เจ้าวายร้ายทั้งสาม มาให้แม่เลี้ยงอย่างข้ากล่อมเกลาเสียดีๆ - บทที่ 256 ความช่วยเหลือจากเว่ยจื่ออั๋งและสวี่เจวี๋ย
- Home
- เจ้าวายร้ายทั้งสาม มาให้แม่เลี้ยงอย่างข้ากล่อมเกลาเสียดีๆ
- บทที่ 256 ความช่วยเหลือจากเว่ยจื่ออั๋งและสวี่เจวี๋ย
บทที่ 256 ความช่วยเหลือจากเว่ยจื่ออั๋งและสวี่เจวี๋ย
เด็กทั้งสองคนช่วยจั๋วชูมาครั้งแล้วครั้งเล่า
“เป็นสหายกันต้องร่วมทุกข์ร่วมสุข หาตัวคนร้ายส่งให้อาจารย์กันเถอะ”
“ใช่แล้ว มันไม่ใช่ความผิดของเจ้า แต่เป็นความผิดของเหล่าคนชั่วพวกนั้น”
จั๋วชูรู้สึกดีขึ้นหลังจากที่เพื่อนทั้งสองผลัดกันปลอบโยนเขา แผนการของทั้งสามคนนั้นเรียบง่ายมาก พวกเขาเปลี่ยนแท่นฝนหมึกและหนังสือของจั๋วชูเป็นของใหม่ ส่วนจั๋วชูเองก็ทำตัวดูมีความสุขราวกับว่าไม่มีเรื่องเลวร้ายอะไรเกิดขึ้นมาก่อน
เมื่อถึงตอนเที่ยงวัน พวกศิษย์ในสำนักต่างออกไปทานข้าวกันหมด เงาร่างหนึ่งค่อย ๆ ย่องไปที่โต๊ะเรียนของจั๋วชู เขาหยิบแท่นหมึกของจั๋วชูออกมาและกำลังจะโยนมันลงไปบนพื้น ทันใดนั้นเอง
“หยุดนะ!!”
ประตูห้องเรียนถูกผลักออก ทั้งต้าเป่า สวี่เจวี๋ยและจั๋วชูต่างกรูกันเข้ามา ทั้งสามคนเห็นเด็กหนุ่มผู้หนึ่ง ซึ่งไม่คุ้นเคยมาก่อน เหตุใดเขาจึงมาแกล้งจั๋วชูด้วยเล่า?
ตอนนี้เด็กหนุ่มมีสีหน้าตื่นตระหนก เขาโยนของในมือทิ้งก่อนที่จะตั้งท่าจะวิ่งหนีไป
“อย่าหนีนะ! เจ้าเป็นคนแกล้งจั๋วชู ไปพบท่านอาจารย์กับพวกข้าซะ!” สวี่เจวี๋ยพูดเสียงดัง
ทั้งสามคนพยายามจะหยุดเด็กหนุ่มผู้นั้น ในขณะนั้นเองศิษย์ที่กลับมาจากพักกลางวันก็วิ่งเข้ามาช่วย
“เจียงเฉิงเป่าเป็นเจ้านั่นเอง! เจ้าบ้าไปแล้วหรือ?!”
เจียงเฉิงเป่านั้นเป็นคนที่ขี้ขลาดจนไม่มีผู้ใดคิดว่าเขาจะทำเรื่องเช่นนี้ได้
“เจ้าอาศัยอำนาจเงินของที่บ้านยัดเข้ามาเรียนที่นี่ ถึงเจ้าจะไม่อยากเรียนก็อย่าทำเรื่องน่าอับอายเช่นนี้!”
“ใช่ คิดว่าทำถูกแล้วหรือ? ลอบรังแกผู้อื่นทุกวัน!”
“คนเช่นเจ้าไม่คู่ควรที่จะมาเล่าเรียนเช่นปัญญาชน!”
“ไป ไปพบท่านเจ้าสำนักซะ!”
