เจ้าวายร้ายทั้งสาม มาให้แม่เลี้ยงอย่างข้ากล่อมเกลาเสียดีๆ - บทที่ 149 เรื่องราวของหลี่ฟาน
- Home
- เจ้าวายร้ายทั้งสาม มาให้แม่เลี้ยงอย่างข้ากล่อมเกลาเสียดีๆ
- บทที่ 149 เรื่องราวของหลี่ฟาน
บทที่ 149 เรื่องราวของหลี่ฟาน
ลุงหลี่และจูเฉิงอยู่ที่ค่ายทหารเพื่อรักษาตัวก่อน ส่วนถังหลี่นั้นออกมาจากค่ายพร้อมกับผู้บัญชาการฝาง ใช่แล้ว ตอนนี้ฝางหวู่ได้รับตำแหน่งคืนเป็นผู้บัญชาการฝางแล้ว นี่คือสิ่งที่ถังหลี่ขอเป็นการแลกเปลี่ยนกับแบบร่างของคันธนูและหน้าไม้
แต่อย่างไรก็ตาม ผู้บัญชาการฝางไม่อาจจะรู้ข้อเท็จจริง
สิ่งที่ชายหนุ่มเห็นคือแม่ทัพเฉาออกมาส่งถังหลี่เป็นการส่วนตัว พร้อมรอยยิ้มจาง ๆ ที่ประดับอยู่บนใบหน้าที่แสนเย็นชาของเขา ผู้บัญชาการฝางทำงานภายใต้สังกัดของแม่ทัพเจิ้งเป่ยมาระยะหนึ่งแล้ว แต่ชายหนุ่มไม่เคยเห็นแม่ทัพมีท่าทีเช่นนี้มาก่อน
การคืนยศให้ฝางหวู่นั้นราวกับความฝัน
สิ่งที่สาวน้อยคนนี้ไปพูดกับไป๋มู่หยางนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลย
ผู้บัญชาการฝางพาถังหลี่กลับไปที่กองทหารรักษาการณ์ ซึ่งที่นั่นไป๋มู่หยางกำลังรอคอยทั้งสองคนอย่างสงบ มีเพียงปลายนิ้วของเขาที่เคาะหน้าตักไม่หยุดเท่านั้นที่บ่งบอกว่าตัวเขากำลังไม่สบายใจ ทันทีที่เห็นน้องสาวไป๋มู่หยางลุกขึ้นเดินไปข้างหน้านางอย่างรวดเร็ว ก่อนจะโล่งใจเมื่อเห็นว่าหญิงสาวตรงหน้าปลอดภัยดี
“พี่ใหญ่ ข้าสบายดี” ถังหลี่รู้ว่าชายหนุ่มกำลังเป็นห่วงนาง จึงพูดด้วยรอยยิ้ม
“พี่ใหญ่ข้าทำสำเร็จแล้วนะ ผู้บัญชาการฝางได้ยศคืนแล้ว”
ไป๋มู่หยางหันไปมองที่ผู้บัญชาการฝาง ชายหนุ่มพยักหน้ารับพลางตบไปที่บ่าของเขา
“น้องสาวเจ้าเป็นคนน่าเหลือเชื่อมาก”
“ดีมาก” ไม่เพียงแค่นั้น ยังทำให้แม่ทัพเฉายิ้มได้ด้วย…
ถังหลี่และไป๋มู่หยางไม่ได้อยู่ที่กองทหารรักษาการณ์ หลังจากที่พวกเขาเอ่ยคำอำลากันแล้ว ทั้งสองคนก็กลับไปยังโรงเตี๊ยม เมื่อกลับเข้าห้องและปิดประตู ถังหลี่เริ่มเล่าเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในค่ายทหารให้ไป๋มู่หยางฟัง ชายหนุ่มตกใจมาก
แม่ทัพเจิ้นเป่ยเป็นสหายเก่าของลูกชายลุงหลี่! เป็นความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นมาก!
