เจ้าวายร้ายทั้งสาม มาให้แม่เลี้ยงอย่างข้ากล่อมเกลาเสียดีๆ - บทที่ 192 พ่อลูกไม่แยกจาก
บทที่ 192 พ่อลูกไม่แยกจาก
เมื่อคนสกุลฟางเข้าไปในห้องพักของโรงเตี๊ยมก็พบกับเว่ยฉิงที่นอนเอาขาพาดอยู่บนเตียง เขากำลังรอเวลาเพื่อไปพาตัวเอ้อร์เป่าออกมา ชายหนุ่มยืนขึ้นมองไปที่เขาอย่างดุดัน
“เว่ยฉิง เจ้าเอาเหยียนเอ๋อร์ไปไว้ไหน” ใบหน้าของฟางเจี๋ยมืดครึ้มราวกับจะมีน้ำหมึกไหลหยดออกมา
“เอ้อร์เป่าหายไปหรือ?” คิ้วหน้าของเว่ยฉิงขมวดย่น
“เจ้าไม่ได้หลอกล่อเขาหรือ? เจ้ารู้หรือไม่ว่าท่านพ่อของข้าป่วยหนักเพียงใด หากเหยียนเอ๋อร์หนีไปเช่นนี้ เจ้าคิดว่าเป็นเรื่องดีแล้วหรือ? เขาจะกลายเป็นเด็กอกตัญญู เจ้ากำลังทำร้ายเขา!” ฟางเจี๋ยกล่าวอย่างขุ่นเคือง
เว่ยฉิงทำให้เรื่องราวใหญ่โต เขากำลังทำร้ายตระกูลฟาง! เหตุใดเหยียนเอ๋อร์ถึงได้ถูกบุรุษเช่นนี้เลี้ยงดูนะ? สู้ให้เขาโดนขอทานเลี้ยงเสียยังจะดีกว่า อย่างน้อยขอทานพวกนั้นก็ไม่มีอุบายชั่วร้ายแบบนี้!
“ไร้สาระ! เจ้าไม่ให้ข้าเจอลูกชายข้า แล้วข้าจะไปหลอกล่อเขาได้อย่างไร” เว่ยฉิงพูดด้วยความโกรธ
“ไม่ใช่เพราะเจ้าบีบบังคับเขาหรือ? เขาจึงหนีไป!”
เว่ยฉิงโกรธมาก ดวงตาสีเข้มของเขากวาดมองไปที่ฟางเจี๋ยก่อนจะเงื้อหมัดชกเข้าไปที่หน้าของเขา หมัดนั้นมีพลังรุนแรงมากจนฟางเจี๋ยมึนงง เลือดไหลออกจากจมูกเขา!
บ่าวรับใช้พากันตกใจมาก ก่อนจะได้สติอย่างรวดเร็ว พวกเขากรูกันเข้ามาจับเว่ยฉิง แต่ชายหนุ่มหันหลังกระโดดออกจากหน้าต่างไปทันที ฟางเจี๋ยเอามือปิดจมูกของตนเองวิ่งไปดูที่หน้าต่าง เห็นเพียงแค่ด้านหลังของเว่ยฉิงที่กระโดดลงกับพื้นเท่านั้น
“มันหนีไปแล้ว! มันเป็นขโมย! มันต้องรู้แน่ว่าเหยียนเอ๋อร์อยู่ไหน รีบตามมันไป!”
บ่าวรับใช้รีบวิ่งตามเขาไปอย่างรวดเร็ว
ตอนนี้เว่ยฉิงกำลังร้อนใจ เอ้อร์เป่าอยู่ไหน?
เมืองฉินโจวนั้นเป็นเมืองที่ใหญ่มาก มีผู้คนมากมาย และมีพวกโจรชุกชุม หากเอ้อร์เป่าไปเจอพวกมันเข้า….
