แต่อย่างไรก็ต้องใช้เวลา…
ก่อนที่หมายเลข 227 จะหยุดคิด คลองสายตาของเธอก็มืดสนิท และสติสัมปชัญญะทั้งมวลก็ดับลง
—
หลินเจี๋ยตื่นขึ้นมากลางดึกเนื่องจากแดนนิมิตขาดช่วงไป เขาลุกขึ้นมานั่งบนเตียงและมองไปยังดาบบนโต๊ะด้านข้าง
“แคนเดลา…”
หลินเจี๋ยคลึงหว่างคิ้วตัวเองก่อนลงจากเตียง ความฝันยังคงเป็นภาพจำเห็นชัดอยู่ในความคิด
เมื่อมือของเขาได้สัมผัสเข้ากับดาบซึ่งแทงเข้าไปในอกของแคนเดลา หลินเจี๋ยถึงกับจินตนาการช่วงเวลาชีวิตของแคนเดลาทั้งหมดในเวลาอันสั้น
การมองดาบเล่มนี้ในตอนนี้ทำให้หลินเจี๋ยรู้สึกคุ้นเคยอย่างบอกไม่ถูก
“ยังไม่ตื่นดีมั้งเนี่ยฉัน ไปล้างหน้าดีกว่า”
หลังจากล้างหน้าในห้องน้ำเสร็จ หลินเจี๋ยถึงตระหนักได้ว่าฝนหยุดตกไปแล้ว ทว่าข้างนอกหน้าต่างดูจะมีประกายเพลิงเช่นเดียวกับความวุ่นวายจากที่ไกล ๆ อยู่
หลินเจี๋ยรู้สึกว่าตนอดทนกับสภาพอากาศอันย่ำแย่ของเดือนนี้มามากพอแล้ว จึงสาวเท้าลงบันไดไปเปิดประตูด้วยความสนเท่ห์เล็กน้อย
อากาศเย็นสดชื่นหลังฝนหยุดโชยเข้ามา ทำให้ร่างกายของเขารู้สึกจั๊กจี้
ฝนหยุดตกแล้วจริง ๆ มีเพียงน้ำท่วมขังอยู่ข้างถนนซึ่งสั่นไหวไปตามแรงลมก็เท่านั้น
หลินเจี๋ยสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ แล้วรู้สึกสดชื่นนัก
ดูระยะไกลนั่นจะมีอัคคีภัยอยู่ ควันหนาลอยโขมงขึ้นฟ้า และตึกสูงก็ถล่มลงมาเสียงดัง ทำให้ผืนดินสั่นไหวเล็กน้อย
“เอ๋?”
ตอนที่เขากำลังคิดจะออกไปดูดี ๆ ก็ดันเหลือบไปเห็นคนนอนแหมะอยู่กับพื้นใกล้เคียงเข้าเสียก่อน พร้อมกับรอยเลือดเปรอะเปื้อนบนเสื้อโค้ตของเธอ