เมื่อเรื่องจบลงเช่นนี้ เป็นการจบที่ดีอย่างที่คาดไม่ถึง
“พรุ่งนี้แม่ทัพเฉาจะกลับไปที่หมู่บ้านลี่เจียกับพวกเรา”
“ดี คืนนี้หลับฝันดีนะน้องเล็ก” ไป๋มู่หยางพยักหน้ารับ
ผ่านไปเกือบสี่วันตั้งแต่ที่พวกเขาออกมาจากเหมืองเหยาสุ่ย ทุกคนวิ่งเต้นแก้ปัญหาทุกอย่างแทบจะไม่ได้หลับให้เต็มอิ่ม ในที่สุดคืนนี้จึงเป็นคืนที่พวกเขานอนหลับฝันดีได้
…
ในค่ายทหาร
เฉาเช่ามองไปยังดวงจันทร์บนท้องฟ้า ภาพในอดีตก็หวนคืนมาในความทรงจำของเขา ครั้งนั้นเมื่อสงครามที่น่าสลดใจจบลง เขากับพี่ฟานนอนอยู่ท่ามกลางซากศพในสนามรบด้วยกัน เมื่อมองไปที่ดวงจันทร์บนท้องฟ้าเฉาเช่าเห็นความโหยหาในใบหน้าของหลี่ฟาน
“พี่ฟาน ท่านคิดถึงบ้านหรือ?”
ชายหนุ่มพยักหน้ารับ “หลังจากสงครามจบลง ข้าวางแผนว่าจะกลับบ้าน”
“พี่จะกลับบ้านหรือ?…พี่ฟานตอนนี้มีกำลังทหารมากเพียงพอแล้ว หลังจากการสู้รบอีกสองสามครั้ง ก็จะสามารถกอบกุมชัยชนะเอาไว้ได้แล้ว”
“เมื่อคืนข้าฝันถึงลูกสาวข้า เด็กหญิงตัวเล็ก ๆ ตอนนี้คงเติบใหญ่ขึ้นแล้ว” หลี่ฟานกล่าว
“พี่คิดถึงลูกสาวหรือ?”
“ใช่ ทหารเช่นเราไม่สามารถย่อท้อได้เพื่อชัยชนะ แต่ข้าไม่ควรฟังคำพูดของพ่อข้าตั้งแต่แรก ในตอนที่ข้าแต่งงาน เขาบอกว่าข้าควรมีบุตรหลานทิ้งเอาไว้บ้าง คำขอร้องของบิดาทำให้ข้าต้องมุ่งไปข้างหน้าเลิกล้มไม่ได้” หลี่ฟานมีสีหน้าจนใจ
เฉาเช่ารู้ว่าอีกฝ่ายกำลังคิดอะไร หลี่ฟานต้องการประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน เขาอยากได้ยศได้ตำแหน่ง แตกต่างจากเฉาเช่าการที่เขาเข้ามาในกองทัพนั้นมีแค่เหตุผลเดียวเท่านั้นคือหาเงินเพื่อเลี้ยงตนเอง
“เฉาเช่า กลับไปที่บ้านข้าด้วยกันไหม? ลูกสาวของข้าน่ารักมาก ในวันที่นางพูดได้ ข้าจะให้นางเรียกเจ้าว่าท่านอา”
เฉาเช่าไม่มีบ้าน ดังนั้นเขาจึงอยากรู้เกี่ยวกับครอบครัวของพี่ฟาน เขารีบพยักหน้ารับ
“ก็ได้ ข้าจะซื้อขนมให้นาง”
“นางต้องชอบเจ้าแน่ ยัยเด็กตะกละ”
ทั้งคู่จินตนาการถึงภาพนั้นในหัว พวกเขาอดไม่ได้ที่จะหัวเราะและตั้งตารอ แต่ในช่วงครึ่งหลังของคืนนั้น ศัตรูเข้ามาโจมตีอย่างกระทันหัน ด้วยความแข็งแกร่งที่มากกว่าหลายเท่าทำให้ทุกคนตกเป็นเบี้ยล่าง ตอนนี้พวกเขาต้องสู้จนตัวตายเท่านั้น
ทหารที่อยู่รายรอบค่อย ๆ ล้มลงทีละคน หยดเลือดสาดกระเซ็นไปทั่วทั้งใบหน้า ตอนนั้นเขาหมดแรงแล้ว ก่อนจะรู้ตัวมีง้าวกำลังวาดฟันมาที่ตัวของเฉาเช่า เขาไม่มีเรี่ยวแรงที่จะหลบหนีอีกแล้ว พี่ฟานเห็นดังนั้นก็รีบวิ่งเข้ามาขวางไว้ ง้าวจึงเบี่ยงเข้าไปเฉาะฟันร่างกายของหลี่ฟานแทนเขา
ในตอนนั้นเองสรรพเสียงทุกอย่างเงียบงัน มีเพียงเสียงของง้าวที่เจาะเข้าไปในร่างกายเท่านั้น เฉาเช่าระเบิดอารมณ์ออกมา ดวงตาของเขาแดงก่ำ เด็กหนุ่มกัดฟันต่อสู้ ในไม่ช้าเขาก็สามารถล้มศัตรูที่อยู่รอบตัวลงได้
“ใช้ชีวิตให้ดี…ถ้ามีโอกาสไปหาลูกสาวข้า….”
