เจ้าวายร้ายทั้งสาม มาให้แม่เลี้ยงอย่างข้ากล่อมเกลาเสียดีๆ - บทที่ 141 หญิงข้ามภพผู้หนึ่ง
- Home
- เจ้าวายร้ายทั้งสาม มาให้แม่เลี้ยงอย่างข้ากล่อมเกลาเสียดีๆ
- บทที่ 141 หญิงข้ามภพผู้หนึ่ง
บทที่141 หญิงข้ามภพผู้หนึ่ง
ในค่ำวันนั้นถังหลี่เล่านิทานให้บุตรทั้งสองฟังก่อนเข้านอน เด็ก ๆ รู้สึกตื่นเต้นมาก พวกเขานอนหลับข้างกายมารดาอย่างน่าเอ็นดู
เช้าวันถัดมา
เมื่อถังหลี่ตื่นขึ้นก็พบว่าบุตรทั้งสองยังคงหลับฝันอยู่ นางจึงลุกจากเตียงอย่างเงียบเชียบ อาบน้ำและไปกินอาหารเช้า ก่อนจะเดินไปที่เป่าชิงเก๋อ นอกจากการจัดการงานต่าง ๆ แล้ว ถังหลี่มีอีกสิ่งหนึ่งที่ต้องทำ คือการสอนงานเจิ้งติ่ง เด็กชายเป็นคนที่เรียนรู้ได้ไวมาก ภายในสองหรือสามปีเขาจะสามารถจัดการคุมกิจการด้วยตัวคนเดียวได้
ด้านนอกของเป่าชิงเก๋อวันนี้มีแขกไม่ได้รับเชิญเข้ามาที่ร้านสองคน
คนแรกคือเซี่ยฟางเฟยและสาวใช้ของนาง หญิงสาวอยากมาเห็นใบหน้าของภรรยาเว่ยฉิงให้เห็นกับตา นางหาที่อยู่ของถังหลี่ได้ง่ายมากเพียงแค่ถามคนคุ้มกันในจวนเซี่ยเท่านั้น
เซี่ยฟางเฟยมองขึ้นไปที่เป่าชิงเก๋อพร้อมครุ่นคิด
“แค่เป็นเจ้าของกิจการเล็ก ๆ ในสถานที่คับแคบเช่นนี้ เทียบไม่ได้แม้แต่หนึ่งในพันส่วนของคุณหนูเลยเจ้าค่ะ”
สาวใช้ของคุณหนูเซี่ยพูดอย่างเย้ยหยันเมื่อนึกถึงฐานะของภรรยาเว่ยฉิง
“เหตุใดเจ้าต้องเอาข้าไปเทียบกับนางด้วย” เซี่ยฟางเฟยมองไปที่สาวใช้
เมื่อสาวใช้รู้ตัวว่าพูดไม่เข้าหูเจ้านาย นางรีบตบปากตัวเองสองครั้งอย่างรวดเร็ว
“ข้าผิดไปแล้วเจ้าค่ะคุณหนู สาวชาวบ้านแบบนางไม่คู่ควรที่จะมาเทียบชั้นกับคุณหนูเลยเจ้าค่ะ”
เซี่ยฟางเฟยสีหน้าดูดีขึ้นมาเล็กน้อย นางเรียกคนที่เดินผ่านไปมาหน้าร้านสองสามคนและถามเกี่ยวกับเจ้าของร้านเป่าชิงเก๋อ หญิงสาวหาคำตอบได้อย่างรวดเร็ว
“แม่นางถังคือเถ้าแก่เนี้ยเป่าของเป่าชิงเก๋อ นางเป็นผู้หญิงที่น่ายกย่องมาก…”
ผู้คนที่สัญจรไปมายังคงกล่าวว่าเป่าชิงเก๋อแต่เดิมเป็นของคนสกุลหลู่ แต่เพราะการจากไปของนายท่านหลู่ทำให้มีคนโลภหลายคนจ้องจะเล่นงาน แต่ถังหลี่เข้ามากอบกู้ฟื้นฟูมันได้ทันเวลา อีกทั้งพัฒนาให้กิจการของเป่าชิงเก๋อเจริญมากขึ้นกว่าเดิม
