เจ้าชายปีศาจไปสถานศึกษา - ตอนที่ 6
The Demon Prince goes to the Academy
ตอนที่ 6
บางทีอาจเป็นเพราะความน่าเชื่อถือที่มาพร้อมกับเสื้อผ้าที่ฉันใส่หรือท่าทางที่เร่งรีบของฉัน เจ้าหน้าที่นิรนามจึงพาฉันขึ้นม้าทันทีโดยไม่พูดอะไร
ในขั้นต้น ที่นี่เป็นกองทหารรักษาการณ์ ดังนั้นมันจึงอยู่ค่อนข้างห่างจากปราสาทของราชาปีศาจ
เรื่องเป็นอย่างนี้ได้ยังไง? ฉันพยายามอย่างหนักเพื่อออกจากที่นั่นเมื่อไม่นานมานี้ และตอนนี้ฉันก็ต้องรีบกลับไปที่นั่นอีกแล้ว
ฉันไม่เคยขี่ม้ามาก่อน แต่เจ้าหน้าที่ที่นั่งอยู่ข้างหลังฉันจับร่างฉันไว้แน่น ดังนั้นฉันจึงพอทนแรงสั่นไหวได้บ้าง
“ช่วยบอกรายละเอียดไม่ได้เหรอ? ปราสาทก็ถูกยึดไปแล้ว ทำไมชีวิตของอัศวินถึงตกอยู่ในอันตรายอีกล่ะ!?”
ฉันไม่รู้ว่าคนๆ นี้เป็นหนึ่งในคนของเบอร์ทัสหรือเปล่า แต่ผู้ชายคนนี้ยังหนุ่มมาก
เส้นสายสกปรกของเบอร์ทัสมันลามลงไปถึงระดับนายทหารชั้นผู้น้อยรึเปล่านะ?
ฉันคิดอยู่ครู่หนึ่ง แต่ผู้ชายคนนี้กำลังช่วยฉันอยู่น่ะนะ
“ฉันจะบอกคุณเมื่อเราพบเซอร์ฟรานซิส!”
“เข้าใจแล้ว!”
ฉันไม่ต้องเกลี้ยกล่อมเขาอีกแล้ว เพราะตอนนี้เขายังคงช่วยเหลือฉันอยู่ อาจเป็นเพราะนี่เป็นครั้งแรกที่ฉันขี่ม้า สะโพกของฉันรู้สึกเหมือนกำลังจะหัก แต่นี่ไม่ใช่เวลาที่จะมาสนใจอะไรแบบนั้น
ปราสาทของราชาปีศาจนั้นยุ่งเหยิงจากสงครามครั้งนี้ และในบริเวณที่ราบโดยรอบ ปีศาจที่ดูเหมือนว่าจะถูกจับไปเป็นเชลยถูกลากไปตามทางดูเหมือนปลาตากแห้งที่ร้อยเชือกรวมกันไว้
ไม่ใช่ทุกคนที่ตาย ปีศาจบางตัวยอมจำนนและกลายเป็นเชลย
ฉันรู้สึกโล่งใจที่ไม่ได้ตายทั้งหมด แต่ในขณะเดียวกันก็รู้สึกผิดที่ทรยศพวกเขาทั้งๆ ที่เป็นเจ้าชายของพวกเขาแท้
“จะเกิดอะไรขึ้นกับปีศาจพวกนั้น?”