เจียงเฉิงเป่าต้องการที่จะหดหัวเข้าไปซ่อนที่หลังคอเสื้อ ผู้คนในที่นี้ล้วนแสดงออกถึงความเกลียดชังเขา ก่อนจะพาตัวเขาไปหาเจ้าสำนัก ระหว่างทางนั้นเองต้าเป่าก็รู้เรื่องของเจียงเฉิงเป่าจากสหายร่วมชั้น เขาเป็นบุตรชายของพ่อค้าเป็นคนขี้ขลาดและขี้อาย ศิษย์ทุกคนในสำนักไม่ชอบเขาเอามาก ๆ เจียงเฉิงเป่าไม่เคยข้องแวะกับจั๋วชูแล้วเหตุใดเขาจึงทำเช่นนั้น?
ต้าเป่ารู้สึกว่าเรื่องนี้มีบางอย่างดูผิดปกติ
ใบหน้าของเจียงเฉิงเป่าซีดเผือดเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก เสียงอึงอลจากผู้คนรอบข้างต่างชี้มือและจ้องมองเขาอย่างรังเกียจ เด็กหนุ่มหวาดกลัวเสียงและสายตาพวกนี้มาก จนทำให้ร่างกายของเขาสั่นอย่างไม่รู้ตัว
ทันใดนั้นเองเขาก็เห็นร่างที่คุ้นเคย เจียงเฉิงเป่าราวกับเห็นแสงแห่งความหวัง แต่เมื่อฉีเหยาเหวินเดินเข้ามาใกล้เขากลับมองไปยังจั๋วชูด้วยท่าทีกังวล
“จั๋วชู เขาเป็นคนรังแกเจ้าหรือ? เหตุใดถึงได้มีคนน่ารังเกียจเช่นนี้ด้วย เจ้าไม่ต้องคิดมากหรอก อย่างไรเสียเจ้าสำนักต้องทวงความยุติธรรมให้เจ้าแน่นอน!”
หัวใจของเจียงเฉิงเป่าจมลงสู่ห้วงหุบเหวลึก ร่างอ้วน ๆ ของเขาสั่นสะท้านแรงยิ่งขึ้น ก่อนเขาจะถูกพาตัวไปหาเจ้าสำนัก เมื่อไปถึง ต้าเป่าเล่าทุกอย่างที่เจียงเฉิงเป่าทำให้เจ้าสำนักฟัง
เมื่อฟังทุกอย่างแล้วใบหน้าของเจ้าสำนักบิดเบี้ยวด้วยความโกรธ
“เจียงเฉิงเป่า แทนที่จะมารังแกเพื่อนเช่นนี้ เหตุใดจึงไม่เอาเวลาไปตั้งใจเรียน!”
เจียงเฉิงเป่าก้มหน้าลง ไม่พูดอะไรแม้แต่คำเดียว
“เหตุใดเจ้าถึงรังแกจั๋วชู? เขาทำอะไรให้เจ้าขุ่นเคืองใจหรือ?”
“เมื่อไม่กี่วันก่อนมีบ่าวรับใช้กลุ่มหนึ่งมาดักรุมจั๋วชู นั่นก็เป็นบ่าวรับใช้ของตระกูลเจ้าใช่หรือไม่?”
ไม่ว่าพวกเขาจะถามอะไรเจียงเฉิงเป่าก็เอาแต่ก้มหน้านิ่งไม่ปริปาก ทำให้เจ้าสำนักเหอโกรธจัดมากเช่นกัน
“เจียงเฉิงเป่า! ดูเหมือนว่าเจ้าจะไม่สำนึกเลย สำนักศึกษาแห่งนี้คงไม่สามารถสั่งสอนเจ้าได้อีกต่อไป! ไปตามบิดาเจ้ามา!”