เว่ยฉิงไม่กล้าคิดอีกต่อไป
ตอนนี้ชายหนุ่มกำลังวิ่งไปทั่วตลาดเหมือนไก่ที่ไร้หัว
“เอ้อร์เป่า!”
ขณะที่วิ่งเขาก็ร้องตะโกนไปเรื่อย ๆ ชายหนุ่มวิ่งไปตามถนนแต่ก็ไม่พบเด็กชายเลย เว่ยฉิงตัดสินใจที่จะนิ่งสงบขึ้น เขาค่อย ๆ ครุ่นคิด เอ้อร์เป่าหนีออกจากจวนสกุลฟางมาตามหาเขาแน่นอน เอ้อร์เป่าไม่รู้ว่าเขาอยู่ที่โรงเตี๊ยม ดังนั้นเด็กชายจะไปหาเขาที่ไหน?
ที่ไหนนะ?
เอ้อร์เป่าจะไปที่ไหนได้?
จู่ ๆ เว่ยฉิงก็นึกถึงสถานที่แห่งหนึ่ง ชายหนุ่มรีบวิ่งไปที่นั่นทันที เว่ยฉิงสอบถามเกี่ยวกับสถานที่เช่ารถม้าในบริเวณใกล้เคียง ก่อนจะรีบวิ่งไปทันที เขาวิ่งไปหลายที่และเมื่อถึงแห่งที่สี่ เขาก็เห็นร่างเล็ก ๆ นั่งอยู่บนบันไดประตู คางเล็ก ๆ ของเขาวางเกยอยู่บนหัวเข่าของตนเอง เด็กน้อยกำลังนั่งสัปหงก ภาพนั้นทำให้เว่ยฉิงมีความสุขมาก
“เอ้อร์เป่า!” เว่ยฉิงตะโกน
เอ้อร์เป่าเงยหน้าขึ้น เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายคือเว่ยฉิง ดวงตาของเด็กชายเปล่งประกายวาบ เอ้อร์เป่ายืนขึ้น รีบวิ่งออกไปหาบิดาทันที เว่ยฉิงอุ้มลูกชายมากอดไว้แน่น
“ท่านพ่อ!” เอ้อร์เป่าซุกตัวลงในอ้อมแขนของผู้เป็นบิด
เดิมทีเขาตั้งใจจะกลับเมืองเหยาสุ่ยด้วยรถม้า แต่เขาสงสัยว่าท่านพ่อยังอยู่ในเมืองฉินโจวหรือเปล่า?
ท่านพ่อไม่มีทางทิ้งเขาไว้ข้างหลัง!
พวกสกุลฟางโกหกเขา!
แน่นอนว่าที่เด็กชายคิดนั้นถูกต้อง แล้วเว่ยฉิงยังอยู่ในเมืองฉินโจว!
เอ้อร์เป่าซุกอยู่ในอ้อมกอดของบิดา ตอนนี้เด็กชายรู้สึกปลอดภัยเป็นอย่างมาก สองพ่อลูกแบ่งปันอ้อมกอดกันอย่างแนบแน่น ก่อนที่พวกเขาจะออกจากจุดเช่ารถม้า ทันทีที่พวกเขาเดินออกมาก็พบกับฟางเจี๋ยที่สภาพไม่ค่อยดีนัก เขามาพร้อมกับบ่าวรับใช้ ฟางเจี๋ยจ้องมองมาที่เว่ยฉิงอย่างดุเดือด
“เป็นอย่างที่คิดจริง ๆ เจ้าเอาเหยียนเอ๋อร์ไปซ่อนไว้!”
เว่ยฉิงรู้สึกพูดไม่ออก
เอ้อร์เป่าหายตัวไป ในขณะที่เขาแทบจะเป็นบ้าด้วยความหวาดกลัว เด็กที่เชื่อฟังผู้ใหญ่อย่างเอ้อร์เป่าต้องถูกคนพวกนี้บังคับจนเป็นเช่นนี้ มันเป็นความรับผิดชอบเว่ยฉิงด้วยส่วนหนึ่ง แต่ที่แย่ไปกว่านั้นชายคนนี้ไม่กังวลเลยว่าเอ้อร์เป่าหายไปไหน เขาเอาแต่โทษเว่ยฉิงอย่างเดียว เขาเป็นพ่อที่ดีแล้วจริงหรือ?