แม้ว่าสถานการณ์จะเร่งด่วน แต่ฉันก็ได้ลองถามออกไป
“ถ้าเป็นสงครามระหว่างมนุษย์ เราจะเรียกค่าไถ่พวกเขา แต่พวกเขาคือปีศาจ”
เขาพูดเหมือนฉันถามอะไรแปลกๆ
“ตอนนี้เราจับพวกเขาเข้าคุก แต่เราจะทำอะไรได้อีกล่ะนอกจากฆ่าพวกเขา”
การเจรจาไม่มีความหมายเพราะต่างเผ่าพันธุ์กัน สิ่งนี้เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะเดิมทีเป็นสงครามทำลายล้าง เป็นเรื่องธรรมดาที่พวกเขาพยายามทำลายเมล็ดทั้งหมดก่อนที่มันจะเติบโต
มันทำให้ใจฉันหนักอึ้ง แม้ว่าฉันจะเป็นคนธรรมดาที่เพิ่งเข้าไปในร่างของเจ้าชายปีศาจ แต่ฉันก็สลัดความรู้สึกผิดนี้ออกไปไม่ได้ง่ายๆ
เจ้าหน้าที่และฉันรีบผ่านขบวนนักโทษที่ไม่มีที่สิ้นสุด
* * *
กำแพงที่ถูกทำลายเปิดกว้าง จะที่ไหนก็เต็มไปด้วยศพจำนวนมาก แค่เห็นศพปีศาจกับศพมนุษย์เรียงกันก็สยองแล้ว
“ไม่ใช่สิ่งที่เด็กควรเห็น”
เขาแสดงความเมตตาต่อฉันด้วยการปิดตาของฉันในขณะที่เขาขี่ม้าเพราะเขาถือว่าฉันเป็นเด็ก
ฉันไม่สามารถบอกได้ว่ามีมนุษย์และปีศาจจำนวนเท่าใดที่ตายไป เราผ่านประตูที่ถูกทำลาย รถม้าหลายคันจอดเรียงรายอยู่ข้างหน้า
พวกเขายังคงขนวัสดุที่พบในปราสาทของราชาปีศาจต่อไป
อาณาจักรปีศาจถูกทำลายในสงครามโลกปีศาจครั้งนี้ ในที่สุดความขัดแย้งที่ยืดเยื้อยาวนานก็ได้รับการแก้ไขโดยมนุษย์ในที่สุด..
แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือสินสงคราม
ทุกประเทศที่เข้าร่วมในสงครมโลกปีศาจจะได้รับความมั่งคั่งมหาศาลจากการขายสินค้าในอาณาจักรปีศาจ จึงถูกกำหนดให้ยุคทองอันยาวนานของแผ่นดินมนุษย์เริ่มต้นขึ้น ว่ากันว่าพวกเขาได้รับช่วงเวลาสงบสุขที่ยาวนานเพื่อแลกกับเลือดทั้งหมดที่สูญเสียไป
อย่างไรก็ตาม ฉันไม่เคยนึกเลยว่าจะได้เห็นฉากนี้จากมุมมองของปีศาจ ในท้ายที่สุด ราวกับว่าพวกเขาถือว่าสงครามเป็นเพียงเหตุผลง่ายๆ ในการปล้นสะดม กองกำลังทหารจำนวนมากเข้ากวาดล้างทรัพย์สินทั้งหมดของปราสาทราชาปีศาจ
เกวียนที่เต็มไปด้วยเสบียงยังคงออกจากพื้นที่อย่างต่อเนื่องและเกวียนเปล่าก็เข้ามาแทนที่ เจ้าหน้าที่พาฉันไปที่ฐานบัญชาการภายในปราสาทที่พวกเขาทำการขนส่งและปฏิบัติการค้นหา
นายทหารถวายคำนับให้ดูเหมือนเป็นผู้บังคับบัญชา
“ผมร้อยโทไดรัส ผู้บัญชาการหมวดที่ 3 กองร้อยที่ 11 กรมทหารม้าที่ 4 กองพลที่ 1!”
เขาตะโกนชื่ออย่างเป็นทางการด้วยใบหน้าที่แข็งทื่อ ร้อยโทไดรัส ฉันได้รู้ชื่อของเขา เขาอยู่ในกองทหารม้า ดังนั้นเขาจึงขี่ม้าได้ดีแม้ว่าฉันจะติดมาด้วยก็ตาม
ผู้บัญชาการที่อยู่ตรงข้ามกับเขาดูเหมือนจะไม่รู้ว่าเขาเป็นใคร เป็นตามที่คาด จากตำแหน่งของเขาน่าจะต่ำกว่าผู้บัญชาการ
“มีอะไร?”
เจ้าหน้าที่ซึ่งดูเหมือนจะเป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูงมากขมวดคิ้วในขณะที่เขามองสลับกันระหว่างฉันกับเจ้าหน้าที่ชั้นผู้น้อย ดูเหมือนว่าเขาเตรียมที่จะตำหนิเขาอย่างรุนแรงหากเขาไม่สามารถให้คำอธิบายที่เหมาะสมว่าทำไมเขาถึงพาคนที่ไม่ได้เป็นทหารมาที่นี่
“ผมพาเด็กคนนี้มาที่นี่เพราะเขาบอกว่าเขาต้องส่งข้อความด่วนจากผู้บัญชาการทหารสูงสุดถึงเซอร์ฟรานซิส ฉันคิดว่ามันเป็นความลับ ฉันเลยไม่ได้ถามเขาว่ามันคืออะไร”
“หืม?”