เมื่อได้ยินอีกฝ่ายพูดถึงบิดา ร่างกายของเขาสั่นเทา แต่ก็ยังคงไม่ปริปากใด ๆ เอาแต่หดหัวยืนนิ่งไม่ขยับเขยื้อนไปไหน
พอเห็นเช่นนั้นเจ้าสำนักก็ไร้ทางเลือกอื่น นอกจากให้คนไปจวนสกุลเจียงเพื่อแจ้งบิดาของเจียงเฉิงเป่า
“จั๋วชู… เจียงเฉิงเป่ารังแกเจ้า ข้าจะจัดการเรื่องนี้ให้เจ้าแน่นอน สำนักศึกษาหลวงของเราเป็นที่แสวงหาความรู้ คนที่ไม่มีเจตนาดีย่อมอยู่ไม่ได้เช่นกัน”
หลังจากที่หันไปคุยกับจั๋วชู เจ้าสำนักเหอก็ให้ทุกคนกลับเข้าชั้นเรียน
“กลับไปเรียนกันได้แล้ว”
พวกเขาแยกย้ายกันกลับไป
ทั้งต้าเป่าและสวี่เจวี๋ยต่างถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก พวกเขาดีใจที่เรื่องนี้จบลงได้ด้วยดี
“จั๋วชูในที่สุดก็พบคนร้ายแล้ว จะไม่มีใครมาทำอะไรเจ้าได้อีก”
จั๋วชูพยักหน้ารับ เขาจับมือต้าเป่าไว้ข้างหนึ่งและมือของสวี่เจวี๋ยอีกข้างหนึ่ง
“ขอบใจพวกเจ้ามาก”
หากเป็นเมื่อก่อนจั๋วชูคงเลือกที่จะอดทนเงียบ ๆ แต่ตอนนี้เขามีสหาย มีคนคอยช่วยเหลือและปกป้องเขา ความรู้สึกนี้มันช่างอบอุ่นเหลือเกิน
ในขณะที่ต้าเป่าและคนอื่น ๆ อยู่ในชั้นเรียน บิดาของเจียงเฉิงเป่าก็รีบมาที่สำนัก ใบหน้าของเขาบึ้งตึงมาก
บิดาของเจียงเฉิงเป่าชำเลืองมองบุตรชายที่ซุกตัวหัวหดอยู่ที่มุมห้อง รู้สึกเวียนหัวจะเป็นลม ระหว่างทางที่มาสำนักศึกษา เขาได้ยินว่าบุตรชายของเขานั้นได้ทำเรื่องที่ ‘ดี’ อย่างการรังแกศิษย์คนอื่นในสำนัก
ลูกคนนี้ทำให้เขาผิดหวังเสียจริงๆ!
“เจียงเฉิงเป่า เจ้าออกไปก่อน” เขาพูดกับลูกชายด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา
เจียงเฉิงเป่าก้มหน้างุดเดินออกประตูไป
บิดาของเขาหันมาขอโทษเจ้าสำนักเหอทันที
“ไม่จำเป็นต้องขอโทษข้า นายท่านเจียง ท่านควรไปขอโทษเด็ก ๆ ที่โดนบุตรชายของท่านรังแกจะดีกว่า”
“ข้าจำเป็นต้องขอโทษท่านเจ้าสำนัก! บุตรชายของข้าทำเรื่องผิดพลาดไป เป็นหน้าที่ที่ข้าต้องรับผิดชอบ ข้าจะสั่งสอนเขาเอง ได้โปรด ท่านช่วยให้โอกาสเขาอีกครั้งได้หรือไม่?”
เจ้าสำนักเหอมีสีหน้ากระอักกระอ่วน เขาให้ความสำคัญกับชื่อเสียงของสำนักศึกษาเป็นอย่างมาก หากพฤติกรรมของเจียงเฉิงเป่าแพร่กระจายออกไปล่ะก็ ย่อมส่งผลกระทบต่อชื่อเสียงสำนักศึกษาเป็นแน่
แต่เมื่อเห็นท่าทางอ้อนวอนขอร้องของนายท่านเจียงแล้ว ชายผู้นี้เป็นบุคคลที่น่านับถือของมณฑลเหอตง… เขามีความสัมพันธ์ที่ดีกับท่านเจ้าเมือง ทั้ง ๆ ที่เขาจะไปหาท่านเจ้าเมืองและใช้อำนาจก็ย่อมได้ ทว่าเขากลับกล้าที่จะยอมรับผิดและกล่าวขอโทษ ถือได้ว่าเป็นคนนิสัยไม่เลวเลย
บิดาของเจียงเฉิงเป่าขอร้องอยู่นาน สุดท้ายแล้วท่านเจ้าสำนักก็ใจอ่อน
“นายท่านเจียง..หากเด็กที่ถูกรังแกไม่ถือสาเอาความและเจียงเฉิงเป่าเองยอมรับความผิดอย่างจริงใจ ก็สามารถเรียนที่นี่ต่อไปได้ หากไม่…” เจ้าสำนักเหอกล่าว
“ข้าจะพาเขากลับไปและลงโทษอย่างยุติธรรม! หากมีครั้งต่อไป ข้าจะทุบไอ้เด็กเลวคนนี้ให้ตายจะได้ไม่ออกมาทำร้ายคนอื่นอีก!”
