เจ้าวายร้ายทั้งสาม มาให้แม่เลี้ยงอย่างข้ากล่อมเกลาเสียดีๆ - บทที่ 12 ภรรยาตัวน้อยกลายเป็นเสาหลัก
- Home
- เจ้าวายร้ายทั้งสาม มาให้แม่เลี้ยงอย่างข้ากล่อมเกลาเสียดีๆ
- บทที่ 12 ภรรยาตัวน้อยกลายเป็นเสาหลัก
บทที่ 12 ภรรยาตัวน้อยกลายเป็นเสาหลัก
เมื่อถังหลี่กลับมาถึงบ้านมองเห็นลูก ๆ ทั้งสามกำลังยืนรอคอยจ้องมาที่นาง ดวงตาของเด็กน้อยทั้งสามแดงก่ำราวกับจะร้องไห้อย่างน่าเวทนา ถังหลี่ถึงกับนั่งลงต่อหน้าเด็ก ๆ เหล่านี้
“เป็นอะไรไปหรือ?” นางถามอย่างยิ้มแย้ม
“ท่านแม่ ท่านจะไปจริง ๆ หรือ?”
“ท่านไม่ต้องการพวกเราแล้วหรือ?”
“ท่านแม่ ไม่ไปได้หรือไม่?”
ซานเป่าปล่อยโฮออกมาอย่างน่าสงสาร เด็กหญิงเศร้ามาก ก้มหน้าก้มตาร่ำไห้สะอึกสะอื้นจนใบหน้าน้อย ๆ สั่นไปหมด เมื่อเห็นเจ้าเกี๊ยวน้อยร้องไห้อย่างน่าเวทนาหญิงสาวรู้สึกปวดหนึบที่หัวใจ นางรีบคว้าตัวบุตรสาวเข้ามาไว้ในอ้อมกอดแล้วปลอบโยนเบา ๆ
พอสืบสาวเรื่องราวจนรู้ความดีแล้ว ถังหลี่จึงได้รู้จากปากของเด็ก ๆ ว่า ผู้คนในหมู่บ้านบอกว่านางกำลังจะทิ้งครอบครัวแล้วหนีไป หญิงสาวพูดไม่ออก ชาวบ้านในยุคโบราณนี้ช่างซุบซิบนินทากันมากกว่าภพที่นางจากมาเสียอีก อาจจะเป็นเพราะพวกเขาไม่มีความบันเทิงอื่นกันเลยก็เป็นได้
นอกจากนี้เว่ยฉิงก็เพียงแค่ได้รับบาดเจ็บที่ขายังไม่ได้เสียชีวิตเสียหน่อย! แล้วนางจะหนีไปด้วยเหตุใด ต่อให้นางจะทิ้งเว่ยฉิงแล้วหนีไปถังหลี่ก็ต้องหอบลูก ๆ ไปด้วย !
“แม่ไม่หนีไปไหนหรอกเด็ก ๆ พวกเจ้าน่ารักขนาดนี้ข้าจะทิ้งลงได้อย่างไร” ถังหลี่ปลอบโยนเด็ก ๆ ซ้ำไปซ้ำมา เมื่อเห็นสีหน้าของทั้งสามเริ่มดีขึ้น นางก็รู้สึกเบาใจ
“ข้าไปขอยืมฟืนผู้อื่นมา วันนี้จะนึ่งซาลาเปาและทำเนื้อตากแห้งให้พวกเจ้านะ” นางเดินเข้ามาในห้อง เว่ยฉิงชอบกินเนื้อ แต่ที่บ้านไม่มีเนื้อสดเลย หญิงสาวจึงมีแต่เนื้อตากแห้งเท่านั้น ตอนนี้ชายหนุ่มควรได้กินอาหารดี ๆ บาดแผลจะได้สมานกันเร็วขึ้น
เว่ยฉิงไม่ได้พูดอะไรเลย เขาจ้องมองถังหลี่ด้วยแววตาที่เศร้าสร้อย คิ้วของเขาขมวดมุ่น ในช่วงสองวันมานี่เว่ยฉิงเฝ้ามองจนนางรู้สึกอึดอัดไปหมด
“ถังหลี่ นี่คือสัญญาซื้อขายตัวของเจ้า” เว่ยฉิงวางกระดาษไว้บนโต๊ะ
“ข้าซื้อเจ้ามาก็จริง แต่ยังไม่ได้เข้าพิธีแต่งงาน จึงไม่มีข้อผูกมัดใด ๆ เจ้าอยากจะไปก็ไปเถิด”
“ไปไหน? เจ้าจะให้ข้าไปไหนหรือ?” หญิงสาวตกตะลึง เว่ยฉิงเม้มปากครุ่นคิดชั่วครู่ ตอนนี้สถานการณ์ด้านนอกวุ่นวาย มันไม่ปลอดภัยที่ผู้หญิงตัวเล็ก ๆ อย่างนางจะออกไปร่อนเร่อยู่ภายนอกตามลำพัง วิธีที่ดีที่สุดคือปล่อยให้นางไปแต่งงานมีสามีและครอบครัวที่ดี นางจะได้มีที่พึ่งพา แต่เมื่อคิดเช่นนั้นแล้ว เว่ยฉิงก็อดรู้สึกหดหู่ในใจไม่ได้
ผู้ชายคนนั้นไม่ใช่เขา…
เขามีความคิดที่จะเก็บนางไว้ข้างกายอย่างเห็นแก่ตัว แต่ก็ต้องหักห้ามใจ อย่างไรก็ตามเว่ยฉิงไม่ใช่คนดีนัก และการยกสัญญาซื้อขายเพื่อปลดปล่อยนางไป คือสิ่งเดียวที่เขาพอจะทำได้ ใบหน้าคมฉายแววตึงเครียดก่อนจะเสมองออกไปด้านนอกหน้าต่าง
ถังหลี่มองไปที่ใบหน้าของอีกฝ่าย การอยู่นิ่ง ๆ เพียงแค่สองวันก็ทำให้เขาคิดเรื่องเช่นนี้ออกมาได้หรือนี่? จอมวายร้ายผู้นี้ควรจะต้องเป็นคนโหดเหี้ยมไม่ใช่หรือ? ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เขาก็ควรโน้มน้าวให้นางอดทนอยู่ข้างกายเขาสิ!ทำไมอยู่ ๆ ถึงคิดจะปล่อยให้นางเดินจากไปเล่า?