เมื่อเห็นคำโกหกเล็ก ๆ ของฉันใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ ฉันรู้สึกเย็นวาบไปทั่วสันหลัง แต่เขาไม่ได้ถามว่าทำไมผู้บังคับบัญชาถึงส่งข้อความด่วนผ่านคนอย่างฉัน
“อา….”
ใบหน้าของเขาแข็งทื่อเล็กน้อย ดูเหมือนเขาจะรู้อะไรบางอย่าง
“เซอร์ฟรานซิส…. ฉันเพิ่งได้รับรายงานว่าเขาถูกฆ่าตายในการต่อสู้กับหนึ่งในปีศาจที่เหลืออยู่ระหว่างการตรวจค้นปราสาท..”
เบอร์ทัสเริ่มลงมือ ไม่ใช่แค่ฉันเท่านั้น แต่สีหน้าของร้อยโทไดรัสก็ย่ำแย่เช่นกัน
“ข้อความนี้เป็นสิ่งที่ฉันควรรู้รึเปล่า”
“มะ ไม่! ฉันตั้งใจจะส่งมันให้เซอร์ฟรานซิสโดยตรงเท่านั้น!”
“ช่างน่าเสียดาย ปีศาจบ้าพวกนั้นควรจะตาย ตายไปซะให้หมด”
สีหน้าของผู้บัญชาการดูเคร่งขรึม บางทีอาจเป็นเพราะเขาคิดว่าเขาสูญเสียอัศวินผู้ยิ่งใหญ่ให้กับปีศาจ
ไม่สิ เขาถูกฆ่าโดยมนุษย์และไม่ใช่ปีศาจอย่างแน่นอน
“ท่านครับ นี่ไม่ใช่สถานที่สำหรับเด็กเช่นเขา ผมขอตัวพาเขากลับก่อนนะครับ”
“ได้!”
โชคดีที่ผู้บัญชาการไม่ได้ซักถามฉันเกี่ยวกับข้อความหรือตัวตนของฉัน ดูเหมือนว่าเขาจะหมกมุ่นอยู่กับการตรวจปราสาทเต็มรูปแบบนี้มากเกินไป
หลังจากออกจากฐานบัญชาการแล้ว ร้อยโทไดรัสก็คว้าไหล่ฉันไว้
“มันเกิดขึ้นได้ยังไง? ผู้บัญชาการทหารสูงสุดรู้ได้ยังไงว่าเซอร์ฟรานซิสกำลังตกอยู่ในอันตราย”
ฉันบอกว่าชีวิตของเซอร์ฟรานซิสกำลังตกอยู่ในอันตราย และเขาเสียชีวิตแล้วจริงๆ ฉันมองร้อยโทที่อยู่ตรงหน้าฉัน เห็นได้ชัดว่าเขามีอำนาจน้อยมากที่นี่
อย่างไรก็ตาม ตอนนี้เซอร์ฟรานซิสถูกฆ่าตายแล้ว ฉันต้องการใครสักคนมาช่วยฉัน
“มันไม่ใช่ผู้บัญชาการทหารสูงสุด”
“ว่าไงนะ?”
หวังจะไม่คิดผิดที่จะพึ่งเขาคนนี้
“องค์หญิงส่งฉันมา”
ฉันบอกความจริงแก่เขา
* * *
ฉันอธิบายเรื่องราวทั้งหมดให้เขาฟังในพื้นที่เปลี่ยวของปราสาทซึ่งไม่มีทหารผ่านไปมา ผมเริ่มจากจุดที่เจ้าหญิงยังถูกคุมขังและได้รับการช่วยเหลือ
“เซอร์ฟรานซิสถูกคนในกองทัพของเราฆ่า ไม่ใช่ปีศาจเหรอ?”
“อาจจะใช่….”
“ชิ ฉันนึกไม่ออกเลยว่ามันจะต้องเจ็บปวดขนาดไหน แต่พวกเขาพยายามที่จะทำร้ายองค์หญิงทันทีที่เธอได้รับการช่วยเหลือ?”