“สรุปก็คือเถ้าแก่เนี้ยถังเป็นคนที่ยอดเยี่ยมมากเลย” เขายกนิ้วชมเชยถังหลี่ให้หญิงสาวแปลกหน้าฟัง
เซี่ยฟางเฟยรู้สึกเหมือนถูกเหยียดหยาม
นางก็แค่รู้ทักษะเล็ก ๆ น้อย ๆ เท่านั้น จะเก่งกาจแค่ไหนเชียว
หญิงสาวเดินเข้าไปในเป่าชิงเก๋อพร้อมกับมองไปรอบ ๆ ร้าน เมื่อฉางลู่เห็นนางเขารีบเข้ามาทักทายทันที
“คุณหนู ท่านมองหาอะไรอยู่หรือ? ข้าสามารถช่วยท่านหาได้นะขอรับ”
“ดูแล้ว คุณหนูคงไม่ใช่คนเมืองนี้ มาจากเหอตงหรือตระกูลใหญ่ในมณฑลหรือ?” ฉางลู่ถามขึ้นอีกครั้ง
“คุณหนูของข้ามาจากซ่างจิง” สาวใช้กระแอมเบา ๆ ด้วยท่าทางดูถูกความไม่รู้ของฉางลู่
“ข้าน้อยไม่มีตาแล้ว ท่าทีเช่นนี้ย่อมมาจากเมืองหลวงแน่นอนอยู่แล้วขอรับ”
ฉางลู่ไม่สนใจสาวใช้
เด็กหนุ่มยกยอเซี่ยฟางเฟย ใบหน้าของนางประดับรอยยิ้มเย่อหยิ่งไม่ได้สนใจในตัวเขา หลังจากที่เดินไปมาทั่วร้าน นางก็กล่าวขึ้นว่า
“เถ้าแก่เนี้ยถังอยู่ที่ใด?”
“นายหญิงกำลังยุ่งอยู่กับงาน หากท่านต้องการอะไรบอกข้าได้เลยขอรับ”
“เจ้าไปเรียกนางมา คุณหนูของข้าต้องการจะคุยกับเถ้าแก่เนี้ยถัง นางไม่ต้องการคุยกับคนอย่างเจ้า!” สาวใช้ของเซี่ยฟางเฟยพูดด้วยน้ำเสียงดูหมิ่นเหยียดหยาม
ฉางลู่จำใจต้องเข้าไปเรียกถังหลี่ในห้องออกมา
ทันทีที่หญิงสาวเดินออกมา นางรับรู้ถึงสายตาที่จับจ้องมาที่ตน เมื่อมองตามสายตานั้นไปจึงพบว่าหญิงสาวที่มีเสน่ห์ผู้หนึ่ง นางสวมเสื้อบาง ๆ ทั้งที่อากาศหนาว ท่วงท่าสง่างาม มีหน้าอกที่อวบอิ่ม และเอวที่เพรียวบาง
ถังหลี่สัมผัสได้ถึงสายตาที่มองนางอย่างรังเกียจและดูแคลน แต่นางก็เลือกที่จะส่งยิ้มให้
“แม่นางน้อย ท่านมีธุระอะไรกับข้าหรือ?”
“ข้ามาที่นี่เพื่อทำการค้ากับเจ้า” เซี่ยฟางเฟยพูดเสียงดัง
“การค้าอะไรหรือ?” ถังหลี่สงสัย
“คำพูดของข้าอาจจะทำให้กิจการของเจ้าเติบโตได้สิบหรือร้อยเท่า เจ้าแน่ใจหรือว่าจะให้ข้าพูดตรงนี้?” ใบหน้าของเซี่ยฟางเฟยหยิ่งผยอง
“ถ้าเช่นนั้นเชิญแม่นางเข้าไปที่ห้องรับรองเถิด”
ทั้งสองเดินเข้าไปในห้องรับรอง โดยที่สาวใช้ยืนรออยู่ด้านนอก
“แม่นางมีนามว่าอะไร?”