เจ้าวายร้ายผู้นี้ช่างน่าสนใจเสียจริง ๆ!
ถังหลี่นั่งข้างเตียง นางเชิดใบหน้าขึ้น หญิงสาวกระพริบตาแววตาเปล่งประกายกล้า เว่ยฉิงอดไม่ได้ที่จะหันกลับมามองแล้วเหยียดยิ้มให้อย่างฝืน ๆ
“เจ้าฟุ้งซ่านอะไรอยู่หรือ? เว่ยฉิงเจ้ายังไม่ตายนะ ทำไมถึงไล่ข้าไปแต่งงานใหม่เล่า? เจ้าเพียงบาดเจ็บที่ขา อีกสักพักก็หายดีไม่เป็นอะไรหรอก”
“แต่มันใช้การไม่ได้อีกต่อไปแล้ว” เว่ยฉิงพูดงึมงำ
“ทำไมล่ะ?” ถังหลี่ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง
เว่ยฉิงได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที ไม่ได้เหมือนในความฝันของนาง เดิมทีกว่าจะมีคนมาพบเว่ยฉิง บาดแผลก็เน่าเฟะไปเสียแล้ว ขาข้างหนึ่งของเขาก็สูญเสียไร้ประโยชน์ไปโดยสิ้นเชิง
“มีหลายคนในหมู่บ้านที่ถูกสัตว์ป่ากัด เมื่อแผลหาย แขนขาก็พิกลพิการ” เว่ยฉิงจ้องนาง
“เจ้าอยากเป็นภรรยาของชายพิการหรือ?”
ถังหลี่ลุกวิ่งออกจากห้องไป เว่ยฉิงกำฝ่ามือแน่นจนเส้นเลือดปูดโปน ทันใดนั้นเขาฟาดหมัดเข้ากับผนังอย่างแรง จนกำแพงบ้านถึงกับสั่นร้าวเลยทีเดียว หลังจากระบายอารมณ์ ไปแล้ว ก็เหลือเพียงใบหน้าที่ไร้อารมณ์ของเขาเท่านั้น ชายหนุ่มหลับตาลง ในใจเขารู้สึกอ้างว้างอย่างบอกไม่ถูก
ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหน..
“เว่ยฉิง!” เว่ยฉิงลืมตาขึ้นเห็นถังหลี่ยืนอยู่ที่ประตู เขานึกว่าตัวเองตาฝาดไปจึงเผลอขยี้ตาตัวเองอย่างโง่งม
“ข้าไปถามท่านหมอซูมาแล้ว เขารักษาขาของเจ้าได้! แต่ว่ายังขาดสมุนไพรอยู่ตัวหนึ่ง พรุ่งนี้ข้าจะไปดูที่เมืองว่ามีหรือไม่?”
หมอซูบอกว่าขาของเว่ยฉิงได้รับบาดเจ็บบริเวณเส้นประสาท และแม้ว่าบาดแผลจะหายดีแล้วแต่ก็จะทำให้เขามีอาการผิดปกติอยู่ดี แต่…ก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ เขามีใบสั่งยาที่สามารถรักษาเว่ยฉิงได้ อย่างไรก็ตามตอนนี้ขาดสมุนไพรอีกเพียงแค่ชนิดเดียวเท่านั้น เหง้าของมันมีสรรพคุณบรรเทาอาการอักเสบและอาการปวด ตัวรากสามารถกระตุ้นให้โลหิตไหลเวียนทำให้เลือดลมเดินสะดวก และใบยังสามารถรักษาโรคปอดได้ เป็นเสมือนดั่งยาวิเศษ สมุนไพรชนิดนี้ไม่มีอยู่ในการแพทย์สมัยใหม่ และความยอดเยี่ยมของตัวยาเปรียบเสมือนดั่งพืชวิเศษจากโลกปีศาจ หากไม่มีสมุนไพรตัวนี้ ขาของเว่ยฉิงก็อาจจะใช้การไม่ได้
ปัญหาอย่างเดียวคือ…มันเป็นสมุนไพรหายากมาก!