เขากัดฟันแน่น ดูเหมือนจะตกใจเมื่อได้ยินว่ามีคนวางแผนเช่นนั้น
“ถ้าอย่างนั้นคุณก็พยายามช่วยเจ้าหญิงใช่ไหม”
“ใช่”
“เอาล่ะ ผมชื่นชมในความกล้าหาญของคุณ”
เขาตบไหล่ฉันราวกับว่าเขาภูมิใจในตัวฉันที่พยายามช่วยเจ้าหญิงแม้ว่าฉันจะไร้เรี่ยวแรงก็ตาม จากนั้นเขาก็รู้สึกทึ่งกับข้อเท็จจริงที่ว่ามีการต่อสู้ลับๆ เกิดขึ้นกับภายในฝ่ายพวกเขา หลังจากที่พวกเขาได้รับชัยชนะ
“ผมจะไม่ปล่อยให้สิ่งนั้นเกิดขึ้นได้เด็ดขาด ผมก็จะเป็นพลังของเจ้าหญิงเหมือนกัน”
แม้แต่ในสถานที่นี้ที่มีสายตามากมาย พันธมิตรก็ยังถูกฆ่าได้ นั่นหมายความว่าคนของเบอร์ทัสกระจายไปทั่วกองทัพจักรวรรดิแทบทั้งหมดแล้ว
“ผมต้องไปหาเธอให้เร็วที่สุด ฉันไม่เก่งเท่าเซอร์ฟรานซิส แต่แค่กำลังมีเพิ่มอีกหนึ่งก็ยังดีกว่าไม่มี”
“ใช่แล้ว”
โชคดีที่ไดรัสดูเหมือนจะมีความยุติธรรมสูงและไม่สามารถปล่อยผ่านเรื่องนี้ไปได้ ฉันไม่ได้บอกอะไรเขาเหมือนเขาต้องเสี่ยงชีวิต ดูเหมือนเขาจะคิดว่ามันเป็นเรื่องธรรมดาที่จะสละชีวิตของเขาหากนั่นหมายความว่าเขาสามารถปกป้องเธอได้
ในตอนที่เขากำลังจะออกไปให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ ฉันก็มีความคิดแวบเข้ามาในหัว
“ร้อยโท เดี๋ยวก่อน”
“มีอะไร? ฉันต้องรีบกลับ”
ฉันชี้ไปที่รถเก็บของจำนวนมาก
“ตอนนี้มีวิธีที่จะปกป้องเจ้าหญิงได้แล้ว”
ใช่ ฉันกล้าที่จะกลับไปที่ปราสาทของราชาปีศาจ
“นี่คือปราสาทของราชาปีศาจ”
“ใช่ แล้วมันยังไง”
“ฉันเห็นว่ามีห้องเก็บอุปกรณ์เวทมนตร์อยู่ตอนที่ฉันได้รับการช่วยเหลือ”
มาไกลขนาดนี้แล้วจะกลับไปมือเปล่าไม่ได้
“ทำไมเราไม่มองหาม้วนคัมภีร์เทเลพอร์ตที่นั่นล่ะ?”
ไม่สามารถใช้ม้วนเทเลพอร์ตที่นี่ได้ แต่เห็นได้ชัดว่ามันใช้งานได้ในกองกำลังทหารรักษาการณ์
เมื่อใช้คาถานั้น เจ้าหญิงอาจถูกพาออกจากสถานที่อันตรายนี้ทันที ฉันหวังว่าคลังเก็บคัมภีร์ยังไม่ถูกปล้นสะดม
ถ้าเป็นเช่นนั้น แสดงว่าม้วนกระดาษเทเลพอร์ตที่ฉันพยายามใช้ยังคงอยู่ที่นั่น
เราไม่สามารถขอให้พ่อมดเทเลพอร์ตเราได้ พวกเขาคงจะดักจับเราแน่
ไดรัสดูลังเล เขาดูสงสัยว่ามันเป็นทางเลือกที่ถูกต้องหรือไม่ที่จะไปหาคัมภีร์เทเลพอร์ตที่อาจจะมีหรือไม่มีก็ได้
อย่างไรก็ตาม ฉันรู้ตำแหน่งของม้วนกระดาษเทเลพอร์ต เมื่อได้มันมาก็ออกเดินทางได้ทันที
“ให้ตายเถอะ ไม่เป็นไร เห็นได้ชัดว่าผมคงช่วยอะไรไม่ได้มากแม้ว่าผมอยู่กับเจ้าหญิงก็ตาม…”
เขาพยักหน้าราวกับว่าเขายอมรับขีดจำกัดของความสามารถของเขา ฉันยังไม่แน่นอนเกี่ยวกับแผนผังของปราสาทราชาปีศาจ แต่ฉันจำบางสิ่งได้เมื่อฉันออกจากคุก ไม่มีใครหยุดเนื่องจากมีทหารจำนวนมากเข้าและออกจากปราสาท
“ทางนี้ครับ”
บางคนดูงุนงงที่ฉันเดินไปมาโดยไม่มีอาวุธ แต่ฉันไม่สามารถอธิบายเรื่องนี้ให้แต่ละคนฟังได้
โชคดีที่ฉันสามารถนึกกลับไปได้คร่าวๆ ว่าอยู่ที่ไหน
ปราสาทของราชาปีศาจนั้นกว้างขวางมากและคุกที่ฉันอยู่และที่เก็บไอเท็มเวทมนตร์ก็ตั้งอยู่ลึกเข้าไปข้างใน ดังนั้นจึงมีโอกาสมากที่ยังไม่ถูกปล้น
“นี่มันใหญ่โตจนน่าขัน!”
