เจ้าวายร้ายทั้งสาม มาให้แม่เลี้ยงอย่างข้ากล่อมเกลาเสียดีๆ - บทที่ 146 ละเมิดกฎกองทัพ
บทที่ 146 ละเมิดกฎกองทัพ
“จ้าวเทียนยี่ นั่นเจ้ากำลังจะทำอะไร!” ผู้บัญชาการฝางตะคอก
นายกองจ้าวหันไปมองอีกฝ่ายนิ่ง ๆ เขาไม่มีความหวาดกลัวเลยแม้แต่น้อย
“ผู้บัญชาการฝางข้าพบว่าทหารรับใช้ของเจ้ากำลังทำเรื่องไม่ดี ดังนั้นข้าจึงช่วยเจ้าสอบสวนด้วยตัวเอง”
“คนของข้าทำผิด ข้าจะเป็นคนจัดการเอง ไม่รบกวนให้นายกองจ้าวเข้ามายุ่งเรื่องนี้!”
“ข้าแค่เกรงว่าผู้บัญชาการฝางจะเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดด้วยน่ะสิ” นายกองจ้าวกล่าวช้า ๆ พลางจ้องมองไปที่เขา
“จ้าวเทียนยี่เจ้าหมายความว่าอย่างไร”
“เช่นนั้นข้าจะพูดตามตรงแล้วกัน เจ้ารับสินบนพาคนเข้ามาเยี่ยมญาติในค่าย ซึ่งเป็นการละเมิดกฎกองทัพของแม่ทัพเจิ้นเป่ย!” นายกองจ้าวกล่าว
“เจ้าพูดเรื่องไร้สาระอะไร? กล่าวหากันเช่นนี้เจ้ามีหลักฐานหรือ!” ผู้บัญชาการฝางกล่าวเย็นชา
“ตอนนี้ท่านแม่ทัพอยู่ที่นี่ พวกเราจะไปสืบหาข้อเท็จจริงกัน!”
นายกองจ้าวกล่าวด้วยท่าทีหยิ่งผยอง
เมื่อได้ยินคำว่าแม่ทัพ ผู้บัญชาการฝางก็ขมวดคิ้วยุ่งทันที
ความหวาดกลัวก่อขึ้นในใจของเขา แต่ด้วยประสบการณ์ที่สั่งสมมานาน ทำให้ใบหน้าของชายหนุ่มเรียบนิ่งไม่แสดงออก
“เจ้าทุบตีทหารเป็นการส่วนตัว คิดว่าท่านแม่ทัพจะปล่อยเจ้าไปหรือ?” ผู้บัญชาการฝางมองไปตามบาดแผลของพวกเขาทั้งสองคน
ทันใดนั้นกระโจมก็ถูกเปิดออกผู้บัญชาการฝางและนายกองจ้าวตกใจมาก พวกเขาหยุดเถียงกัน หันไปทักทายคนมาใหม่อย่างนอบน้อม
“ท่านแม่ทัพ”
ผู้ที่เข้ามาใหม่อายุราว ๆ ยี่สิบเจ็ดหรือยี่สิบแปดปี รูปร่างสูงสง่า หากมีแววตาที่ดุดัน บนใบหน้าซีกขวามีแผลเป็นจากมีดกรีดเป้นทาง ส่งผลให้รูปลักษณ์เขาดูน่ากลัวมากขึ้น
“ท่านแม่ทัพ นั่งก่อนขอรับ” นายกองจ้าวที่เคยหยิ่งยโส ตอนนี้รีบย้ายเก้าอี้ไปให้ท่านแม่ทัพด้วยท่าทีประจบสอพลอ
ท่านแม่ทัพนั่งลงเขาชำเลืองมองทุกอย่างด้วยความเฉยชา ต่อเมื่อกวาดสายตามองไปที่ลุงหลี่ ดวงตาของเจิ้นเป่ยหยุดที่ไฝสามเม็ดบนแก้มชายชรา แม่ทัพขมวดคิ้วเล็กน้อย
“บอกข้ามาว่าเกิดอะไรขึ้น?”
“ท่านแม่ทัพ ข้าน้อยเห็นทหารรับใช้ส่วนตัวของผู้บัญชาการฝางกำลังพูดคุยกับทหารเกณฑ์ขอรับ พวกเขามีทีท่าน่าสงสัย และเมื่อเข้าใกล้ก็รู้ว่าพวกเขาเป็นปู่กับหลานชายกัน! คน ๆ นี้ไม่ใช่ทหารรับใช้ ผู้บัญชาการฝางลอบพาคนเข้ามาเยี่ยมญาติ ใช้อำนาจในทางที่ผิด ข้าเลยจับพวกเขามาสอบปากคำ แต่ใครจะคิดว่าพวกเขานั้นไม่ให้ความร่วมมือ คนทั้งคู่พยายามจะโจมตีข้า ข้าจึงต้องป้องกันตัวขอรับ” นายกองจ้าวกล่าว
“นายกองจ้าวต้องการฆ่าคนเพื่อปิดปาก จากนั้นก็โยนความผิดให้ข้า!”
