เจ้าวายร้ายทั้งสาม มาให้แม่เลี้ยงอย่างข้ากล่อมเกลาเสียดีๆ - บทที่ 22 การค้าของถังหลี่
บทที่ 22 การค้าของถังหลี่
หากทว่า..
“โอ้ …ข้าต้องขออภัย… ข้าหาได้สนิทชิดเชื้อกับเจ้ามากนัก ข้าคงไม่สามารถไปร่วมงานฉลองแต่งงานของคนที่รู้จักเพียงผิวเผินได้หรอก”
“เจ้าเป็นบ้าไปแล้วสินะ! ข้าแค่หวังดี ทำไมต้องดูหมิ่นน้ำใจกันขนาดนี้ด้วย!” เฉินเสี่ยวชุ่ยโกรธ นังหญิงไร้มารยาทคนนี้ไม่รู้จริง ๆ หรือแกล้งไม่รู้กันแน่ว่านางหมายถึงอะไร เหตุใดจึงกล้าพูดกับนางแบบนี้
ถังหลี่ขมวดคิ้ว นี่นางแกล้งโง่หรือ? ขณะที่ถังหลี่กำลังจะตอกกลับนางเป็นครั้งที่สาม มือของหญิงสาวก็ถูกเกาะกุมไว้ด้วยฝ่ามือใหญ่ของเว่ยฉิง
“ภรรยา อย่าเปลืองน้ำลายกับนางเลย ข้าจัดการเอง” เว่ยฉิงพูดกับถังหลี่ด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนถึงสิบส่วน วาจาอ่อนหวานถึงเพียงนี้ ทำให้เฉินเสี่ยวชุ่ยถึงกับตกตะลึง นางมองไปที่ชายหนุ่มและยิ่งประหลาดใจมากขึ้นเมื่อเห็นรอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าคมสันนั้น
ผู้ชายดุร้ายอย่างเขาอ่อนโยนถึงขนาดนี้ได้อย่างไร?
ไม่กี่อึดใจถัดมา ก้านไม้ไผ่ถูกตีกระทบเข้ากับร่างของเฉินเสี่ยวชุ่ยอย่างแรง โดยที่ผู้ตีไม่คิดแม้แต่จะออมแรงเลยด้วยซ้ำ เฉินเสี่ยวชุ่ยเจ็บปวดมากจนต้องร้องออกมา
“โอ๊ย!!”
“หยุดนะ!”
เฉินเสี่ยวชุ่ยกรีดร้อง เว่ยฉิงไม่คิดจะปราณี เขาลากนางออกไปจากลานบ้าน
“เจ้าไม่ได้ต้องการแบบนี้หรือ? ข้าก็สนองให้แล้วไง” เว่ยฉิงหัวเราะและส่งยิ้มอย่างจริงใจ เขาพยายามใจเย็นแล้ว ถังหลี่ยกนิ้วโป้งให้เว่ยฉิงอย่างชื่นชม
เฉินเสี่ยวชุ่ยวิ่งหนีไปไกล ในชั่วไม่กี่อึดใจนั้นเอง ชุดผ้าไหมราคาแพงของนางก็ขาดวิ่นทำให้หญิงสาวโกรธมาก
“ช่างหยิ่งนักนะ!! ข้าคือฮูหยินไป๋! ส่วนพวกมันก็แค่คนง่อยกับคนที่ต้องทนอยู่กับสามีง่อย ๆ ไปตลอดชีวิต!! ไม่มีวันลืมตาอ้าปากได้หรอก!!” เฉินเสี่ยวชุ่ยถ่มน้ำลายไปบนพื้นก่อนจะเดินกลับ แต่เท้าเจ้ากรรมดันสะดุดก้อนหินจนพลิก ทำให้นางหน้าคะมำลงไปในแอ่งน้ำเหม็นเหมือนลูกนกตกน้ำ เฉินเสี่ยวชุ่ยดิ้นรนสะบัดตัวไปมาในแอ่งน้ำอย่างน่าอดสู
……
หมอซูมาฝังเข็มให้เว่ยฉิงทุกวัน เดิมทีถังหลี่ต้องการให้เว่ยฉิงนอนลงและพักผ่อนให้เต็มที่ แต่ชายหนุ่มช่างดื้อดึง นอกจากจะไม่พักผ่อนแล้วยังแอบออกไปสานตะกร้าตอนที่นางเผลออีกด้วย ถังหลี่ถามหมอซูอย่างกังวลแต่เมื่อหมอซูยืนยันว่าไม่ได้กระทบต่อการพักฟื้นของเขา นางจึงปล่อยให้เว่ยฉิงสานตะกร้าไม้ไผ่ต่อไป และในไม่ช้าก็มีจำนวนกองสูงมากขึ้น
“เหตุใดเจ้าต้องทำงานหนักมากขนาดนี้”
“ข้าจะหาเงินให้ได้สิบตำลึง จะได้ซื้อชุดผ้าไหมให้เจ้าได้ใส่บ้าง” เว่ยฉิงกล่าว การมาเยือนของเฉินเสี่ยวชุ่ยทำให้เว่ยฉิงมีความคิดใหม่ นั่นคือ เขาต้องทำงานหาเงินให้มาก ๆ มาซื้อเสื้อผ้าดี ๆ ให้ภรรยา ถ้าคนอื่นมีได้ เว่ยฉิงก็จะทำงานให้หนักเพื่อนำมันมามอบให้ภรรยาเขาให้ได้ เขาจะได้ไม่รู้สึกละอายใจกับนางมากนัก !