ในที่สุดฉันก็เหนื่อยและจบลงด้วยการขี่หลังเขา ฉันค้นหาในความทรงจำของฉันและชี้ทิศทางที่ฉันจำได้ โชคดีที่เราไปถึงได้โดยไม่หลงทาง
“มันยังอยู่ดี!”
โชคดีที่มันยังอยู่ในสภาพดี ดูเหมือนว่ายังไม่มีใครมาที่นี่
“…มันดูไม่ดีสำหรับผมน่ะสิ ผมคิดว่ามีคนอยู่ที่นี่แล้วนะรู้มั้ย”
โอ้
นั้นมันดีเฉพาะทางฉัน
“อา …… ฉันหมายความว่าม้วนหนังสือยังดูดีอยู่เลย!”
“โอเค หามันกันเถอะ”
ฉันหยิบม้วนเทเลพอร์ตที่กระจายอยู่บนพื้นขึ้นมาทันที
“เจอแล้ว!”
“เจอแล้ว?”
“ใช่ ดูสิ”
ชื่อของเวทมนตร์ที่อยู่ในม้วนกระดาษนั้นเขียนเป็นภาษาทั่วไป ดังนั้นเขาจึงไม่ถามฉันว่าฉันหามันเจอได้อย่างไร ถ้ามันเขียนเป็นภาษาปีศาจ เขาจะต้องสงสัยฉันแน่ๆ ฉันรู้สองภาษาที่ฉันไม่เคยรู้มาก่อน มันเหมือนกับกลโกงหลักที่ผู้คนได้รับเมื่อพวกเขาถูกส่งไปยังอีกโลกหนึ่ง
ฉันผนึกคัมภีร์ที่ยังไม่ถูกเปิดอีกครั้ง แน่นอนว่าการเทเลพอร์ตจะใช้ได้กับคนเพียงคนเดียว ฉันไม่รู้ว่ามีคัมภีร์เทเลพอร์ตจำนวนมากหรือไม่ แต่ฉันต้องหาคัมภีร์เพิ่มเติม
ไม่ใช่แค่ชาร์ลอตต์ ฉันต้องพาตัวเองออกไปจากที่นี่ด้วย และบางทีไดรัสก็เช่นกัน เพราะเขาเองก็กำลังตกอยู่ในอันตรายเช่นกัน
“ฉันต้องการอีกสองสาม เราไม่รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้น เราควรจะได้คัมภีร์ที่อาจช่วยเราได้เช่นกัน”
“เจ้าหนู รับนี่ไป”
“น่ะ นี่คือ…?”