นายท่านเจียงพูดอย่างรวดเร็ว
หลังเลิกเรียน
เมื่อจั๋วชูออกจากห้องเรียน เขาก็ต้องหยุดชะงัก
“บัณฑิตจั๋วชู ข้าเป็นบิดาของเจียงเฉิงเป่า ข้าขอคุยด้วยสักหน่อยได้หรือไม่?” บิดาของเจียงเฉิงเป่าเอ่ยถามเบา ๆ จั๋วชูได้ยินก็ขมวดคิ้ว
ต้าเป่ากับสวี่เจวี๋ยเดินตามหลังเขามา เมื่อเห็นเหตุการณ์ข้างหน้าก็มีมีท่าทีหวาดระแวง
“ใช้เวลาไม่นานนักหรอก ข้าสัญญา” บิดาของเจียงเฉิงเป่ากล่าว
จั๋วชูเห็นท่าทางของนายท่านเจียงดูมีความจริงใจ เขาจึงได้พยักหน้า
“จื่ออั๋ง สวี่เจวี๋ย ข้าขอตัวไปคุยกับเขาสักครู่ ไม่ต้องกังวล”
จั๋วชูเดินตามนายท่านเจียงออกไป พวกเขายืนอยู่ไม่ห่างจากต้าเป่าและสวี่เจวี๋ยนัก ทั้งสองพูดคุยกันไม่นาน บิดาของเจียงเฉิงเป่าก็จากไป
ต้าเป่าและสวี่เจวี๋ยเข้าไปหาจั๋วชูอย่างกังวล
“เขาพูดอะไรกับเจ้า?”
“เขาไม่ได้ขู่เจ้าใช่ไหม?”
เด็กหนุ่มส่ายหัว
“ไม่ เขาแค่มาขอโทษข้าแทนเจียงเฉิงเป่า หวังว่าข้าจะยกโทษให้ลูกชายเขา หากข้าไม่ยกโทษให้ ท่านเจ้าสำนักจะไล่เขาออกจากสำนักศึกษา”
“ก็สมควรแล้ว”
“จั๋วชูเจ้าคงไม่ยอมใช่ไหม?”
เจียงเฉิงเป่าทำตัวแย่มากเขาควรโดนไล่ออก!
“ข้าให้อภัยเขา” จั๋วชูกล่าว
“อะไรนะ!” ต้าเป่าและสวี่เจวี๋ยมีสีหน้าประหลาดใจมากเมื่อได้ยินเช่นนี้
เจียงเฉิงเป่าทำกับจั๋วชูถึงขนาดนั้น จะให้อภัยเขาได้อย่างไร!
“ตอนที่ข้าเห็นบิดาของเจียงเฉิงเป่า มันทำให้ข้านึกถึงท่านพ่อของข้า” จั๋วชูกล่าว
หากเป็นเพียงแค่เจียงเฉิงเป่า จั๋วชูคงไม่สามารถให้อภัยอีกฝ่ายได้อย่างง่ายดาย แต่เพราะบิดาของเขาได้มาขอร้องด้วยตัวเอง ทำให้จั๋วชูนึกถึงบิดาขึ้นมา ในตอนที่บิดาพยายามหาเงินเพื่อส่งจั๋วชูมาเรียน เขาก็ไปขอร้องคนอื่นด้วยท่าทีเช่นนี้เมื่อนึกถึงแล้วจั๋วชูรู้สึกปวดใจ เขาคิดถึงบิดาที่น่าสงสารของเขา
“เขาสัญญากับข้าว่าจะไม่ปล่อยให้เจียงเฉิงเป่ารังแกข้าได้อีก ดังนั้นพวกเจ้าไม่ต้องกังวลนะ” จั๋วชูกล่าว
เด็กทั้งสองพยักหน้า
ทว่าต้าเป่ายังรู้สึกติดใจไม่หาย