อาจกล่าวได้ว่าเว่ยฉิงมีความทะเยอทะยานเป็นอย่างมาก จนสามารถสานตะกร้าไม้ไผ่ได้อย่างรวดเร็ว ถังหลี่รู้สึกอบอุ่นในหัวใจนัก ว่ากันว่า การมีสามีที่ดีไม่ใช่จะดูที่ความร่ำรวยเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่ต้องดูด้วยว่าสามีผู้นั้นเต็มใจจะจ่ายให้ภรรยาของตนมากแค่ไหน ยิ่งเขาเต็มใจจ่ายมากนั่นย่อมแสดงว่าเขารักใคร่และห่วงใยในตัวภรรยามากเท่านั้น ถ้ามองจากมุมนี้แล้ววายร้ายผู้นี้คือสามีที่ดีก็ไม่ผิดนัก !
ในช่วงเวลาสองวันที่ผ่านมา ถังหลี่กับเว่ยฉิงช่วยกันสานตะกร้าไม้ไผ่ จากนั้นทั้งคู่ก็จะเดินไปที่แม่น้ำเพื่อจับปลา เป็นอาหารให้แก่คนในครอบครัว หญิงสาวคิดว่าน่าจะถึงเวลาแล้วที่เจ้าของร้านผ้าจะให้คำตอบแก่นางได้ ดังนั้นนางจึงวางแผนเข้าเมืองเพื่อทำการค้าขายนี้ แต่หญิงสาวก็อดรู้สึกประหม่าไม่ได้
ถังหลี่เดินทางไปที่บ้านของหมอซูและรับงานปักทั้งหมดของฮูหยินซูมา คู่สามีภรรยายืนมองหญิงสาวอยู่ที่หน้าประตูบ้าน จนร่างของนางเล็กลงเรื่อย ๆ จนลับตา
ซูฟู่ฉิงทำงานปักผ้าอย่างหักโหมมาก นางปักผ้าถึงสามชิ้นภายในเวลาห้าวัน ซึ่งนับได้ว่าเป็นความเร็วที่สุดของนางแล้ว แต่เมื่อซูฟู่ฉิงคิดได้ว่าสิ่งนี้จะทำเงินให้กับนางได้ เพื่อที่จะไม่เป็นภาระกับสามีอีกต่อไป นางจึงลงมือตั้งใจทำมันอย่างเต็มที่
แต่ลึก ๆ แล้ว.. .ซูฟู่ฉิงก็ยังรู้สึกออกจะกระวนกระวายใจอยู่บ้างไม่น้อย..
“ท่านพี่ ท่านคิดว่าถังหลี่จะขายมันได้หรือไม่?”
ฮูหยินซูรู้สึกวิตกจริง ๆ ว่ามันอาจจะไม่เป็นอย่างที่คิดเอาไว้ เพราะการขายงานปักผ้าในเมืองเล็ก ๆ แห่งนี้เป็นเรื่องที่ยากเกินไป หมอซูโอบไหล่ภรรยาเพื่อป้องกันลมหนาวที่พัดผ่านมา
“ได้สิ ขนาดหญ้าระฆังเงินนางยังหาได้เลย มันคงไม่มีอะไรเป็นไปไม่ได้หรอก”
ในความคิดของหมอซู คนหมู่บ้านลี่เจียแห่งนี้มีคนสองคนที่แตกต่างจากคนธรรมดาทั่วไป คนแรกคือเว่ยฉิง และ อีกคนคือถังหลี่นั่นเอง
…..
ถังหลี่เดินทางมาถึงในเมือง นางก็ตรงรี่เข้าไปที่ร้านขายผ้า ทันทีที่นางไปถึงร้านพอเถ้าแก่เห็นนางเดินเข้ามา ดวงตาเขาเป็นประกายวาบขึ้นอย่างยินดี
“แม่นาง ในที่สุดเจ้าก็มาจนได้ ข้ารอเจ้ามาหลายวันแล้ว!” เขากล่าวก่อนจะเชิญถังหลี่เข้าไปห้องด้านในของร้านแล้วมองเข้าไปในห่อผ้าของถังหลี่ เมื่อหญิงสาวเห็นท่าทีของเขานางก็รู้ได้ว่า นางน่าจะได้รับข่าวดีอย่างแน่นอน!