“หนังสือคัมภีร์เวทมนตร์ นี่เป็นครั้งแรกที่คุณเห็นมันหรอ? เอ้านี่”
เขายื่นหนังสือเปล่าให้ฉัน
“มะ ไม่ นั่นไม่ใช่ ฉันรู้ว่านี่คืออะไร”
“ดี มาใช้มันกันเถอะ”
ฉันรู้ว่ามัรคืออะไร มันไม่ใช่แม้แต่ของวิเศษ แค่หนังสือหนึ่งเล่มก็สามารถใส่ม้วนกระดาษและจัดระเบียบมันในแบบที่สามารถดึงหน้าที่ต้องการออกมาได้ทุกเมื่อที่ต้องการ
มันเป็นวัตถุที่ใช้โดยผู้ที่ไม่ใช่พ่อมด แต่ก็ยังจำเป็นต้องใช้เวทมนตร์ในการต่อสู้ เนื่องจากเป็นสิ่วที่ฉันคิดขึ้นมา ไม่มีทางที่ฉันจะไม่รู้เรื่องนี้ ยังไงก็ตาม มันรู้สึกแปลกมากจริงๆ ที่ถือของที่ฉันจินตนาการไว้ในมือตัวเอง
ยังดีที่ฉันไม่ต้องหอบคัมภีร์พวกนี้ใส่กระเป๋า ฉันเริ่มเติมเวทมนตร์ที่มีประโยชน์ใส่ในหนังสือ ในขณะที่ไดรัสพบหนังสืออีกเล่มหนึ่ง เขาก็เติมมันด้วยคัมภีร์เวทมนตร์เช่นกัน
“ปราสาทของราชาปีศาจนั้นน่าทึ่งมาก ฉันได้ยินมาว่าแม้แต่คัมภีร์ระดับต่ำก็ยังแพงกว่าเงินเดือนของฉันด้วยซ้ำ”
ดูเหมือนเขาจะชื่นชมคัมภีร์เวทมนตร์ที่มีอยู่มากมาย
“ฉันได้ยินมาว่าพวกเขาใช้ม้วนคัมภีร์ในสงครามนี้ไปเกือบหมดแล้ว แต่ถ้าเราเอาทั้งหมดที่นี่ มันก็มากเกินพอที่จะชดเชยม้วนคัมภีร์ระดับล่างที่เราเคยใช้”
ไดรัสคุ้ยม้วนกระดาษในขณะที่พูดแบบนั้น
ไม่มีคาถาโจมตีแบบ aoe แต่เรากวาดล้างม้วนกระดาษทั้งหมดที่อาจเป็นประโยชน์กับเรา ก่อนหน้านี้ฉันไม่สามารถนำมันไปด้วยได้เพราะต้องทิ้งทุกอย่าง แต่ตอนนี้ฉันสามารถเก็บมันได้แล้ว
ม้วนที่มีประโยชน์เอาไปกับฉัน
จากนั้นฉันก็เบิกตากว้างเมื่อค้นพบอย่างกะทันหัน
“เดี๋ยว!”
“มีอะไร?”
[เทเลพอร์ตหมู่]
คาถาเทเลพอร์ตแบบหลายคน
ไม่จำเป็นต้องหาม้วนเทเลพอร์ตเพิ่มเติมอีก
“ไปกันเถอะร้อยโท!”
“ใช่ รีบไปกันเถอะ”
จากนั้นทันทีที่เราก้าวออกจากประตูเราก็อดไม่ได้ที่จะแข็งทื่อ
“ฮะ?”
“ฮะ.”
สายตาของเราก็พบกับทหารคนหนึ่งซึ่งกำลังถือห่อบางอย่างอยู่
ไม่ ถ้าลองคิดดู เราจะไม่ถูกมองว่าเป็นคนที่เอาทรัพย์สินที่ควรเป็นของกองทัพไปโดยพลการหรือ? แน่นอนว่ามันเป็นความผิดทางอาญาที่จะขโมยของโดยไม่ได้รับอนุญาต
เกิดอะไรขึ้นถ้าพวกเขาไม่ยอมปล่อยเราไป?
ไดรัส ฉันและทหารมองหน้ากันเงียบๆ
เขากัดฟันแน่น บางทีเขาอาจเตรียมพร้อมสำหรับสถานการณ์ที่รุนแรงนี้
เมื่อต้องเผชิญกับภารกิจใหม่ของเขาในการปกป้องเจ้าหญิง ดูเหมือนเขาจะเตรียมพร้อมที่จะทำอะไรก็ได้ แม้ว่านั่นจะหมายถึงการต้องปราบพันธมิตรของตัวเองทันที
“นี่ ร้อยโท”
ทหารคนนั้นเปิดปากของเขาอย่างระมัดระวังหลังจากตรวจสอบตำแหน่งของไดรัส
“เราต่างคนต่างทำเป็นไม่เห็นอีกฝ่ายดีมั้ย”
…..… คุณก็ขโมยเหมือนกัน?