ผู้บัญชาการฝางโต้ตอบอย่างเย็นชา
“ผู้บัญชาการฝางมาถึงค่ายพร้อมทหารรับใช้ ทุกคนในค่ายก็เห็นขอรับท่านแม่ทัพ ตราบใดที่เราตรวจสอบได้ว่าพวกเขามีความสัมพันธ์กันอย่างไร เราก็จะรู้ว่าทุกอย่างเป็นความจริงหรือไม่”
นายกองจ้าวกล่าวอย่างรวดเร็ว
สายตาของแม่ทัพเจิ้นเป่ยเต็มไปด้วยความชั่งใจ เขามองไปที่ผู้บัญชาการฝาง
อีกฝ่ายก้มศีรษะไม่ปริปากพูดอะไร
แท้จริงแล้วผู้บัญชาการฝางกำลังรู้สึกหวาดกลัว
แม่ทัพเจิ้นเป่ยเป็นคนที่เคร่งคัดในกฎกองทัพมาตลอด หากเรื่องนี้ถูกเปิดเผยจะต้องโดยโทษหนักแน่นอน
และมันคือสิ่งที่เลวร้ายที่สุด
อันที่จริงแล้วเรื่องเช่นนี้ไม่ควรเกิดขึ้น เขาไม่คิดเลยว่าจ้าวเทียนยี่จะเฝ้ามองเขาไม่วางตา เมื่อมีโอกาสก็พุ่งเข้ามากัดราวกับสุนัขป่า
แต่อย่างไรก็ตาม หากเข้าโดนปลดออกจากตำแหน่งผู้บัญชาการทหาร ตัวเขาจะกลับเข้ามาในตำแหน่งเดิมได้อีกหรือ?
มันไม่ง่ายเลยกับเรื่องที่เกิดขึ้น
“ท่านแม่ทัพเรื่องนี้ข้าน้อยสามารถจัดการได้ แต่การสอบสวนจะต้องใช้เวลา ทหารสองคนนี้บาดเจ็บพวกเราควรพาเขาไปรักษาก่อนหรือไม่?”
ผู้บัญชาการฝางถาม
แม่ทัพเฉาพยักหน้ารับ
อันที่จริง ส่วนตัวแล้วแม่ทัพหนุ่มมีงานมากมาย เขาควรจะออกจากกระโจมนี้ แต่ชายหนุ่มรู้สึกว่ามีบางอย่างกำลังรั้งเขาไว้ เมื่อแพทย์ทหารวิ่งเข้ามาพวกเขาห้ามเลือดให้แก่จูเฉิง แต่ตรวจอาการของชายชรา
“อาการเป็นอย่างไรบ้าง?” แม่ทัพเฉาถามเมื่อมองไปที่ชายชรา
“ชายชราคนนี้มีกระดูกหักสามซี่ สาเหตุที่หมดสติมาจากการถูกทำร้ายที่หัว แต่เขาชราภาพแล้วสุขภาพไม่ได้แข็งแรง จึงไม่สามารถทนแรงกระแทกได้…ข้าจะลองจ่ายยารักษาดูก่อนขอรับ” แพทย์ทหารกล่าว
ความหมายของหมอชัดเจนมาก ชายหนุ่มคนนี้ไม่มีปัญหากับการบาดเจ็บ แต่ทว่าทางด้านชายชราทำได้เพียงรอโชคชะตาเท่านั้น
แม่ทัพเฉาขมวดคิ้วยุ่งขึ้น
“ถ้าสองคนนี้หายดีแล้ว ข้าจะมาพบพวกเขา”
ท่านแม่ทัพมองไปที่ผู้บัญชาการฝางและนายกองจ้าวดวงตาของเขาเย็นเยียบขึ้น
“พวกเจ้าทั้งสองคน มากับข้า”
เมื่อได้ยินเช่นนั้นพวกเขาอดไม่ได้ที่จะสั่นสะท้าน
……
ถังหลี่และไป๋มู่หยางกำลังนั่งรออยู่ที่โรงเตี๊ยม เมื่อเห็นว่าตอนนี้ท้องฟ้ามืดลงแล้วพวกเขาไม่สามารถทนรอได้อีกต่อไป ทั้งสองพากันไปที่กองทหารรักษาการณ์เพื่อรอ เมื่อค่ำลง ผู้บัญชาการฝางก็ขี่ม้าเข้ามา
ทั้งสองรีบเดินไปพบกับเขา ชายที่อยู่บนหลังม้ามีสีหน้าที่เหนื่อยอ่อนล้ามาก จนทำให้ถังหลี่รู้สึกไม่สบายใจอีกทั้งเห็นเขากลับมาแต่ผู้เดียวโดยที่ไม่มีลุงหลี่กลับมาด้วย ความสังหรณ์ใจก็ผุดขึ้นมา
“ผู้บัญชาการฝางเป็นอย่างไรบ้าง แล้วลุงหลี่เล่า?”