“แล้วอย่างไร? นี่คือลูกชายของข้า ข้าจะพาลูกชายข้ากลับบ้าน!” เว่ยฉิงพูดอย่างหมดความอดทน
ตอนนี้เว่ยฉิงเห็นแล้วว่านายท่านฟางแท้จริงเป็นอย่างไร ลูกชายที่เขาเลี้ยงดูมาด้วยหัวใจต้องไม่ถูกคนผู้นี้ทำร้ายโดยเด็ดขาด!
“ลูกเจ้าอะไรกัน? เด็กคนนี้คือลูกชายข้า เจ้าจะลักพาตัวเขาใช่หรือไม่? เว่ยฉิง ถ้าเจ้ากล้าพาเขาไป ข้าจะแจ้งทางการ เจ้าไม่รู้หรือว่ามีความผิดฐานลักพาตัวเด็ก!” ฟางเจี๋ยพูดข่มขู่
“คิดว่าข้าสนใจหรือ? ถ้าเจ้ามีความสามารถจับข้าเอาสิ” เว่ยฉิงเริ่มหงุดหงิด
“ท่านพี่ ค่อย ๆ พูดคุยกันดีหรือไม่? อย่าพูดอะไรเกี่ยวกับเรื่องแจ้งทางการเลย” ฟางจวิ่นค่อย ๆ เกลี้ยกล่อม
ฟางเจี๋ยสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ เพื่อสงบสติอารมณ์
“เหยียนเอ๋อร์ มาหาพ่อ” ฟางเจี๋ยพูดเบา ๆ
เอ้อร์เป่ามองชายตรงหน้าอย่างเย็นชา บุรุษคนนี้เป็นคนโกหกปิดบังเขา เขาไม่ชอบคนผู้นี้ เด็กชายไม่สนใจเขาต่อไป เอ้อร์เป่าทำเพียงฝังศีรษะเล็ก ๆ ไว้ในอ้อมแขนของเว่ยฉิงเท่านั้น
เจ้าลูกอกตัญญู!
ฟางเจี๋ยรู้สึกหน้ามืด
“เว่ยฉิงอย่าเพิ่งรีบกลับไปเลย พี่ชายข้าอาจจะทำผิดไป แต่ตอนนี้ท่านพ่อของข้าป่วยหนักมาก และเขาอยากเห็นเอ้อร์เป่าเมื่อเขาตื่นขึ้นมา หากเขาไม่ได้เจอหน้าหลานอาการจะต้องทรุดลงแน่นอน …อย่างไรเสียเขาก็คือปู่ของเอ้อร์เป่า ถ้ามีสิ่งใดที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้น เอ้อร์เป่าจะต้องรู้สึกเสียใจมาก”
เว่ยฉิงมองไปที่เด็กชายในอ้อมกอดของเขา และอีกฝ่ายก็เงยหน้ามามองเขาเช่นกัน
อันที่จริงเอ้อร์เป่าเกลียดฟางเจี๋ย แต่เขาไม่ต้องการให้ท่านปู่เป็นอะไร
เอ้อร์เป่าขมวดคิ้ว เขาคิดไม่ตก
เมื่อเว่ยฉิงเห็นบุตรชายกำลังครุ่นคิดก็นิ่ง อย่างไรก็ตามนายท่านฟางเป็นคนเจ้าระเบียบ หากไม่มีปู่ของเอ้อร์เป่าพวกเขาคงจากไปแล้ว แต่ชายชราผู้นั้นกำลังป่วยหนัก หากเขาเป็นอะไรไปเอ้อร์เป่าคงรู้สึกผิดไปตลอดชีวิ
“เอ้อร์เป่าอยู่ได้ แต่ข้าต้องอยู่กับเขาด้วย”
ใบหน้าของเอ้อร์เป่าถูไปกับแผ่นอกของเว่ยฉิง ท่านพ่อใจดี!