หลังจากจบประโยคนี้หลี่ฟานก็ล้มลง ต่อมาเฉาเช่าหมดสติไป ในตอนที่รู้สึกตัวอีกครั้งเขารู้สึกว่ามีบางอย่างกำลังทับเขาอยู่ เป็นศพของหลี่ฟาน แผ่นหลังของพี่ฟานมีแผลเหวอะหวะมากมาย เลือดที่บาดแผลจับตัวกันเป็นก้อน
ในคืนนั้นเป็นพวกเขาที่พ่ายแพ้ บาดแผลเหล่านั้นคือการโจมตีจากศัตรู ถ้าไม่ใช่เพราะหลี่ฟานล่ะก็ คนที่ต้องไปนอนในหลุมจะต้องเป็นเฉาเช่าแน่นอน
หลี่ฟานช่วยชีวิตเขาไว้ถึงสองครั้ง
พี่ฟานเสียสละชีวิตเพื่อเขา…
ตั้งแต่นั้นมาแม่ทัพเฉาจึงใช้ชีวิตเพื่อสานต่อความฝันของหลี่ฟาน เขาทำบุญ อุทิศส่วนกุศลให้พี่หลี่ฟานมากมาย ตามหาบุตรสาวของหลี่ฟาน ตระเตรียมหมอที่เก่งที่สุดเพื่อรักษาคอของนาง
พี่ฟานบอกว่าบ้านเกิดของเขาอยู่ที่หมู่บ้านลี่เจีย มณฑลชิงเหอ แต่ในเขตชิงเหอนั้นหมู่บ้านที่ชื่้อลี่เจียมีมากเกินไป ไม่ว่าชายหนุ่มจะหาเท่าไหร่ก็ไม่เจอวี่แวว จนในที่สุดก็ถึงวันนี้
“พี่ฟาน พรุ่งนี้ข้าจะไปหาลูกสาวท่านและซื้อขนมให้นางนะ” เฉาเช่าพูดพลางมองดูดวงจันทร์บนฟ้า
……
วันถัดมา
ถังหลี่และไป๋มู่หยางเดินออกมาจากโรงเตี๊ยม เมื่อออกมาพวกเขาก็เห็นรถม้ากำลังจอดรอยู่ที่ด้านหน้าประตู ในนั้นมีบุรุษผู้หนึ่งท่าทางสง่าผ่าเผย สวมชุดเข้ารูปสีดำ ไม่มีท่าทีดุร้ายหรือเย่อหยิ่งเลย คน ๆ นี้คือ เฉาเช่า แม่ทัพเจิ้นเป่ย เมื่อเฉาเช่าเห็นถังหลี่ ชายหนุ่มจุดรอยยิ้มจาง ๆ แทน ทำให้ใบหน้าของเขาลดความน่ากลัวลงไปได้
“แม่ทัพเฉา อรุณสวัสดิ์” ถังหลี่พึมพำ
“พระอาทิตย์ขึ้นแล้ว…สาวน้อยยังง่วงอยู่อีกหรือ?” เฉาเช่าพูดด้วยรอยยิ้ม
ไป๋มู่หยางมองดูการโต้ตอบพูดคุยของน้องสาวกับแม่ทัพเฉาคนนี้ก็รู้สึกประหลาดใจ ชายหนุ่มคลี่ยิ้มอ่อนโยนเช่นเคย ก่อนจะทักทายเฉาเช่า
ทั้งสองเข้าไปในรถม้า
“นายท่านไป๋ อย่าลืมคิดถึงข้านะ!” เถ้าแก่เนี้ยฮวายืนอยู่ที่หน้าประตู นางขยิบตาให้แก่ไป๋มู่หยาง
ชายหนุ่มเสแสร้งทำเป็นไม่ได้ยินสิ่งที่นางพูด เขารีบขึ้นรถม้า
