เจ้าวายร้ายทั้งสาม มาให้แม่เลี้ยงอย่างข้ากล่อมเกลาเสียดีๆ - บทที่ 109 เหลืออด
บทที่ 109 เหลืออด
วันนี้เป็นวันที่เว่ยฉิงหยุดพักผ่อนที่บ้าน ถังหลี่จึงไม่ได้ไปที่เป่าชิงเก๋อเพราะตั้งใจว่าจะใช้เวลาในวันหยุดกับสามี ดังนั้นเมื่อคนสกุลขงมาที่บ้าน เว่ยฉิงเองก็อยู่บ้านเช่นกัน
ขงซวนเคาะประตูบ้านสกุลเว่ย เมื่อประตูเปิดออกแล้วเห็นเว่ยฉิงยืนอยู่ เขาถึงกับผวาราวกับหนูเจอแมว ขงซวนรีบวิ่งไปหลบอยู่ด้านหลังบิดาและมารดาทันที ผู้เฒ่าขงวาดรอยยิ้มขึ้นบนใบหน้า
“เว่ยฉิง…วันนี้เจ้าก็อยู่ด้วยหรือ? เสี่ยวเถามาอาศัยอยู่ที่บ้านของพวกเจ้านานหลายวันแล้ว สกุลขงของข้าล้วนขาดนางไม่ได้…วันนี้พวกข้าจึงมารับนางกลับบ้าน” ผู้เฒ่าขงพูดอย่างใจเย็น
“ใช่ เสี่ยวเถาคือลูกสะใภ้สกุลขง แน่นอนว่าต้องอยู่กับสกุลขง เสี่ยวเถานั้นโง่เขลา แต่เราเป็นผู้อาวุโสของนางไม่อาจจะตามใจนางเช่นนั้นได้” นางหยางชะโงกคอเข้าไปด้านในพูดด้วยน้ำเสียงใจดี
“เสี่ยวเถา กลับบ้านเรากันเถอะ”
แท้จริงแล้วในคำพูดนั้น พวกเขาโทษเว่ยฉิงและถังหลี่ ซึ่งเป็นสกุลเดิมของเสี่ยวเถาที่พวกเขาเมินเฉยและไม่ให้ความสำคัญ
เว่ยเสี่ยวเถาไม่ตอบรับอะไรทั้งสิ้น
ร่างสูงใหญ่ของเว่ยฉิงยืนอยู่ที่ประตู เขาแค่กวาดตามองเท่านั้นไม่ได้เอ่ยปากออกมาสักคำ แต่ก็ทำให้ผู้เฒ่าขงและนางหยางรู้สึกผิด เหตุใดพวกเขาถึงได้โชคร้ายเช่นนี้ วันไหนไม่มาดันเลือกมาวันที่เว่ยฉิงอยู่บ้าน…
“เจ้าส่งพี่สาวข้าไปที่เหมือง เห็นชัด ๆ ว่าจงใจส่งนางไปตาย ตอนนี้ยังมีหน้าจะมารับนางอีกหรือ?” ถังหลี่เดินไปอยู่ข้างกายเว่ยฉิง นางมองไปที่คนทั้งสามแล้วพูดออกมาอย่างแข็งกร้าว
“น้องสะใภ้เสี่ยวเถา คนมีเงินเช่นเจ้าไยจะรู้ถึงยากความลำบากของคนจนเช่นเรา หากไม่ทำงานก็อดตายกันทั้งบ้าน เมื่อมีลู่ทางทำมาหากินก็ดีแล้วมิใช่หรือ? ในเมื่อเจ้าไม่คิดจะยื่นมือมาช่วยเหลือ ก็อย่ามาพูดจาเสียดสีกันเช่นนี้เลย เห็นแก่ความเป็นญาติเถอะ” นางหยางแสร้งถอนหายใจ ทักษะการแสดงของนางนั้นดีมากจริง ๆ
“ในเมื่อมีลู่ทางหาเงินเช่นนี้ เหตุใดต้องให้ลูกสะใภ้อย่างนางไปเล่า? เหตุใดไม่ให้บุตรชายของเจ้าไปแทนล่ะ?” ถังหลี่กล่าวด้วยรอยยิ้ม
นางหยางที่ถูกขัดขึ้นก็ไม่อาจเอ่ยปากหาคำมาโต้แย้งกับนางได้ นางลอบมองสามีของตน
“น้องสะใภ้เสี่ยวเถา นางแต่งงานเข้าสกุลขงดังนั้นนางจึงเป็นคนในครอบครัวเรา เสี่ยวเถาเองก็ไม่มีแม้แต่บุตรชายให้ด้วยซ้ำ ทว่าพวกเรายังมีเมตตาต่อนางไม่ได้ให้ลูกชายหย่าขาดนาง เจ้าดูสินี่เป็นสิ่งที่นางตอบแทนบ้านเราหรือ?”