ฟางเจี๋ยโกรธมาก หมายความว่าชายคนนี้จะอยู่กับเหยียนเอ๋อร์ตลอด ในตอนที่เหยียนเอ๋อร์อยู่กับปู่ของเขา
แล้วตัวเขาเล่า?
ฟางเจี๋ยไม่เห็นด้วยอย่างยิ่ง
“ท่านพี่ ข้าคิดว่าไม่เป็นไรหรอก” ฟางจวิ่นพยายามเกลี้ยกล่อมพี่ชาย
เขาแตะข้อศอกของพี่ชายไว้ ตอนนี้ใบหน้าของพี่ชายเขาเต็มไปด้วยโทสะ ฟางเจี๋ยไม่เห็นด้วย หากว่าเขาตกลงเท่ากับว่าเขายอมแพ้
“ท่านพี่ สุขภาพของท่านพ่อเป็นเรื่องสำคัญที่สุด อดทนต่อเรื่องเล็กน้อยเช่นนี้เถิด” ฟางจวิ่นพูดอีกครั้ง
เมื่อนึกถึงสุขภาพของบิดาทำให้ฟางเจี๋ยระงับโทสะของตนเองลง และเรื่องราวก็จบลงเช่นนี้ เว่ยฉิงไปอยู่ที่บ้านของสกุลฟางพร้อมกับเอ้อร์เป่า สองพ่อลูกตัวติดกันตลอด ทำให้ไม่มีโอกาสไหนที่จะจับพวกเขาแยกออกจากกันได้
ฟางเจี๋ยรู้สึกไม่สบายใจทุกครั้งที่ได้พบกับเว่ยฉิง ยามกลับไปที่เรือน ใบหน้าเขาบึ้งตึงตลอด
“ท่านพี่ ทุกครั้งที่ข้าไปหาเหยียนเอ๋อร์ เว่ยฉิงจะอยู่กับเขาตลอด เมื่อมีคนนอกอยู่ข้าง ๆ แบบนี้ข้าก็ไม่สามารถอยู่กับลูกได้ ความสัมพันธ์ของข้ากับเหยียนเอ๋อร์ก็ยิ่งแย่ลงไปอีก” นางถังอดไม่ได้ที่จะบ่น
“เขาเป็นพวกหน้าหนามากินมาดื่มที่บ้านของเรา ใช้ประโยชน์จากเหยียนเอ๋อร์ เขายังเอาแต่พร่ำบอกว่าเขารักเหยียนเอ๋อร์จะอยู่ที่นี่กับลูก ทุกคนรู้ว่าเขามีพ่อบุญธรรม หากเป็นเช่นนี้เหยียนเอ๋อร์จะถูกมองไม่ดี” ฟางเจี๋ยพูดอย่างเย็นชา
“ท่านพี่คิดว่าเขาต้องการอะไร? หรือเงินมันน้อยเกินไป เราให้เงินเขามากกว่าเดิมดีหรือไม่?” นางถังกล่าว
“ข้าจะคิดหาวิธีภายหลัง” ฟางเจี๋ยกุมขมับของตัวเอง
เขามอบเงินให้กับเว่ยฉิงไปสามพันตำลึง แต่ชายหนุ่มผู้นั้นยังไม่พอใจ หรือว่านี่จะเป็นคือหลุมลึกที่ไม่มีก้นเหวกันแน่
อย่างไรก็ตามฟางเจี๋ยได้พยายามอย่างดีที่สุดแล้ว เป็นเว่ยฉิงเองที่ปฏิเสธเงินเหล่านั้น