“เซี่ยฟางเฟย”
“ข้าอยากทราบถึงรายละเอียดการค้าที่แม่นางเซี่ยกล่าว” ถังหลี่พูดขึ้น
“ตกลงกันก่อน หากเราร่วมมือกัน ข้าจะรับค่าตอบแทนเก้าในสิบส่วน” เซี่ยฟางเฟยกล่าว
อันที่จริงนางไม่ได้ต้องการร่วมมือทำการค้ากับถังหลี่แม้แต่น้อย นางเพียงต้องการแสดงให้รู้ว่าตัวเองเก่งกาจกว่าถังหลี่แค่ไหน คำแนะนำของนางไม่กี่ประโยคก็สร้างกำไรได้มากมหาศาลกว่าการทำงานหลังขดหลังแข็งของถังหลี่มากนัก
“ถ้าเช่นนั้นเชิญแม่นางกล่าวมาเลย ข้าจะดูว่าความคิดของท่านคุ้มค่ากับการตอบแทนถึงเก้าส่วนหรือไม่?” ถังหลี่ยิ้ม
“ข้าเห็นว่าร้านของเจ้ามีสินค้าแค่สองชนิดเท่านั้น คือชาดแดงและแป้งผัดหน้า สินค้าสองอย่างนี้มีอยู่ทั่วไป ในเมืองหลวงเองก็มีคุณภาพที่ดีกว่าเจ้า ดังนั้นร้านของเจ้าจึงเกิดได้แค่ในเมืองเล็ก ๆ นี้เท่านั้น เพราะไร้ซึ่งการแข่งขัน ถ้าเป้าหมายของเจ้าคือการทำแค่น้อยนิดก็คิดเสียว่าข้าไม่เคยพูดอะไรเลย!” เซี่ยฟางเฟยกล่าวอย่างไว้ท่าที ก่อนจบประโยค นี่คือวาทศิลป์ของนาง
“แน่นอนว่าเป้าหมายการค้าของข้าไม่ได้จำกัดอยู่ที่เมืองเหยาสุ่ย” ถังหลี่พูดอย่างใจเย็น
“ดียิ่ง หากเจ้าอยากขยายกิจการให้ใหญ่ขึ้น ก็ต้องมีสินค้าใหม่ ๆ มีสองชนิดที่ควรค่าแก่การลงทุน หนึ่งคือน้ำ น้ำในที่นี้ไม่ใช่น้ำดื่มโดยทั่วไป หากแต่มีคุณภาพที่ดีกว่า สามารถซึมลงไปในผิวหนังได้ ช่วยให้ผิวพรรณดีขึ้น ส่วนอีกอย่างก็คือน้ำนม เมื่อนำมาผสมกับน้ำมันทาลงบนผิวหน้า ก็จะสามารถทำให้ใบหน้าของเราชุ่มชื้นได้ เพียงแค่มีสองอย่างนี้เท่านั้นมั่นใจได้เลยว่ากิจการของเจ้าย่อมดีขึ้นและทำเงินได้อย่างมากมายแน่!”
เซี่ยฟางเฟยพูดจบก็ทำสีหน้าพึงพอใจแกมเย่อหยิ่ง
นางรู้สึกว่าคำพูดของตนเองนั้นจะทำให้หญิงบ้านนอกเช่นนี้ตกตะลึงอย่างแน่นอน จากนั้นก็จะถือว่าสิ่งที่นางพูดไปนั้นเป็นเสมือนสมบัติที่มีค่า
ด้วยความรู้ของนางที่ล้ำหน้ากว่าพันปี คนโบราณจะมีมันได้อย่างไร?