“ถังถัง ถ้าได้มาฉินโจวก็อย่าลืมข้าเล่า!”เถ้าแก่เนี้ยฮวาไม่ได้สนใจชายหนุ่ม นางพูดกับถังหลี่
“ได้สิพี่ฮวา” ถังหลี่ตอบรับอย่างเชื่อฟัง
รถม้าขนาดใหญ่เคลื่อนที่ไป จูเฉิงและลุงหลี่นั่งอยู่ในนั้น ตอนนี้อาการบาดเจ็บของคนทั้งคู่ดีขึ้นแล้ว อย่างไรก็ตามทั้งสองคนยังหวาดกลัวเฉาเช่าอยู่บ้าง พวกเขาไม่กล้าแม้แต่จะสบตา ทางด้านแม่ทัพเจิ้นเป่ยเองก็ไม่ใช่คนช่างพูด เขาไม่รู้ว่าจะเริ่มบทสนทนาได้อย่างไร เขาจึงทำได้แต่เพียงพูดคุยกับถังหลี่เป็นครั้งคราวเท่านั้น
“อ่า…แม่ทัพเฉา ลูกข้าตายที่ไหนหรือ?” ลุงหลี่ถามอย่างตรงไปตรงมา
“หยิ่งโจว” เฉาเช่ากล่าว
“หยิ่งโจว…” ลุงคิดครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง จากความทรงจำของเขาเคยมีคนกล่าวเมื่อหลายปีก่อนว่าตนเองนั้นหลบหนีมาจากหยิ่งโจว ใช้เวลาเดือนทางถึงหนึ่งเดือน
“ไกลเหลือเกิน…ลูกชายข้าเป็นคนชอบผจญภัยตั้งแต่เด็ก เขาจึงกล้าที่จะวิ่งหนีไปไกลจนไม่เหลือแม้แต่ศพให้เห็น”
เฉาเช่าเงียบ เขาไม่ได้พูดอะไรออกไป ตอนนี้หัวใจของชาหนึบเต็มไปด้วยความไม่สบายใจ
“กลับบ้านแล้วต้องหาที่ทางทำสุสาน จะได้ไม่เป็นผีที่เหงาเกินไป” ลุงหลี่พึมพำ
เป็นเพราะร่างกายของลุงหลี่ที่ยังไม่ฟื้นตัวดีนัก รถม้าแล่นไปช้ามาก กว่าจะถึงเมืองเหยาสุ่ยก็เป็นเวลากลางดึกแล้ว
ถังหลี่จัดแจงให้ทุกคนนอนพักที่บ้านนาง
เมื่อรถม้าหยุดลงอยู่หน้าบ้าน ทันใดนั้นเงาสีดำก็ตกลงมาจากหลังคา เฉาเช่าและทหารรับใช้ของเขาพากันตื่นตัวระแวดระวัง
หญิงสาวดีใจมากเมื่อเห็น ถังหลี่รีบวิ่งเข้าไปตรงเงาดำทันที
เว่ยฉิงกอดนางไว้ในอ้อมแขนโอบรอบเอวคอดของหญิงสาวไว้ ก่อนที่ชายหนุ่มจะพบกับเฉาเช่า แม่ทัพหนุ่มรู้สึกประหลาดใจมาก เมื่อเห็นชายหนุ่มที่มีสีหน้าเรียบเฉยเวลามองมาที่ตนเอง ใบหน้าของชายผู้นี้ดูมีความกล้าหาญและไหวพริบ
ยิ่งไปกว่านั้นร่างกายของอีกฝ่ายนั้นแข็งแกร่งมาก รูปลักษณ์ของเขาแตกต่างจากคนทั่วไป
“แม่ทัพเฉา นี่สามีของข้า เว่ยฉิง”
———————–