“ดูเหมือนการรับพี่สาวข้าเป็นสะใภ้จะเป็นเรื่องน่าเศร้าของครอบครัวเจ้า” ถังหลี่ยิ้มเยาะ
“จะกล่าวเช่นนั้นได้อย่างไรกัน ในเมื่อเป็นครอบครัวเดียวกันมันก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่ เพียงแค่สามัคคีช่วยเหลือกันก็พอแล้ว” ผู้เฒ่าขงกล่าวต่อ
ถังหลี่อยากจะหัวเราะเยาะความไร้ยางอายของอีกฝ่าย
“เพ่ย! เพราะเช่นนั้นจึงถูกส่งไปทำงานที่เหมืองหรือ?! พวกเจ้าต้องการชีวิตของพี่สาวข้าชัด ๆ” เว่ยฉิงพูดอย่างดุเดือด
สำหรับคนไร้ยางอายเช่นนี้ การคุยด้วยกำปั้นจึงเป็นสิ่งที่ถูกต้องที่สุด
ผู้เฒ่าขงถอยหลังด้วยความตกใจ เขาเข้าไปหลบอยู่หลังภรรยา ตอนนี้จึงเหลือเพียงแค่นางหยางเท่านั้นที่เผชิญหน้ากับเว่ยฉิง
“น้องชายเสี่ยวเถา…อย่าทำเลย…อย่างไรเราก็เป็นครอบครัวเดียวกัน…” นางหยางลอบกลืนน้ำลาย
“ซวนเอ๋อร์ เจ้ารีบไปขอโทษเสี่ยวเถาได้แล้ว!” ผู้เฒ่าขงพูด พลางผลักบุตรชายออกไป
ชายหนุ่มยังคงหวาดกลัวเว่ยฉิง แต่ในสายตาของบิดาเขาทำได้เพียงแค่ยอมออกไปคุกเข่าที่หน้าประตูบ้าน
“เสี่ยวเถา..ภรรยาข้า ข้าผิดไปแล้ว มันคือความผิดของข้าเอง ได้โปรดยกโทษให้ข้าสักครั้งได้หรือไม่? ต่อไปนี้ข้าจะดีกับเจ้าให้มาก” ขงซวนกล่าว
“อาฉิงให้เขาเข้ามาคุยเถอะ” เว่ยเสี่ยวเถากล่าว
เว่ยฉิงขมวดคิ้ว พี่สาวเขาจะใจอ่อนอีกหรือ? พอคิดแล้วก็ให้คันหมัดยุบยิบขึ้นมาทันที
“สามี ให้เขาเข้าไป” ถังหลี่พูดพร้อมจับมือของเว่ยฉิงไว้
เขามีท่าทีอ่อนลง
ขงซวนถูกบิดาผลักออกมา เขารีบเข้าไปหาเว่ยเสี่ยวเถาอย่างรวดเร็วและซ่อนตัวช้างหลังนาง เขาเลิกคิ้วท้าทายเว่ยฉิง ขอแค่มีเว่ยเสี่ยวเถาเท่านั้น เว่ยฉิงจะทำอะไรเขาได้
“เสี่ยวเถาข้ารู้แล้วว่าข้าผิด รีบกลับบ้านกับข้าเถิด สะใภ้ใหญ่ทำอาหารเป็นแล้วต่อไปเจ้าไม่ต้องทำงานบ้านอีก ” เขาทำท่าประจบออดอ้อนนาง
“หมอบอกว่าขาข้าจะพิการเช่นนี้ เจ้าก็จะไม่สนใจหรือ?” เว่ยเสี่ยวเถาถาม ชายหนุ่มมองไปที่ขาของนางอย่างรังเกียจ หากปากก็ยังพูดว่า
“ข้าไม่สน เจ้าคือภรรยาของข้า ไม่ว่าอย่างไรเราก็เป็นครอบครัวเดียวกัน!”
“เงินที่รักษาข้าเป็นของอาฉิงกับน้องสะใภ้ ในเมื่อเราเป็นครอบครัวเดียวกัน เจ้าควรคืนเงินให้อาฉิงไปนะ” เว่ยเสี่ยวเถากล่าวต่อ
เมื่อได้ยินถึงเรื่องเงิน ขงซวนก็ร้อนรนขึ้นมาทันที
“เหตุใดต้องให้เงินเว่ยฉิงเล่า? เขาเป็นน้องชายเจ้า พี่สาวเขาเป็นเช่นนี้ยังจะต้องการเงินจากเจ้าอีกหรือ?”
“ไม่ใช่อาฉิงต้องการ เป็นข้าต่างหากที่อยากให้เขา ต่อให้อาฉิงคือน้องชายข้าแต่เขาก็เป็นคนนอก ในเมื่อเจ้าบอกว่าข้าคือคนในครอบครัวก็คืนเงินเขาเสีย”
“ไม่มีหรอก ครอบครัวเราจะไปเอาเงินจากที่ใด”
“ข้าทำงานในเหมืองสิบวัน วันละห้าร้อยอีแปะก็รวมเป็นเงินห้าตำลึง เงินจำนวนนี้อยู่กับเจ้าใช่หรือไม่?”