เช่นนั้นนางย่อมเหนือกว่าอยู่แล้ว
ดวงตาของถังหลี่หรี่ลงเล็กน้อยอย่างครุ่นคิด
“แม่นางต้องการแลกสูตรน้ำนมนี้เป็นเงินเก้าส่วนของยอดขายจากเป่าชิงเก๋อใช่หรือไม่?”
สูตร? นางเพิ่งคิดมันขึ้นมาจะรู้สูตรได้อย่างไร?
“แค่เพียงความคิดของข้าก็มีมูลค่าถึงเก้าส่วนแล้ว ข้ายังจะต้องให้สูตรอะไรอีก?” เซี่ยฟางเฟยกล่าวอย่างไม่พอใจ
“แม่นางน้อย เช่นนั้นคำพูดของเจ้าก็ไร้สาระมาก มันช่างไร้ค่าจริง ๆ” ถังหลี่กล่าว
“เจ้า!!”
ใบหน้าของเซี่ยฟางเฟยน่าเกลียด
คนสมัยนี้ไม่รู้จักของดีเช่นนี้!
ตอนที่นางอยู่เมืองหลวง นางก็เจอคนเช่นนี้ เวลาฟางเฟยพูดถึงมัน แต่เพราะสายตาไม่มีแววของพวกเขา นางจึงไม่ได้รับคำชมเชย!
“ท่านอย่าบอกว่าไม่มีสูตร เพียงแค่คำอธิบายไม่กี่คำจะทำให้เราจะพัฒนาสินค้าตัวนี้ออกมาได้ ดูไปแล้วมีความสำเร็จเพียงแค่น้อยนิดเท่านั้น แต่ถ้าหากทำได้จริงละก็ ของที่เจ้าพูดถึงก็เป็นเหมือนน้ำ บรรจุกล่องไม้ก็ไม่ได้ อีกทั้งขวดกระเบื้องก็มีราคาสูงเกินไป จำต้องใช้ภาชนะที่พิเศษ..”
“แก้ว!..มันเรียกว่าแก้ว!”
เซี่ยฟางเฟยกำลังจะขาดใจตายด้วยความโกรธ นางต้องคอยสั่งสอนสตรีผู้นี้ทีละขั้นทีละตอน เจ้าพวกบ้านนอกโง่เขลา!”
“แก้ว? ใช่แล้วข้ารู้จักแก้ว แต่ที่ต้าโจวไม่มีแก้ว มันมีอยู่ในแคว้นต้าฉีที่อยู่ติดกับต้าโจว พวกมันใช้สำหรับเชื้อพระวงศ์และขุนนาง แม้ว่าข้าจะสามารถหาวิธีซื้อมันได้ แต่ค่าขวดบรรจุราคาหลายสิบตำลึงเช่นนี้ แม่นางน้อยเต็มใจหรือ ที่จะซื้อน้ำมันสักขวดในราคาถึงสามสิบตำลึงทอง!”
เซี่ยฟางเฟยตกตะลึง ! หาได้ยากนักที่จะเห็นท่าทางเช่นนี้จากเซี่ยฟางเฟย
นางไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าแก้วมีราคาแพงมาก!
ใครจะยอมจ่ายขวดน้ำมันในราคาเท่านี้ ไม่มีสตรีที่ไหนยอมแน่ เงินจำนวนมากขนาดนี้ซื้อแป้งไข่มุกได้เลย!
“นั่นเป็นเหตุผลที่ข้าพูดว่าคำพูดของแม่นางนั้นช่างไร้ค่า!”
เซี่ยฟางเฟยรับรู้ถึงสายตาเยาะเย้ยของถังหลี่
นางถูกหญิงบ้านนอกเยาะเย้ยหรือ?!
เซี่ยฟางเฟยไม่สามารถทนนั่งตรงนั้นได้อีกต่อไป นางลุกขึ้นหันหลังเดินออกจากร้านไปในทันที
—————————