แต่สำหรับถังหลี่แล้วกลับถือได้ว่าเป็นข่าวดี ไม่ว่าจะหายากหรือไม่ อย่างน้อยก็ยังมีความหวัง
“เจ้า…ไม่ได้จากไปหรือ?” เว่ยฉิงมองนางอย่างสับสน
“เจ้าอยากให้ข้าไปหรือ? ข้าไม่ไป! แน่ล่ะไม่ใช่เพราะเจ้าหรอกนะ เป็นเพราะเด็ก ๆ ทั้งสามต่างหาก..” ถังหลี่รู้สึกเคอะเขิน นางเผลอตัวพูดเสียงดังออกมา หลังจากพูดจบนางจึงเดินออกไป
เว่ยฉิงที่โดนนางตะโกนใส่รู้สึกราวกับว่าวิญญานจะหลุดออกจากร่าง
ขาแบบนี้น่ะหรือ?
เขาพิกลพิการถึงขนาดนี้ ผู้หญิงตัวเล็ก ๆ ยังจะยอมทนทุกข์อยู่กับเขาอีกหรือ?
ถึงภรรยาของเขาจะไม่พอใจ แต่เว่ยฉิงไม่อาจยอมให้นางถูกดูหมิ่นดูแคลนได้ เขาจะต้องรีบรักษาบาดแผลให้หายโดยเร็วที่สุด และทำงานหาเลี้ยงครอบครัวของเขา!
ส่วนขา…หากหมอคนนี้รักษาไม่ได้ก็หาหมออื่นซะ!
ในที่สุดหัวใจที่เย็นชาของเว่ยฉิงก็เดือดระอุขึ้นมาในทันที
……
ถังหลี่ผสมแป้งอยู่ในครัวเพื่อทำซาลาเปา หญิงสาวรู้ดีว่านี่คือโอกาสดีที่จะหลบหนีไป เจ้าวายร้ายผู้นั้นคิดจะปล่อยนางไป หากทว่า ทั้งที่โอกาสลอยมาอยู่ตรงหน้าของนางแล้ว หญิงสาวกลับไม่คว้ามันเอาไว้ สายตาของนางจับจ้องไปที่ต้าเป่าลูกชายคนโตที่นั่งอยู่หน้าเตาไฟที่กำลังลุกไหม้อยู่ ลูกชายของนางคนนี้เป็นเด็กน้อยที่ดูปราณีต ละเอียดอ่อน มีผิวที่ขาวนวลและอ่อนโยน ในหนังสือนิยายนั้นเขาได้เป็นถึงเสนาบดีใหญ่ที่มีชื่อเสียงและมีอำนาจถึงขนาดเรียกลมเรียกฝนได้ทีเดียว
น่าเสียดายที่นิสัยดั้งเดิมของเขานั้นคดเคี้ยว เจ้าเล่ห์เพทุบาย และมีความโหดร้ายอำมหิต จนท้ายที่สุดแล้วเขาก็ถูกห้าม้าแยกร่าง ถ้าถังหลี่เลือกจากไป ครอบครัวนี้ก็จะล่มสลาย เด็กน้อยทั้งสามก็อาจจะเดินไปตามแนวโครงเรื่องเดิมเหมือนในหนังสือเล่มนั้น
หญิงสาวรับไม่ได้กับตอนจบที่แสนเศร้าสลดของเด็กน้อยในนิยาย นอกจากนี้แล้วยังมีเว่ยฉิง…ผู้ชายที่มีชีวิตชีวาขนาดนี้ นางเองก็ไม่อาจจะทนเห็นเขากลายเป็นคนขมขื่นมองโลกในแง่ร้ายไปได้
ตอนนี้ข้าคือเสาหลักของครอบครัวนี้แล้ว!
ถังหลี่รู้สึกเปี่ยมล้นไปด้วยพลังและจิตวิญญาณของความรับผิดชอบขึ้นมาในทันที แต่การเคลื่อนไหวของนางก็ยังรวดเร็วไม่เท่าเว่ยฉิง ชายหนุ่มกินซาลาเปานึ่งก้อนใหญ่เข้าไปถึงห้าก้อนในคราวเดียวอย่างอารมณ์ดี
ภายในระยะเวลาไม่กี่วัน ผู้คนในหมู่บ้านก็พบว่าขาที่เป็นปัญหาของเว่ยฉิงนั้นไม่ได้มีผลกระทบที่มากมายสำหรับคนสกุลเว่ยมากนัก ในทางกลับกันครอบครัวนี้ดูเหมือนจะมีแต่ความเจริญก้าวหน้ามากขึ้น ๆ!
————————-