“เถ้าแก่ ข้าเอางานปักทั้งหมดมาแล้ว” ถังหลี่พูดขณะที่แกะห่อผ้าออก นางหยิบงานปักสองชิ้นจากในห่อผ้าส่งให้เจ้าของร้าน เขารับมันไปและพินิจพิจารณาอย่างจริงจัง
ตอนแรกเขากังวลเล็กน้อย วันนั้นหญิงสาวให้แบบตัวอย่างมามันถูกเย็บปักอย่างประณีตเรียบร้อยดี แต่ชิ้นต่อมาอาจจะไม่ดีนัก แต่ตอนนี้ทุกชิ้นที่อยู่ในมือของเขาล้วนงดงามมาก ดูมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวทุกชิ้น
“แม่นาง ข้าขอดูผืนอื่นด้วยได้หรือไม่?”
การซื้อขายต้องทำอย่างซื่อสัตย์ตรงไปตรงมา ถังหลี่มอบห่อผ้าให้เขา
“ทั้งหมดอยู่ในนี้” เถ้าแก่ดูงานปักแต่ละชิ้นอย่างระมัดระมัง เขาชื่นชอบเป็นอย่างมาก
“เถ้าแก่ งานปักพวกนี้ท่านให้ราคาเท่าไหร่หรือ?” ถังหลี่เอ่ย เมื่อถูกถามเกี่ยวกับการตีราคางานปัก เขาก็ลังเล
“แม่นางได้โปรดรอสักครู่”
มีอะไรผิดพลาดไปหรือ?
หัวใจของถังหลี่เต้นถี่รัว ใบหน้าของเจ้าของร้านก็ไม่ได้ดูเหมือนคนตะหนี่ถี่เหนียวนี่นะ.. ในขณะนั้นเองม่านที่ประตูก็ถูกแหวกออก บุรุษในชุดสีขาวก้าวเข้ามา ชายหนุ่มตรงหน้าอายุราวยี่สิบต้น ๆ ผมของเขาถูกรวบไว้ด้วยกวาน[1]ทำให้เห็นดวงตาชัดเจน แต่ร่างกายของเขาผ่ายผอมเกินไป ใบหน้าซีดเซียวดูราวกับคนป่วย เมื่อเถ้าแก่เห็นเขาก็รีบลุกขึ้นโค้งคำนับอย่างรวดเร็ว
“นายท่านไป๋” จากนั้นเขาจึงแนะนำถังหลี่ให้รู้จัก
“แม่นาง นี่คือนายท่านไป๋ของร้านจือนี่ว์ฝาง ไป๋มู่หยาง หรือนายท่านไป๋”
“คารวะนายท่านไป๋ ข้าชื่อถังหลี่ จากหมู่บ้านลี่เจีย มณฑลชิงเหอ” ถังหลี่ทักทายไป๋มู่หยาง น้ำเสียงของนางไม่ได้นอบน้อมหรือเย่อหยิ่งจนเกินไป กิริยาของนางดูดีไม่เหมือนสตรีชาวบ้านเลย ทำให้ไป๋มู่หยางรู้สึกประหลาดใจขึ้นมา
ไป๋มู่หยางเดินทางขึ้นเหนือล่องใต้ ไม่ใช่ว่าเขาไม่เคยเจอสตรีที่เก่งกาจในด้านการค้ามาก่อน แต่เขาไม่คาดคิดว่าจะเจอสตรีเช่นนี้อยู่ในพื้นที่ชนบทห่างไกลแห่งนี้
“ขออภัยด้วยแม่นางถัง ข้าต้องออกไปทำธุระมาเลยทำให้ท่านรอนาน”
“ไม่ต้องมากพิธีหรอกนายท่านไป๋”
“นายท่านไป๋ นี่เป็นงานปักผืนใหม่ที่แม่นางถังนำมา” เถ้าแก่มอบงานปักให้นายท่านไป๋ดู ไป๋มู่หยางนั่งลง และหยิบงานปักขึ้นมาพินิจดูด้วยสีหน้าที่จริงจัง
“ข้าได้ยินจากหลินตงว่า งานปักนี้ท่านไม่ได้ทำแต่เป็นพี่สาวที่บ้านหรือ? พอได้ดูแล้วมันทำให้ข้านึกถึงงานปักของคนผู้หนึ่ง แต่เสียดายที่นางไม่อยู่แล้ว” ไป๋มู่หยางยิ้ม
“แม่นาง… ข้าจะให้ค่าตอบแทนท่านสำหรับงานปักพวกนี้สิบตำลึงต่อชิ้นใหญ่ และห้าตำลึงต่อชิ้นเล็ก ขอตีราคารวมเช่นนี้เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาที่หลัง ท่านพอใจหรือไม่?”
ดวงตาของถังหลี่เบิกกว้าง
ราคาไม่สูงไปหน่อยหรือ?…
[1] กวาน คือสิ่งที่ชนชั้นสูงชาวจีนในสมัยโบราณใช้สวมครอบบนศีรษะ เพื่อเป็นเครื่องบอกระดับประดับพระยศพระเกียรติ