ชายหนุ่มยังคงนิ่งเงียบ
หลังจากที่ไป๋มู่หยางลองถาม ผู้บัญชาการฝางเปิดปากตอบเขาเพียงไม่กี่คำ ชายหนุ่มอธิบายถึงสิ่งต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในค่ายของแม่ทัพเจิ้นเป่ย
เมื่อได้ยินว่าลุงหลี่และจูเฉิงถูกทุบตีตอนนี้ชีวิตแขวนอยู่บนเส้นด้าย ถังหลี่เกือบจะล้มทั้งยืน
เป็นไปได้อย่างไร?
“ตอนนี้แม่ทัพเจิ้นเป่ยกำลังจัดการเรื่องนี้เป็นการส่วนตัว ทำได้แค่พึ่งพาโชคชะตาเท่านั้น ข้าไม่สามารถทำอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้ได้”
ผู้บัญชาการฝางพูดอย่างอารมณ์ไม่ดี
ชายหนุ่มดึงเขาออกไป ไม่รู้ว่าไป๋มู่หยางพูดอะไรบ้าง แต่ใบหน้าของผู้บัญชาการฝางก็ดูดีขึ้นมาเล็กน้อย
ผู้บัญชาการหนุ่มตบบ่าของไป๋มู่หยางเบา ๆ ก่อนจะเข้าไปให้เรือนพักทหาร
นายท่านไป๋พาน้องสาวของตนกลับมายังโรงเตี๊ยม
ทันที่ทีมาถึงถังหลี่ขอตัวกลับห้องเนื่องจากตัวเองเหนื่อย นางต้องการที่จะพักผ่อน หญิงสาวปิดประตูห้องลง เมื่อไป๋มู่หยางกลับไปยังห้องพักของตัวเอง ใบหน้าเล็ก ๆ ที่ซีดเซียวของถังหลี่สะท้อนขึ้นในหัวใจของเขา ลุงหลี่ไปค่ายทหารทำให้เกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น เป็นเรื่องร้ายจากความประสงค์ดีของเขา ตอนนี้ชายหนุ่มกลัวว่าถังหลี่จะโทษตัวเอง
ไป๋มู่หยางนั่งอยู่ในห้องตัวเอง เขายิ่งคิดก็ยิ่งกังวลมากขึ้นเรื่อย ๆ ชายหนุ่มตัดสินใจเดินไปที่ห้องของถังหลี่ แต่ก่อนที่เขาจะเคาะประตู ประตูห้องกลับถูกเปิดออก
ใบหน้าเล็ก ๆ ของนางนั้นมีสีหน้าที่สดใสขึ้น ความกังวลหายไปจนไป๋มู่หยางรู้สึกประหลาดใจ
“พี่ใหญ่ ไปทานอาหารเย็นกันเถิด” ถังหลี่ชวนเขา
ชายหนุ่มพยักหน้ารับ พวกเขาเดินไปยังร้านอาหารที่อยู่ติดกัน ไป๋มู่หยางสั่งอาหารที่เป็นจานโปรดของถังหลี่ เมื่อนางเริ่มกินไป่มู๋หยางเฝ้ามองนางด้วยสายตาที่อ่านไม่ออก เมื่อเห็นว่าหญิงสาวยังอยากอาหารเช่นเดิม กินข้าวไปถึงสองชาม ชายหนุ่มก็รู้สึกโล่งใจขึ้นมา
“พี่ใหญ่ไม่ต้องกังวล ข้าจัดการเรื่องนี้ได้”
รอยยิ้มถูกจุดขึ้นบนใบหน้าของไป๋มู่หยาง ใช่แล้ว น้องสาวของเขาเป็นคนที่กล้าหาญและฉลาด ดังนั้นนางจะไม่ท้อแท้เพราะเรื่องนี้อย่างแน่นอน
“ถังถัง ข้ายังมีคนรู้จักในเมืองฉินโจวอยู่ พี่จะลองหาวิธีดูเจ้าไม่ต้องกังวล” ไป๋มู่หยางกล่าว
“พี่ใหญ่ ข้าอยากพบแม่ทัพเจิ้นเป่ยคนนั้น” ถังหลี่กล่าว
คำพูดของนางทำให้ไป๋มู่หยางตกใจมาก แม่ทัพเจิ้นเป่ยเป็นคนที่มือเปื้อนเลือดมามาก คนส่วนใหญ่เพียงได้ยินชื่อก็รู้สึกกลัวตายแล้ว แต่น้องสาวของเขาจะไปหาแม่ทัพหรือ!
นอกจากนี้แม่ทัพเจิ้นเป่ยไม่ใช่แม่ทัพธรรมดา เขาเป็นคนที่ดุร้ายและเลือดเย็นมาก!