“คนในบ้านต้องกินต้องใช้นะ เงินพวกนี้ใช้หมดไปแล้วจะไปเอาจากที่ใดมาให้เล่า” น้ำเสียงของเขาเริ่มแข็งกระด้าง
ริมฝีปากของเว่ยเสี่ยวเถาเผยรอยยิ้มเยาะ
เมื่อขงซวนพูดเช่นนั้น ตอนแรกนางก็รู้สึกกระอักกระอ่วนไม่น้อย สตรีที่หย่าร้างต้องใช้ชีวิตอย่างยากลำบาก เพราะไม่มีสามีให้พึ่งพาแล้ว นางต้องถูกรังแกอย่างง่าย ๆ…
ทว่ายามนี้เว่ยเสี่ยวเถาไม่ใช่สตรีขลาดเขลาเช่นเดิม หลังจากไตร่ตรองดูแล้วความคิดของขงซวนใช่จะดูยาก ครั้งนี้คงจะหว่านล้อมเพราะใกล้เข้าฤดูเก็บเกี่ยว พวกเขาต้องการให้นางกลับไปใช้เเรงงานในทุ่งนา
คนเกียจคร้านอย่างบ้านสกุลขงไม่มีทางลงไปทำนาเป็นแน่!
เว่ยเสี่ยวเถามองไปที่เว่ยฉิงแล้วพูดขึ้นว่า
“อาฉิงข้าไม่ต้องการคืนดีกับสามี แต่เงินห้าตำลึงนี้เป็นของข้า ข้าอยากได้มันคืน”
รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าของชายหนุ่ม
“พี่สาวไม่ต้องกังวล ข้าจะทวงมันให้ท่านเอง” เว่ยฉิงกล่าว
ดวงตาของเว่ยเสี่ยวเถาเป็นประกายวาว อาฉิงไม่ได้เรียกนางว่าพี่สาวมาเป็นเวลานานแล้ว หญิงสาวรู้สึกตื้นตันจนอยากจะร้องไห้ นี่สิ…นี่คือครอบครัวที่แท้จริงของนาง
“ท่านพี่ เขาติดหนี้ท่านมากกว่านั้นนะ โดยเฉพาะขานั่น”
เว่ยฉิงคว้าไม้ที่พิงอยู่ตรงมุมห้องขึ้นมา ดวงตาของเขาเย็นเยียบ ชายหนุ่มจ้องไปที่ขงซวน ทางด้านขงซวนเองเมื่อเห็นเช่นนั้นก็ตกใจจนเข่าอ่อนแทบทรุดลงกับพื้น
“เว่ยฉิง ! นั่นเจ้าจะทำอันใด?” นางหยางรีบวิ่งเข้ามา แต่ก่อนที่นางจะคว้ามือของเว่ยฉิงได้ นางก็ถูกเขาเตะลงไปกองกับพื้น
“ท่านพี่ เขาจะหักขาซวนเอ๋อร์ ท่านช่วยลูกด้วย!” นางหยางหันไปหาผู้เฒ่าขง
ชายชราได้แต่ยืนนิ่งงัน เท้าของเขาสั่นเทาไม่กล้าแม้แต่จะขยับตัว
นางหยางจะหยุดเขาได้อย่างไรกัน?
ไม้ในมือของเว่ยฉิงฟาดไปที่ขงซวนอย่างแรง แค่ครั้งเดียวเท่านั้นขาของเขาก็หักทันที ชายหนุ่มร้องโหยหวนเหมือนหมูโดนเชือด
ถังหลี่มองขงซวนอย่างไม่เห็นใจเลยแม้แต่น้อย เว่ยเสี่ยวเถาต้องทนทุกข์มากกว่าเขาหลายพันเท่า หากวันนั้นนางและเว่ยฉิงไม่ได้ไปที่ภูเขาเหม่ยซาน เว่ยเสี่ยวเถาคงจะกลายเป็นศพไม่เหลือแม้แต่กระดูกแล้ว!
“หยุด หยุดนะ! ซวนเอ๋อร์ของข้า! เงินแค่ห้าตำลึงเอง เอาไปสิ!”
“สะใภ้ที่ชั่วร้ายเช่นเจ้าออกไปจากบ้านข้าซะ!”
นางหยางคร่ำครวญ
เว่ยฉิงพาคนสกุลขงกลับไปที่หมู่บ้านขงเจียทันที เขาบังคับให้สกุลขงคืนเงินมาห้าตำลึง และลงนามเป็นลายลักษณ์อักษรต่อหัวหน้าหมู่บ้าน
นอกจากบ้านสกุลขงจะไม่สามารถพาเว่ยเสี่ยวเถากลับมาได้แล้ว เขายังต้องเสียเงินห้าตำลึงรวมถึงขาของขงซวนด้วย ต่อให้พวกเขาโกรธจนปวดใจแค่ไหนก็ไม่สามารถทำอะไรได้ !
ไม่มีใครสู้เว่ยฉิงได้!